แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 783 ป้าใหญ่ฝู เก๋อเก๋อแห่งราชวงศ์ชิง
ตอนที่ 783 ป้าใหญ่ฝู เก๋อเก๋อแห่งราชวงศ์ชิง
หลินม่ายหันศีรษะไปมอง ก่อนเห็นใบหน้าของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนที่บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ
เธอหัวเราะอย่างเหยียดหยาม “ได้รับการปล่อยตัวหลังจากรับโทษแล้วเหรอ? แล้วมาหาฉันทำไม? อยากให้ฉันส่งคุณกลับไปที่ห้องขังเพื่อกินข้าวแดงในคุกอีกเหรอ?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนค่อย ๆ หายไป
เมื่อคราวที่หลินม่ายเข้าไปยังสถานที่จัดงาน เขาไม่ได้ลักลอบทำบางอย่างต่อรถของเธอ
เป็นเพราะเขาคิดแผนการที่ดีกว่านั้นได้
แผนการนี้ไม่เพียงทำร้ายหลินม่ายอย่างรุนแรงและทำให้เธอเจ็บปวดปางตาย แต่ยังฉ้อโกงเงินจำนวนมากของเธอมาได้อีกด้วย
หลังจากที่หลินเพ่ยได้รับการปล่อยตัวจากคุก หล่อนจะได้ไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างลำบากร่วมกับเขา และเขาสามารถเลี้ยงดูหล่อนให้มีชีวิตที่ดีได้
แต่เมื่อเห็นท่าทางเยาะเย้ยของหลินม่าย อู๋เสี่ยวเจี๋ยนก็โกรธจนแทบจะระเบิดทันที
นังสารเลวคนนี้ส่งเขาเข้าคุกโดยไม่สำนึกผิด แล้วกล้าดียังไงถึงทำกับเขาแบบนี้?
หล่อนไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรืออย่างไร?
แผนการอันยอดเยี่ยมที่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนคิดจะแก้แค้นหลินม่ายก็คือ แสร้งทำเป็นสงบศึกและคืนดีกับเธอ เพื่อให้เธอตายใจและริเริ่มให้เงินเขาใช้เหมือนเมื่อก่อน
หลังจากรีดไถเงินของเธอจนหมดสิ้น เขาก็จะนำเงินทั้งหมดที่ได้จากหลินม่ายไปมอบให้หลินเพ่ย จากนั้นก็ขับไสไล่ส่งหลินม่ายออกไป
หากผู้หญิงคนนี้ถูกล่อลวงอีกครั้ง เธอจะต้องสิ้นหวังมากแน่นอน และความสิ้นหวังนั้นอาจนำพาไปสู่การฆ่าตัวตาย ซึ่งจะเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งสำหรับเขา
ผู้หญิงเลวอย่างหล่อนไม่สมควรมีชีวิตบนในโลกนี้
เหตุผลที่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนมั่นใจว่าตราบใดที่เขาแสดงความกรุณาต่อหลินม่าย นังสารเลวคนนี้จะต้องกลับมาหาเขาโดยไม่ลังเล เป็นเพราะหลินม่ายเคยชื่นชอบเขามาก่อน!
เขาไม่เคยเห็นหญิงสาวราคาถูกเท่าหลินม่ายมาก่อนเลยในชีวิต
ทั้งที่รู้ว่าเขาไม่รักเธอ แต่เธอกลับทุ่มเทให้เขาได้ เป็นเหมือนสุนัขโง่เขลาที่ต่อให้เอาไม้ไล่ตีก็ไม่ยอมจากไปไหน
แม้ว่าเธอจะส่งเขาเข้าคุกในภายหลัง แต่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนก็คิดวิเคราะห์แล้วว่า นั่นไม่ใช่สัญญาณว่าเธอไม่รักเขา แต่เป็นสัญญาณว่าเธอรักเขามากเกินไป
เป็นเพราะรักมากจึงทำให้เกลียดมาก
เพราะเธออิจฉาในความใจดีของเขาที่มีต่อพี่สาวตัวเอง เขาจึงคบคิดกับพี่สาวของเธอและวางแผนต่อต้านเธอ
นั่นเป็นเหตุผลที่เธอโกรธมากจนเสียสติและส่งเขาเข้าคุก
เขาติดคุกมาเป็นเวลาสองปี และนังสารเลวหลินม่ายควรจะสงบลงได้แล้ว
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนคาดคิดว่าหลินม่ายจะตื่นเต้นมากจนน้ำตาไหลเมื่อเห็นเขากลับมา
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดที่เขาเห็นในดวงตาของหญิงสาวคือความดูถูกเหยียดหยามและความสะอิดสะเอียน
เขาอดไม่ได้ที่จะสบประมาทในใจ ความรักของผู้หญิงคนนี้ที่มีต่อเขายังไม่หายไปอีกเหรอ?
