แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 788 รับช่วงกิจการตลาดสดฮุ่ยหมิน
ตอนที่ 788 รับช่วงกิจการตลาดสดฮุ่ยหมิน
เป็นเพราะหลินม่ายรับปากผู้จัดการเซี่ยเอาไว้ เธอจึงต้องไปที่บ้านของเขาในวันอาทิตย์เพื่อให้กำลังใจลูกสาวทั้งสองคนของเขาในการเรียน
สิบโมงเช้าวันอาทิตย์ หลินม่ายเตรียมของขวัญมากมายและขับรถไปที่บ้านของผู้จัดการเซี่ย
เมื่อเธอมาถึงบ้านของผู้จัดการเซี่ยพร้อมของขวัญ ครอบครัวของผู้จัดการเซี่ยก็ต้อนรับเธออย่างอบอุ่น
โดยเฉพาะลูกสาวฝาแฝดสองคนของเขา การปรากฏตัวของไอดอลต้นแบบทำให้พวกหล่อนตื่นเต้นแทบเสียสติ
พวกหล่อนกรีดร้องอยู่นานกว่าจะหยุดลง
หลินม่ายพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับครอบครัวของผู้จัดการเซี่ย จากนั้นถามเกี่ยวกับการศึกษาของลูกสาวทั้งสองคนของพวกเขา
ลูกสาวฝาแฝดของผู้จัดการเซี่ยเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่สาม และผลการเรียนของพวกหล่อนก็ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
หลินม่ายสอนสองสาวอย่างจริงจังว่าพวกหล่อนต้องตั้งใจเรียน
เธอหยิบของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับทั้งสองคน ซึ่งแต่ละคนได้รับสร้อยคอเงิน
เด็กสาวสองคนมีความสุขจนยิ้มไม่หุบเมื่อได้รับของขวัญ
หลินม่ายจึงฉวยโอกาสหลอกล่อ
เธอบอกว่าตราบใดที่ทั้งสองคนตั้งใจเรียนและสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เธอก็จะมอบสร้อยคอทองคำให้พวกหล่อนคนละเส้น
เซี่ยหยวนซึ่งเป็นน้องสาวเอ่ยถาม “ถ้าฉันได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยล่ะคะ?”
หลินม่ายพูดอย่างใจดี “เธอก็จะได้รับสร้อยข้อมือทองคำ”
เมื่อสามสาวนั่งคุยกัน ผู้จัดการเซี่ยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็มองพวกเธอด้วยสายตาอารีของคนเป็นพ่อและยิ้มเหมือนคนงี่เง่า
เขาได้ยินจากหลินม่ายว่าตราบใดที่ลูกสาวสองคนของเขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เธอจะมอบสร้อยคอทองคำให้พวกเธอ และเมื่อพวกเธอเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย เธอจะมอบสร้อยข้อมือทองคำให้พวกเขา
เขาอยากจะบอกว่ามันแพงเกินไป แต่หลินม่ายหยุดเขาด้วยสายตาและบอกเขาว่าอย่าทำลายแผนการของเธอ
จากนั้นผู้จัดการเซี่ยก็หุบปาก
เขาคิดว่าตราบใดที่หลินม่ายแนะนำลูกสาวสองคนของเขาไปสู่เส้นทางการศึกษาที่ถูกต้องได้ ก็จะมีโอกาสมากมายที่รอคอยพวกเธอในอนาคต โดยที่เครื่องประดับทองเหล่านี้เทียบไม่ได้
ลูกสาวสองคนของผู้จัดการเซี่ยตื่นเต้นมาก พร้อมรับปากว่าจะตั้งใจเรียนอย่างแน่นอน
ทั้งสองยังหยิบสมุดบันทึกที่เตรียมไว้เมื่อนานมาแล้วขึ้นพร้อมขอให้หลินม่ายเซ็นชื่อและถ่ายรูปกับเธอ
เพียงพริบตาเดียวเวลาก็ดำเนินมาถึงตอนเที่ยง
