แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 807 อย่ารบกวน
ตอนที่ 807 อย่ารบกวน
ก่อนจะเข้านอน หลินม่ายโทรหาเถาจืออวิ๋นเพื่อนัดหมายเวลาและสถานที่นัดพบในวันพรุ่งนี้
เธอยังบอกเถาจืออวิ๋นด้วยว่าฟางจั๋วเยวี่ยจะกลับเมืองหลวงพร้อนกัน
เพราะถ้าพรุ่งนี้ได้พบเจอฟางจั๋วเยวี่ยโดยไม่ทันตั้งตัว มันจะไม่ส่งผลดีนัก
เถาจืออวิ๋นเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะถามขึ้นมาว่า “ทำไมฟางจั๋วเยวี่ยจะเข้าเมืองหลวงล่ะ?”
“เขาต้องไปติดตั้งอุปกรณ์บางอย่างที่ร้านของฉันน่ะ” หลินม่ายตอบสั้น ๆ
เธอไม่อยากให้เถาจืออวิ๋นรู้ว่าตัวเองกำลังจะติดตั้งกล้อง
ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อใจ แต่เพราะกลัวว่าถ้าหากเธอปล่อยข่าวนี้แพร่กระจายออกไป มันจะทำให้ไก่ที่ต่อต้านเธอตื่นตระหนก
นอกจากนี้ ในชีวิตที่แล้วเธอถูกสุนัขแซ่อู๋และหลินเพ่ยวางแผนจัดการจนเอาชีวิตไม่รอด และในชีวิตใหม่นี้เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะลืมความเจ็บปวดคราวนั้น
เพราะฟางจั๋วเยวี่ยมีเรื่องต้องที่เมืองหลวง เวลานี้เถาจืออวิ๋นจึงไม่ได้พูดอะไรนัก
หลังจากวางสายแล้ว หลินม่ายมุดเข้าผ้าห่มก่อนจะหันไปกอดฟางจั๋วหรานที่อยู่ข้างกาย เธอจูบเขาแผ่วเบาก่อนจะถามว่า “ที่รัก คุณอยากมีลูกไหมคะ?”
ฟางจั๋วหรานโอบเธอไว้ในอ้อมแขนก่อนจะจูบเธอสักพักหนึ่ง จากนั้นเขาถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ “เราก็มีโต้วโต้วแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ?”
หลินม่ายลูบใบหน้าหล่อเหลาของเขาก่อนจะพูดว่า “ฉันหมายถึงเด็กที่กำเนิดจากเลือดเนื้อเชื้อไขของเราทั้งคู่น่ะค่ะ”
ฟางจั๋วหรานตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยกยิ้มกว้างด้วยความยินดี “ผมต้องการ ผมต้องการจริง ๆ!”
นับตั้งแต่แต่งงาน เขาก็อยากมีลูกในสายเลือดของตัวเองเสมอมา
แต่อายุของภรรยาเขาในเวลานั้นคือสิบแปดปี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าเอ่ยปาก
การมีลูกตั้งแต่อายุยังน้อย มันเจ็บปวดเกินไป
เขาไม่คิดมาก่อนว่าวันหนึ่งภรรยาของเขาจะเริ่มพูดถึงการให้กำเนิดลูก
แต่ตอนนี้ภรรยาของเขายังเรียนหนังสือ และยังมีงานมากมายต้องจัดการ เธอจะตั้งครรภ์ได้ยังไง?
เขากอดหลินม่ายไว้แน่น ก่อนจะลูบใบหน้าเธอแผ่วเบา “เราไม่ต้องรีบร้อนจะมีลูกกันหรอก รอคุณเรียนจบก่อนดีกว่า”
สุดท้ายแล้วพวกเขาก็เป็นสามีภรรยากัน
หลินม่ายเงยหน้าขึ้นก่อนจะถามเขาว่า “คุณกลัวว่าการตั้งครรภ์จะทำให้ฉันมีปัญหากับงานใช่ไหมคะ?”