คนอย่างเธอสมควรถูกทอดทิ้งเยี่ยงขยะ!
เนื่องจากหลินม่ายยังคงโกรธอยู่ การเกลี้ยกล่อมให้เธอใจเย็นลงจึงเป็นหนทางที่ดีที่สุด
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนพยายามข่มอารมณ์ไม่ให้ยื่นมือออกไปและบีบคอหลินม่ายจนตกตาย เวลานี้ดวงตาของเขาแดงก่ำ
“ม่ายจื่อ เราไม่ได้เจอกันมาเนิ่นนาน ทำไมถึงพูดจาโหดร้ายเหมือนมีดแหลมทิ่มอกแบบนั้นกับฉันล่ะ?”
หลินม่ายเผยรอยยิ้มบนใบหน้า “แล้วทำไมฉันจะพูดแบบนั้นกับคุณไม่ได้?”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนถูกเยาะเย้ยจนเกือบเสียสติ
แต่มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในใจคอยเตือนเขาอยู่เสมอ ‘อดทน อดทนเข้าไว้!’
เพื่อที่จะโกงเงินจากนังสารเลวคนนี้และนำไปปรนเปรอหลินเพ่ย เขาต้องไม่หุนหันพลันแล่น
เขาหยุดนิ่งชั่วขณะ ก่อนกล่าวคำอย่างใจเย็น “ม่ายจื่อ เธอรู้บ้างไหม ว่าฉันต้องทนทุกข์ทรมานแค่ไหนในคุก? ฉันถูกคนพาลในเรือนจำแย่งอาหารไป ถูกเฆี่ยนตีอย่างรุนแรง แล้วยัง…”
เขากล่าวคำพลางน้ำตาไหลพรากด้วยความคับแค้นใจ
มันเป็นเรื่องที่ขมขื่นยิ่งนัก เขาต้องสูญเสียศักดิ์ศรีความเป็นชายในคุกแห่งนั้น
เขากล่าวคำอย่างละล่ำละลัก “ในตอนนั้นฉันคิดที่จะตายด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะความคิดที่อยากพบเธอเป็นครั้งสุดท้ายที่คอยดึงรั้งฉันไว้ ฉันคงไม่มีชีวิตอยู่จนถึงวันปล่อยตัว”
ในถ้อยคำเหล่านี้ อู๋เสี่ยวเจี๋ยนไม่ได้โกหกแม้แต่คำเดียว
ทุกครั้งที่เขาต้องการความสะดวกสบายและความอบอุ่น สิ่งแรกที่เขานึกถึงคือหลินม่ายนังผู้หญิงแพศยา
เมื่อได้รับผลประโยชน์ที่ต้องการ เขาคิดแค่ว่าจะต้องมอบมันให้หลินเพ่ย เขาไม่เคยนึกถึงพ่อแม่หรือครอบครัวตัวเองด้วยซ้ำ
นอกจากนี้เขายังวิเคราะห์ด้วยจิตวิทยา มันเป็นความจริงที่ว่าหลินม่ายสุนัขตัวเมียนั้นเคยชื่นชอบและอุทิศตนให้เขามากมายมาก่อน
เมื่อนั้นเขาจึงคิดถึงความใจดีของเธอ และจะไม่มีวันลืมเธอเลย ซึ่งนั่นคือความจริงทั้งหมด
ในช่วงชีวิตนี้มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรักหลินม่าย เขาแค่ต้องการเล่นสนุกกับเธอและหลอกใช้เธอเท่านั้น
หลังจากรับฟังถ้อยคำดังกล่าว หลินม่ายก็แสร้งทำเป็นเสียใจ “น่าเสียดาย ทำไมคุณถึงไม่ทรมานและตกตายในคุกนั้นไปเลยล่ะ? ทำไมถึงต้องยืนกรานที่จะมีชีวิตออกจากคุก? คุณไม่รู้หรือว่าคนอย่างคุณมีชีวิตอยู่ก็เปลืองอาหารและอากาศไปเปล่าๆ?”