แม่เซี่ยได้เตรียมงานฉลองครอบครัวอย่างหรูหรา และทุกคนก็รับประทานอาหารอย่างมีความสุข
ทั้งครอบครัวต่างพร้อมใจกันตักอาหารให้กับหลินม่าย อาหารในชามของเธอถูกพะเนินจนเต็มล้น
หลังจากเสร็จสิ้นงานเลี้ยงของครอบครัว หลินม่ายวางแผนที่จะบอกลาพวกเขา
แต่ผู้จัดการเซี่ยขอให้ลูกสาวทั้งสองนำการบ้านมาให้หลินม่ายดู
เขาต้องการให้เธอซึ่งเป็นแชมป์ระดับประเทศด้านวิทยาศาสตร์ ให้คำแนะนำแก่ลูกสาวทั้งสอง หลินม่ายไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากช่วยพวกเธอทำการบ้าน
เด็กสาวทั้งสองคนไม่ค่อยมีพรสวรรค์ด้านการเรียนรู้ เมื่อได้รับการสอนการบ้านก็รู้สึกสับสน ไม่ว่าจะได้รับคำอธิบายมากเท่าใดก็ยังคงไม่เข้าใจ
หลินม่ายหงุดหงิดใจมากจนเกิดความคิดชั่วร้ายอย่างหนึ่ง รู้สึกอยากจะจับหัวของทั้งคู่โขกกับโต๊ะสักเปรี้ยงเพื่อรื้อฟื้นสติปัญญาของพวกหล่อน
เวลาดำเนินไปจนถึงบ่ายสอง เท่ากับว่าหลินม่ายช่วยสองพี่น้องฝาแฝดทำการบ้านเกือบสองชั่วโมง
การกล่าวคำอำลาในครั้งนี้ไม่เป็นการเสียมารยาท หลินม่ายรีบกล่าวคำอำลาและจากไปทันที
เธอกลัวว่าหากยังคงช่วยทั้งสองทำการบ้านต่อไป เธอจะไม่สามารถรักษารอยยิ้มบนใบหน้าไว้ได้และจะแสดงอารมณ์ด้านที่ไม่น่าดูออกมา
หลินม่ายขับรถกลับบ้าน ขณะนั้นก็เห็นคุณปู่ฟางยืนอยู่ใต้ต้นแปะก๊วยขนาดใหญ่ที่ทางเข้าซอยกำลังคุยกับชายชราสองถึงสามคน สีหน้าท่าทางของเขาดีขึ้นกว่าเมื่อวานมากจนเธอรู้สึกสบายใจมากขึ้น
เมื่อวันจันทร์มาถึง หลินม่ายไปมหาวิทยาลัย อาการป่วยของคุณปู่ฟางก็เกือบจะหายเป็นปกติแล้ว
แต่แม้จะเดินทางไปถึงมหาวิทยาลัยแล้ว เธอก็ยังคงโทรกลับมาถามข่าวคราวที่บ้าน
เธอสอบถามสภาพร่างกายของปู่ฟางจนกว่าอาการป่วยของปู่ฟางจะหายขาด
……
หลินม่ายถือได้ว่าเป็นหญิงสาวที่ยอดเยี่ยม
เลขานุการของรองนายกเทศมนตรีได้พบกับเธอเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว และตกลงเรื่องการรับช่วงกิจการตลาดฮุ่ยหมินทั้งสองแห่ง
ในวันจันทร์ เธอส่งผู้จัดการซุนไปยังที่ทำการเทศบาลเพื่อดำเนินขั้นตอนการซื้อกิจการของตลาดฮุ่ยหมินสองแห่ง จากนั้นจึงส่งมอบให้ทังอี้ดูแล
ตลาดฝูตัวตัวที่เดิมได้รับหน้าที่จัดการดูแลโดยผู้จัดการเหมา
ทังอี้ไม่ใช่อดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของเฉินเฟิงอีกต่อไป แต่ได้รับคัดเลือกและเลื่อนตำแหน่งในเมืองหลวง ดังนั้นครอบครัวของเขาจึงอยู่ในเมืองหลวงพร้อมภรรยาและลูกชาย
เมื่อได้รับข่าวว่าผู้จัดการซุนขอให้เขาดูแลตลาดฮุ่ยหมินสองแห่ง เขาก็บอกภรรยาเมื่อกลับถึงบ้าน
ภรรยาของเขาเสียใจมาก “คุณหลินคิดอะไรอยู่? คุณต้องมีความสามารถและทำงานหนักขนาดไหน ทำไมถึงโอนให้คุณไปบริหารตลาดใหม่? เป็นเพราะคุณซื่อสัตย์และทำงานหนักเกินไปหรือเปล่า คุณหลินถึงเาแต่ยกหน้าที่รับผิดชอบให้คุณ?”