ฟางจั๋วหรานพึมพำ “ยังไงซะอีกสามปีคุณก็เรียนจบแล้ว ถึงตอนนั้นก็ไม่สายที่จะมีลูกให้ผม”
หลินม่ายเอาศีรษะถูไถกับหน้าอกของเขา ก่อนจะพูดว่า “ฉันเห็นคุณมองทารกแฝดทั้งสองคนของเฉินเฟิงอย่างโหยหาเชียว ฉันเลยอยากคลอดลูกให้คุณเร็ว ๆ คุณจะได้ไม่ต้องน้ำลายไหลเวลามองลูกคนอื่นน่ะค่ะ อีกอย่างไม่ต้องกังวลเรื่องงานของฉันหรอก ถึงฉันจะเรียนและทำงานไปด้วย แต่ฉันก็มีคนช่วยงานตั้งเยอะ มันไม่หนักเกินไปหรอกค่ะ”
แม้ป้าหวงจะเห็นว่าอากาศที่เจียงเฉิงร้อนมาก จึงเตรียมผ้าห่มผืนบางไว้ให้ก่อนที่ทั้งสองจะมาถึง
ทว่าเมื่อผ้าห่มผืนบางถูกเพลิงรักปกคลุม มันกลับร้อนรุ่นขึ้นมาอย่างเกินต้านทาน ฟางจั๋วหรานแทบจะต้านทานไม่ไหว
หลินม่ายที่อยู่ในอ้อมแขนพูดขึ้นอีกครั้งว่าต้องการมีลูกให้เขา
เวลานี้เขาจึงไม่สามารถยับยั้งได้อีกต่อไป ก่อนจะหันกลับมากดร่างของหลินม่ายเอาไว้แล้วพูดว่า “คุณเป็นคนพูดเองนะ ว่าจะมีลูกให้ผม”
หลินม่ายกำลังจะบอกว่าไม่ใช่วันนี้ ให้รอเธอกลับจากฮ่องกงเสียก่อน
แต่รอยจูบเร้าร่อนของฟางจั๋วหรานประกบลงมาแล้ว อีกทั้งมือหนาของเขาก็เริ่มสำรวจร่างกายของเธอ…
เป็นอีกหนึ่งคืนที่ทั้งสองผลัดกันรุกเร้าจนกระทั่งเหนื่อยล้า
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินม่ายตื่นขึ้นด้วยความงัวเงียและเมื่อยล้า
เมื่อหันมองฟางจั๋วหราน เธอรู้สึกแปลก ๆ เล็กน้อย เมื่อคืนพวกเขาทำหนักเกินไปงั้นเหรอ?
โชคดีที่หลังจากรับประทานมื้อเช้าแล้ว หลินม่ายรู้สึกปลอดโปร่งและผ่อนคลายมากขึ้น
แม้คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางจะได้รับการดูแลจากหลินม่ายเป็นอย่างดี และพวกเขาก็ยังแข็งแรงกว่าเหล่าคนชราในวัยเดียวกันมาก แต่ไม่ว่าจะแข็งแรงแค่ไหน สุดท้ายทั้งสองก็อายุมากแล้ว การวิ่งไปวิ่งมาตามสถานที่ต่าง ๆ ย่อมทำให้พวกเขาเหนื่อยเป็นธรรมดา
หลินม่ายจึงให้อาวุโสทั้งสองคนและโต้วโต้วอยู่ต่อในเจียงเฉิงอีกหนึ่งสัปดาห์แล้วค่อยกลับเมืองหลวง เพื่อให้มีเวลาได้พักผ่อนและไม่ต้องเหนื่อยล้ามากเกินไป
คุณปู่และคุณย่าฟางตอบรับเรื่องนี้อย่างง่ายดาย
พายุในเมืองหลวงค่อนข้างรุนแรง และพวกเขาอยากจะอยู่ในเจียงเฉิงเพื่อรับชมเสียงนกเสียงกา ทั้งยังมีกลิ่นลมหอม ๆ จากดอกไม้ในเมืองแห่งนี้
เมื่อหลินม่ายและฟางจั๋วหรานมาถึงสนามบิน เถาจืออวิ๋นก็มาถึงแล้วเช่นกัน
หล่อนไม่ได้อยู่คนเดียว มีผู้ช่วยอีกสองคนยืนอยู่ข้างกายของหล่อน
เถาจืออวิ๋นยิ้มทักทายหลินม่าย และฟางจั๋วหรานสามีของเธอ
เมื่อฟางจั๋วเยวี่ยเห็นเถาจืออวิ๋นปฏิบัติต่อเขาไม่ต่างจากหลินม่ายและสามี เขายิ่งรู้สึกแย่ แต่ทำได้เพียงอดทน
ระหว่างรอขึ้นเครื่อง เถาจืออวิ๋นพูดคุยกับหลินม่ายเรื่องการไปฮ่องกงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การกระทำนี้ทำให้ฟางจั๋วเยวี่ยไม่มีจังหวะจะพูดคุยกับหล่อนเลย
ฟางจั๋วหรานมองน้องชายของเขาด้วยความเห็นใจ
หลินม่ายจองที่นั่งติดกันไว้แล้วสำหรับกลุ่มคณะของตน
หลังจากขึ้นเครื่อง ฟางจั๋วเยวี่ยต้องการจะนั่งกับเถาจืออวิ๋น
แต่เถาจืออวิ๋นนั่งลงตรงกลางระหว่างผู้ช่วยสาวทั้งสองอย่างไม่แยแสเขา
ฟางจั๋วเยวี่ยจึงทำได้เพียงนั่งข้างผู้ช่วยสาวของหล่อนเท่านั้น
ทั้งหมดกลับมาถึงเมืองหลวงประมาณบ่ายสองโมง
แม้เถาจืออวิ๋นจะเคยไปที่บ้านของหลินม่ายมาแล้ว แต่คุณปู่ฟางและภรรยาของเขาก็อยู่ที่บ้านด้วย เช่นนี้หล่อนจึงต้องระมัดระวังและไม่ได้สำรวจบ้านโบราณนี้ให้เต็มที่นัก
เวลานี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น หล่อนจึงกล้าเดินไปมาตามใจชอบ
ฟางจั๋วเยวี่ยเดินตามเธอก่อนจะถามอย่างอ่อนโยน “คุณชอบเรือนสี่ประสานนี้เหรอ?