สิ้นเสียงกล่าว เธอเหยียดยิ้มอย่างดูถูก ก่อนขึ้นรถและขับออกไป
เขม่าควันสีดำพ่นใส่ทั่วศีรษะและลำตัวของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนจนทำให้เขาสำลัก
เขายกมือปิดจมูกป้องกันควันสีดำเหล่านั้น ดวงตาจ้องมองรถเบนซ์ของหลินม่ายที่ขับหายไปจากสายตาอย่างรวดเร็วขณะเผยยิ้มมุ่งมั่นบนใบหน้า
เขาเคยเห็นประโยคหนึ่งในหนังสือ คนที่เคยรักคุณมาก่อน หากเขาหมดรักแล้วจะเพียงปล่อยคุณไป และไม่โกรธเกลียด
เพราะไม่มีความเกลียดชังใดที่ปราศจากความรัก
แต่เห็นได้ชัดว่านังแพศยายังคงเกลียดเขามาก ซึ่งหมายความว่าเธอยังคงรักเขานั่นเอง
ตราบใดที่เขาวนเวียนไปทักทายเธออีกสองถึงสามครั้ง เธอจะต้องกลับมาหาเขาอย่างแน่นอน
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ รอยยิ้มชั่วร้ายพลันปรากฏขึ้นที่มุมปาก
ขณะที่เขากำลังจากไป หญิงชราวัยห้าสิบเศษสวมเสื้อโค้ทขนสัตว์สีดำเดินตรงมาหาเขา
หล่อนกระซิบถาม “พ่อหนุ่ม เมื่อครู่เธอพูดเรื่องอะไรกับผู้หญิงคนนั้นหรือ? ฉันเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นพูดคุยกับเธอด้วยท่าทางหยิ่งยโส”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนไม่ต้องการพูดคุยกับหญิงชราคนนั้นในตอนแรก
แต่เมื่อเห็นว่านางแต่งตัวดีและดูมีฐานะทางการเงินที่มั่นคง
เขาเปลี่ยนใจในทันทีและวางแผนที่จะหลอกโกงเงินจากหญิงชราช่างพูดและชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านคนนี้ด้วย
ตั้งแต่เดินทางสายนี้จากเมืองเจียงเฉิงไปจนถึงเมืองหลวง อู๋เสี่ยวเจี๋ยนเก็บเกี่ยวประสบการณ์มากพอควร และหญิงชราเป็นผู้ที่สามารถหลอกโกงเงินได้ง่ายที่สุด
เขาแสร้งทำตัวน่าสงสารและแต่งเรื่องเศร้าขึ้นมา
บอกกล่าวว่าผู้หญิงหยิ่งยโสที่นางเห็นเมื่อครู่คือแฟนของเขาเอง
แฟนสาวของเขาเป็นคนวัตถุนิยม ชอบใช้จ่ายทรัพย์สินของครอบครัวและยืมหนี้สินจากต่างประเทศเพื่อให้หล่อนได้มาที่เมืองหลวง
โดยไม่คาดคิด หลังจากที่แฟนสาวได้ตั้งหลักอย่างมั่นคงในเมืองหลวง ด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นของหล่อน หล่อนเข้าหาทายาทคนรวยรุ่นสองและทอดทิ้งเขาไป
เขาทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินทุน โดยหวังว่าจะได้กลับไปคบกับแฟนสาวอีกครั้ง แต่หล่อนกลับปฏิเสธอย่างไม่ใยดีและบอกให้เขาไปให้พ้น
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ อู๋เสี่ยวเจี๋ยนแกล้งทำเป็นกลั้นน้ำตาและกล่าวคำต่อ “แม้หล่อนจะอยากให้ผมไป แต่ผมจะไปที่ไหนได้ ผมไม่มีเงินทองเพียงพอที่จะซื้ออาหารกินด้วยซ้ำ”
หญิงชราเห็นอกเห็นใจเขาอย่างสุดซึ้งหลังจากรับฟังเรื่องราว และเชิญให้เขาอยู่ที่บ้านของนางก่อน
นางเป็นหญิงชราอายุมากที่แทบจะเป็นยายของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนได้ ต่อให้พาชายหนุ่มแบบเขากลับบ้าน ก็จะไม่มีใครนินทาว่าร้าย
ยุคสมัยนี้ไม่มีใครคิดสกปรกไปในทางนั้น
แต่หากเปลี่ยนเป็นชายชรากับเด็กสาวแทน ผู้คนคงคิดไปในทิศทางนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนมีความสุขมากที่จะมีบ้านไว้ซุกหัวนอนและอิ่มท้อง เขาแสร้งทำเป็นปฏิเสธเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวตกลง
การไปอยู่ที่บ้านของหญิงชราคนนี้ ทำให้เขาสามารถประหยัดเงินค่าอาหารและค่าเช่าได้
และเมื่อไปเรือนจำในเดือนหน้า เขายังสามารถซื้อไก่ย่างไปฝากหลินเพ่ยได้
ทั้งสองเดินไปด้วยกันจนถึงบ้านของหญิงชราขณะพูดคุยกันตลอดทาง
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนได้รู้ว่าหญิงชราชื่อฝูโช่วกุ้ย