ในความเห็นของหล่อน การที่หลินม่ายมอบหน้าที่ดูแลตลาดแห่งใหม่ให้ทังอี้ถือเป็นการรังแกเขา
ทุกการเริ่มต้นเป็นเรื่องยาก ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทังอี้จะทำให้ตลาดฝูตัวตัวในซีตานเจริญรุ่งเรือง แต่ตอนนี้เขากลับมอบผลแห่งชัยชนะให้กับผู้อื่น
ทังอี้รู้สึกเวียนหัว “ผู้หญิงมักจะคิดมากกับทุกเรื่อง แต่คุณหลินไม่ใช่คนแบบนั้น หล่อนมีเหตุผลที่ขอให้ผมจัดการตลาดใหม่ทั้งสองแห่ง หล่อนต้องการรู้ว่าผมมีความสามารถมากแค่ไหน เพื่อที่หล่อนจะได้รู้ว่าควรไว้วางใจให้ผมทำงานสำคัญในอนาคตหรือไม่ คุณควรจำไว้!”
แม้ว่าหลินม่ายจะไม่ได้พูดอะไรกับเขาโดยตรง แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่
ในอนาคตจะมีตลาดฝูตัวตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ในเมืองหลวง และจำเป็นต้องมีผู้จัดการทั่วไปเพื่อจัดการตลาดเหล่านี้
เขามีแนวโน้มที่จะถูกคัดเลือกให้เป็นผู้จัดการทั่วไป
ภรรยาของเขากลอกตา “คุณทำทุกอย่างเพื่อเจ้านาย แต่ก็ควรดูด้วยสิคะว่าค่าตอบแทนที่ได้รับคุ้มค่าหรือเปล่า”
ทังอี้ไม่สนใจที่จะโต้เถียงกับหล่อน จึงเดินไปหยอกล้อทารกในเปล
สิ่งที่ภรรยาของเขาพูดไม่ได้ส่งผลกระทบต่อทังอี้เลยแม้แต่น้อย เขาเป็นคนรักอิสระมาก
วันรุ่งขึ้น ทังอี้และผู้จัดการเหมาส่งมอบงานและเข้ารับตำแหน่ง
อันดับแรก เขาโทรหาหลินม่ายและถามความคิดเห็นของเธอว่าจะรับพนักงานใหม่หรือนำพนักงานเดิมจากตลาดฮุ่ยหมินกลับมา
ซูอวี้อิ๋งติดคุก แต่ไม่ได้หมายความว่าพนักงานของหล่อนทำงานไม่เก่ง
หลินม่ายขอให้ทังอี้รับสมัครทีมเดิมกลับมา
พนักงานเหล่านั้นล้วนมีประสบการณ์ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องฝึกอบรมใหม่ ซึ่งสามารถช่วยประหยัดเวลาได้มาก
พนักงานของตลาดฮุ่ยหมินมองหาแนวทางของตัวเองตั้งแต่ตลาดปิดตัวลง
แต่การหางานเป็นเรื่องยากและยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่ได้งาน
ทันทีที่ตลาดฮุ่ยหมินทั้งสองแห่งติดประกาศรับสมัครพนักงาน พนักงานเก่าเหล่านั้นก็รีบบอกกันและมาสมัคร
หลังจากได้รับข่าว ผู้จัดการเฉียนและผู้จัดการหม่าก็มาสมัครเช่นกัน ทังอี้ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเท่าเทียมกันและยอมรับพวกเขาทั้งหมด
แม้ว่าทังอี้ได้รับมอบหมายให้จัดการตลาดฮุ่ยหมินสองแห่ง แต่ตลาดฮุ่ยหมินแต่ละแห่งก็ต้องการผู้จัดการ เขาไม่สามารถจัดการคนเดียวได้
ทั้งผู้จัดการเฉียนและผู้จัดการหม่าทำงานเป็นผู้จัดการของตลาดฮุ่ยหมินและรู้วิธีจัดการ
ทังอี้จึงปล่อยให้พวกเขาเป็นผู้จัดการและช่วยจัดการตลาดทั้งสองแห่ง เพื่อที่เขาจะได้ผ่อนคลายสักหน่อย
พนักงานเดิมเกือบทั้งหมดถูกเรียกคืน และทังอี้ก็ค้นพบปัญหาใหญ่ นั่นคือจำนวนพนักงานไม่เพียงพอ