งั้นไว้เดี๋ยวทีวีชุดแรกของผมออกจากสายการผลิต และได้รับเงินแล้ว ผมจะขอให้พี่สะใภ้ช่วยซื้อบ้านในเมืองหลวงให้ดีไหม?”
เถาจืออวิ๋นมองเขาด้วยความไร้อารมณ์ “สหายฟางจั๋วเยวี่ย เราสองคนเลิกกันแล้วนะคะ อย่ายุ่งเกี่ยวกันอีกเลยค่ะ ได้ไหมคะ?”
หลังพูดจบหล่อนก็เดินออกไป ทิ้งให้ฟางจั๋วเยวี่ยยืนโศกเศร้าอยู่คนเดียว
หลินม่ายเก็บข้าวของเตรียมเดินทางไปฮ่องกง และเธอออกเดินทางไปฮ่องกงพร้อมกับเถาจืออวิ๋นและผู้ช่วยทั้งสองในเช้าตรู่ของวันที่ 3 พฤษภาคม
หลังจากผ่านพ้นการเดินทางไกล ทั้งหมดมาถึงฮ่องกงในวันที่ 4 พฤษภาคม
เสิ่นเสี่ยวผิงนำทีมและผลงานของเถาจืออวิ๋นและทีมนางแบบมาถึงฮ่องกงในวันที่ 2 พฤษภาคม
และนางแบบทั้งหมดได้รับการตัดสินแล้ว และมีการจองห้องสำหรับหลินม่าย เถาจืออวิ๋น และผู้ช่วยทั้งสองคน
หลินม่ายและพรรคพวกสามารถพักผ่อนได้ทันทีเมื่อมาถึงฮ่องกง
เสิ่นเสี่ยวผิงเรียนอยู่ถึงมัธยมปลายเท่านั้น เธอไม่เข้าใจภาษากวางตุ้ง และไม่ค่อยรู้ภาษาอังกฤษเท่าไหร่นัก แต่เธอก็สามารถจัดการทุกอย่างได้อย่างดี และเป็นระเบียบเรียบร้อย
หลินม่ายพอใจกับการจัดการทั้งหมดนี้มาก
อย่างไรเสีย เธอยังคงเตือนเสิ่นเสี่ยวผิงว่าในขณะที่ยังทำงาน ก็ต้องไม่ลืมที่จะพัฒนาความสามารถไปด้วย
เพราะหากเธอสามารถพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง มันจะสะดวกมากขึ้นในการเดินทาง ไม่เพียงแต่ในฮ่องกงเท่านั้น แต่ยังสะดวกเมื่ออยู่ในประเทศอื่น ๆ
เสิ่นเสี่ยวผิงพยักหน้ารับ
เธอเองก็ตระหนักเรื่องนี้ได้เมื่อมาถึงฮ่องกงคราวนี้
เธอสามารถสื่อสารกับผู้คนในภาษาจีนกลางเท่านั้น และคนฮ่องกงจำนวนมากเมื่อได้ทราบว่าเธอมาจากแผ่นดินใหญ่ พวกเขาก็มองเธอต่ำต้อยเล็กน้อย
แม้เธอจะจัดการทุกอย่างชัดเจนและเรียบร้อย แต่มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ว่าใบหน้าของเธอต้องร้อนผ่าวมากเพียงใด
หลินม่ายไม่สนใจเรื่องนอกเหนือจากนี้ เวลานี้เธอรวบรวมนางแบบทั้งหมดและคลายกังวลให้กับพวกหล่อนในการเดินโชว์ตัวบนเวทีวันพรุ่งนี้ ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับการซ้อมตามปกติ ไม่ต้องหวาดกลัว
หากทำผิดพลาด ก็แค่ถูกปรับเล็กน้อย แต่ก็ยังดำเนินการต่อได้
หลังจากพูดกล่าวกับนางแบบแล้ว หลินม่ายตรงไปที่ไซต์ก่อสร้างทั้งสองแห่งในฮ่องกง
แม้เฉินเฟิงและภรรยาของเขายังไม่กลับมาที่ฮ่องกง แต่ก็มีนายพลระดับสูงมากมายภายใต้บังคับบัญชาของเขาที่กำลังดูแลงานก่อสร้างนี้อยู่
นับตั้งแต่ Vantone Group ก่อตั้งขึ้น เฉิงเฟินอยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์มานานแล้ว และทุกคนล้วนแต่มีประสบการณ์