ฝูโช่วกุ้ยพูดด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “แม้ว่าชื่อของฉันจะเรียบง่าย แต่แซ่ของฉันนั้นสูงส่งมาก แซ่ของฉันเป็นนามสกุลของกองพลธงเหลืองในราชวงศ์ชิง หากนี่ยังเป็นสมัยราชวงศ์ชิง ฉันก็จะเป็นเก๋อเก๋อ*”
(*格格 คำเรียกพระธิดาของเจ้าชายหรือเชื้อพระวงศ์ในสมัยราชวงศ์ชิง เทียบได้กับท่านหญิง หม่อมเจ้าหญิง)
เมื่อได้ฟังว่านางพูดถึงราชวงศ์ชิง หัวใจของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนก็เต้นรัว
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นโยบายระดับชาติได้รับการปรับปรุง คนทั่วไปสามารถพูดสิ่งใดก็ได้ตามที่ต้องการ ตราบใดที่ไม่ผิดกฎหมาย
หากฝูโช่วกุ้ยพูดคำเหล่านี้ในช่วงปี 1960 ถึง 1970 นางคงถูกลงโทษสถานหนักจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ
ฝูโช่วกุ้ยยังบอกอู๋เสี่ยวเจี๋ยนอีกว่า นางเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่เกษียณอายุจากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีน
เมื่ออู๋เสี่ยวเจี๋ยนได้ได้รับฟังสิ่งนี้ เขาก็แสร้งทำเป็นตกตะลึง
เขาชื่นชมปัญญาชนอย่างมาก แต่ก็สงสัยว่าฝูโช่วกุ้ยกำลังพูดโม้
หญิงชราวัยเดียวกันเก้าในสิบคนไม่รู้หนังสือ เมื่อพูดว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์หญิงก็ยิ่งหาได้ยาก
เขาจะโชคดีขนาดนี้ได้อย่างไร ถึงขนาดได้บังเอิญมาพบกับหญิงชราที่เป็นนักวิทยาศาสตร์!
แต่เมื่อมาถึงบ้านของฝูโช่วกุ้ยและเห็นว่าเป็นบ้านใหญ่ที่มีถึงสามห้องนอน เขาจึงเชื่อในคำพูดของนาง
สภาพที่อยู่อาศัยในเมืองค่อนข้างคับแคบมาก หากฝูโช่วกุ้ยไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ นางจะได้รับการจัดสรรบ้านสามห้องนอนได้อย่างไร?
ด้วยเพราะอู๋เสี่ยวเจี๋ยนเติบโตในชนบทและจากนั้นถูกจำคุกสองปี ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เห็นโลกมากนัก
เขาไม่รู้ว่าตั้งแต่ต้นปี 1970 ประเทศได้ให้ความสนใจอย่างมากกับสภาพความเป็นอยู่ของนักวิทยาศาสตร์
พวกเขาทั้งหมดจัดอยู่ในบ้านพักขนาดใหญ่ที่มีสามห้องนอนและหนึ่งห้องนั่งเล่น พร้อมทั้งห้องครัวและห้องน้ำที่แยกเป็นสัดส่วน
บ้านพักที่เพียบพร้อมแบบนี้มีไว้ให้พวกเขาได้อยู่ในยามที่บ้านเมืองลำบาก
ตอนนี้สภาพในประเทศดีขึ้น พวกเขาได้จึงรับอนุญาตให้ย้ายเข้าไปอยู่บ้านพักขนาดใหญ่เหล่านี้ได้
บ้านพักร่วมประเภทนี้ถูกจัดสรรให้กับสมาชิกทุกคนของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีน
สามีของฝูโช่วกุ้ยที่เสียชีวิตไปนานแล้วเป็นช่างซ่อมบำรุงในสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีน และทั้งคู่ได้รับการจัดสรรให้อยู่ในบ้านพักสามห้องนอน
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนไม่คาดคิดว่าฝูโช่วกุ้ยจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งประเทศจีนจริง ๆ แล้วนางจะเกษียณอายุทันทีที่อายุห้าสิบได้อย่างไร
นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ยังคงทำงานจนอายุ 60 หรือ 70 ปี ตราบเท่าที่ยังทำได้ พวกเขาจะยืนกรานส่องแสงให้กับประเทศต่อไป
ในชีวิตที่แล้วหลินม่ายได้เห็นนักวิทยาศาสตร์ระดับชาติหลายคนที่มีอายุเกิน 80 ปีและยังต้องดิ้นรนหางานทำ
ในคืนแรกที่เข้าพักในบ้านของฝูโช่วกุ้ย อู๋เสี่ยวเจี๋ยนไม่เพียงได้กินซาลาเปานึ่งใหม่เท่านั้น แต่ยังได้ดื่มซุปเนื้อแกะร้อน ๆ อีกด้วย
นี่เป็นอาหารจานเนื้อมื้อแรกที่เขาได้กินตั้งแต่เข้าไปในเรือนจำ
ขณะที่กำลังกินซุปเนื้อแกะอย่างมีความสุข เขาก็หวนคิดถึงหลินเพ่ยภรรยาของเขา ค่ำคืนนี้หล่อนจะได้กินอะไรในคุก?