เห็นได้ชัดว่าซูอวี้อิ๋งเป็นเจ้านายใจดำที่ให้พนักงานทำงานหนักเกินกำลังของตน
สำหรับตลาดฝูตัวตัว พวกเขาไม่ปฏิบัติต่อพนักงานเหมือนวัวและม้า หรือให้คนหนึ่งทำงานเปรียบกับสองคนเช่นนี้
หากมีพนักงานไม่พอก็ต้องจ้างพนักงานเพิ่ม
ทังอี้ใช้เวลาหนึ่งวันในการสรรหาและฝึกฝนพนักงาน
ใช้เวลาอีกวันในการติดป้ายจัดระเบียบภายในตลาดและเตรียมเปิด
ไม่กี่วันต่อมา ตลาดฮุ่ยหมินสองแห่งก็เปลี่ยนชื่อเป็นตลาดฝูตัวตัวและเปิดอย่างเป็นทางการ
ผู้อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงเห็นว่าตลาดฮุ่ยหมินกลายเป็นตลาดฝูตัวตัวและมีกิจกรรมมากมายสำหรับพิธีเปิด พวกเขาก็เข้าร่วมทันที
หลินม่ายเลิกเรียนตอนเที่ยงและไปยังตลาดฝูตัวตัวที่เพิ่งเปิดใหม่โดยยังไม่ได้กินอะไรเลย
ตลาดเต็มไปด้วยผู้คน และธุรกิจก็เฟื่องฟู
พนักงานทำงานอย่างรวดเร็วและไม่มีใครเกียจคร้าน
หลินม่ายเดินไปหาพนักงานขายธัญพืชและน้ำมันพลางพูดด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักนะคะ”
พนักงานคนนั้นเป็นพนักงานเก่าจากตลาดฮุ่ยหมิน
เขาแอบเหลือบมองหลินม่ายขณะง่วนอยู่กับงาน และเมื่อเห็นว่าเป็นเจ้านาย เขาก็รู้สึกปลื้มใจทันที “มันไม่ใช่งานหนักครับ ไม่ใช่งานหนักเลย”
อันที่จริงงานหนักก็ต้องเป็นงานหนัก
อย่างไรก็ตาม ตลาดฝูตัวตัวให้ค่าจ้างสูงและสวัสดิการมากมาย
ดูจากรายได้ที่สูงลิ่ว พวกเขาจึงไม่รู้สึกว่างานหนัก
พวกเขาทำงานหนักมากเมื่อครั้งอยู่กับซูอวี้อิ๋ง แต่ได้รับค่าจ้างต่ำและไม่มีโบนัส มีเพียงค่าล่วงเวลา แต่ค่าล่วงเวลาก็ต่ำมากเช่นกัน และมักจะเลิกงานไม่ตรงเวลา พวกเขาต้องทำงานล่วงเวลากว่าครึ่งชั่วโมงเสมอ
ข้อบังคับของตลาดฮุ่ยหมินคือหากทำงานน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมง จะไม่นับเป็นการทำงานล่วงเวลา และครึ่งชั่วโมงจะถือว่าเป็นงานฟรี
แต่ตลาดฝูตัวตัวยังคงจ่ายค่าล่วงเวลาแม้จะทำงานเกินเวลาเลิกงานมาเพียงครึ่งชั่วโมง และยังมีค่าคอมมิชชั่น สำหรับผู้ที่ทำยอดขายได้มาก ดังนั้นแม้จะเป็นงานหนักแต่พวกเขาก็รู้สึกว่าคุ้มค่า
หลินม่ายยังคงตรวจสอบต่อไป
เบื้องหน้าเธอ ผู้จัดการเฉียนกำลังดุพนักงานชายหนุ่ม
งานที่ยากที่สุดในตลาดผักคือ พนักงานอาหารสด หรือพนักงานฆ่าปลา
การฆ่าปลาไม่ใช่เรื่องง่าย และหากฆ่าปลามากเกินไปก็จะเป็นโรคข้ออักเสบได้ง่าย
หลินม่ายจึงมีเงินอุดหนุนงานประเภทนี้
เธอเดินไปหาโดยต้องการฟังว่าทำไมผู้จัดการเฉียนจึงดุชายหนุ่มคนนั้น
………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
สอนแล้วไม่เข้าหัว คนสอนก็เหนื่อยหมือนเกันะ
ได้ตลาดมาเพิ่มอีกสองสาขาโดยที่ไม่ต้องสร้างใหม่เลย
ไหหม่า(海馬)