เป็นไปไม่ได้ที่หลินเพ่ยจะกินดีอยู่ดีในคุก แต่ครอบครัวของหลินม่ายคงจะได้กินหรูอยู่สบาย
ไม่ว่าจะลูกชิ้นไข่มุก ทอดมันปลา กุ้งตุ๋นน้ำมัน ผักโขมผัดดอกกะหล่ำ และซุปวุ้นเส้นเต้าหู้
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนที่ไม่ได้กินอาหารดีๆ มาเป็นเวลานานรู้สึกหิวโหยมากจนน้ำลายไหลเมื่อได้เห็นอาหารมากมายบนโต๊ะ
เมื่อป้าใหญ่ฝูเห็นอู๋เสี่ยวเจี๋ยนกำลังกินอาหารอย่างมีความสุข สัญชาตญาณความเป็นแม่ของนางก็ระเบิดออกมา
นางตักเนื้อแกะทั้งหมดในชามตัวตัวเองให้กับอู๋เสี่ยวเจี๋ยนและกล่าวอย่างใจดี “รีบกินตอนที่มันยังร้อนอยู่ซะนะ”
ความอบอุ่นแทรกซึมเข้ามาในหัวใจอู๋เสี่ยวเจี๋ยนชั่วขณะ เขาแสร้งทำเป็นปฏิเสธเล็กน้อย ก่อนจะยกชามดื่มซุปเนื้อแกะอึกใหญ่
ป้าใหญ่ฝูคิดว่าที่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะแฟนเก่าที่ไร้เหตุผลของเขา
สีหน้าของนางพลันบิดเบี้ยวน่าเกลียดเล็กน้อย “เสี่ยวอู๋ เธอจะปล่อยแฟนเก่าไปแบบนี้น่ะหรือ?”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ และถามด้วยความงุนงงว่า “แล้วผมจะทำยังไงได้อีกล่ะครับหากไม่ปล่อยหล่อนไป?”
“เธอไปสร้างความวุ่นวายทำลายชื่อเสียงที่บ้านพักและหน่วยงานที่หล่อนทำงานได้นะ หล่อนจะได้ไม่อาจกลับมาที่เมืองหลวงได้อีก! ไม่ต้องกังวล ฉันจะไปตามหาแฟนเก่าคนนั้นและสะสางบัญชีกับเธอเอง!” ดวงตาป้าใหญ่ฝูฉายแสงเหี้ยมเกรียมไร้ปรานี
คำพูดของนางทำให้อู๋เสี่ยวเจี๋ยนกลัวจนเกือบฉี่รดกางเกง
ทุกสิ่งที่เขาบอกกับป้าใหญ่ฝูล้วนเป็นเรื่องโกหก
หากป้าใหญ่ฝูไปตามหาหลินม่ายกับเขาเพื่อชำระแค้น เรื่องโกหกทั้งหมดที่เขาบอกไปจะไม่ถูกเปิดโปงหรือ?
เขาส่ายหัวปฏิเสธ “ช่างเถอะครับ ปล่อยให้อดีตเป็นอย่างที่มันควรเป็นดีกว่า และให้เกียรติหล่อนบ้าง”
ป้าใหญ่ฝูโคลงศีรษะ “เธอใจดีกับหล่อนเกินไปแล้ว!”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หลงตัวเองไปไหม แหม ม่ายจื่อสวยรวยขนาดนั้นคงจะกลับมาชายตามองแกหรอกนะไอ้สวะเสี่ยวเจี๋ยน
ขอเตือนว่าป้าอย่านึกเอ็นดูสวะนี่เลยค่ะ ถ้าไม่อยากหาเหาใส่หัว
ไหหม่า(海馬)