บริษัทที่ทำการก่อสร้างทั้งสองแห่งเป็นหลินม่ายที่เสนอราคาไป ราคามันถูกมากจนพวกเขาตาแข็ง แต่ก็ไม่สามารถหักล้างกับเธอได้
ประกอบกับเงื่อนไขในสัญญาของหลินม่ายทำให้บริษัทรับเหมาก่อสร้างทั้งสองที่ไม่กล้าหักข้อด้วย เพราะเกรงว่าจะถูกชวดเงินทั้งหมดไป
ดังนั้นคุณภาพของบริษัทที่หลินม่ายเลือกมาทั้งสองแห่งจึงค่อนข้างดีมาก
หลังจากออกจากไซต์ก่อสร้างแล้ว หลินหมายตรงไปยังแผนกขายอสังหาริมทรัพย์ทั้งสองแห่ง
ปีนี้เป็ช่วงเวลาที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของฮ่องกงเข้าสู่ช่วงตลาดกระทิง มันผ่านพ้นตลาดหมีมาสักพักหนึ่งแล้ว ฝ่ายขายแห่งนี้เต็มไปด้วยลูกค้าล้นหลาม
หลินม่ายอยู่ในสำนักงานขายทั้งสองแห่งสักครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินทางสู่ตลาดหลักทรัพย์ต่อ
เพราะเธอได้รับหุ้นจำนวนมากจากหลินเพ่ยผ่านการสะกดจิต เธอจึงต้องใช้ประโยชน์จากการเข้าสู่ฮ่องกงครั้งนี้เพื่อสร้างรายได้บางส่วนจากหุ้นของหล่อน
เธอใช้เงินกว่าหนึ่งล้านดอลล่าร์ฮ่องกงเพื่อซื้อหุ้นทั้งหลายที่หลินเพ่ยบอกกล่าวไว้ว่ามันจะพุ่งทะยานในครึ่งปี
ฝ่ายขายมากมายเห็นว่าหลินม่ายซื้อหุ้นที่มีชื่อเสียงน้อยนิด อีกทั้งมันยังดูไม่น่าเติบโตได้
พวกเขารีบเข้ามาโน้มน้าวเธอทันที “คุณผู้หญิงครับ ลองเปลี่ยนหุ้นสักสองสามตัวนี้ดีไหมครับ?”
หลินม่ายเอ่ยปาก “ทำไมคะ?”
“หุ้นที่คุณซื้อไม่ได้ดีนัก อีกอย่างในตลาดมันค่อนข้างไร้อนาคตครับ”
ลินม่ายยกยิ้มก่อนจะพูดต่อว่า “ก็แค่หุ้นไม่กี่ตัว ไม่สำคัญหรอกว่าชื่อเสียงมันเป็นยังไง ฉันซื้อขำ ๆ น่ะ”
หลังได้ยินเธอพูดอย่างนั้นแล้ว ผู้ขายไม่พูดอะไรอีก และทำการซื้อขายให้เธอจนเสร็จสิ้น
หลินม่ายไม่รีบร้อนจะจากไปเท่าไหร่ ก่อนจะพูดกับฝ่ายขายว่า “พี่ชาย ฉันมาจากแผ่นดินใหญ่และต้องกลับแผ่นดินใหญ่ในอีกสองสามวัน
หลังจากฉันกลับไปแล้ว การตรวจสอบราคาหุ้นในฮ่องกงคงจะเป็นเรื่องยากมาก
ฉันขอให้คุณช่วยแฟกซ์รคาหุ้นที่ฉันซื้อมาให้ฉันทุกวัน แบบนี้พอจะได้ไหม?
แล้วฉันจะจ่ายให้คุณเดือนละห้าร้อยหยวนสำหรับงานหนักนี้”
แม้เงินเดือนของฝ่ายขายจะมากถึงสามพันดอลล่าร์ฮ่องกง แต่ห้าร้อยหยวนนั้นก็ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยสำหรับเขาด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้บริษัทก็มีเรื่องแฟกซ์ให้ใช้งานอยู่แล้ว
ก็แค่แอบใช้เครื่องของบริษัทแล้วส่งมันให้กับหลินม่าย เขาไม่จำเป็นต้องเสียอะไรเลย อีกทั้งยังได้รับส่วนแบ่งเป็นห้าร้อยหยวนต่อเดือน ทำไมถึงต้องปฏิเสธ?
ฝ่ายขายตอบตกลงอย่างง่ายดาย
เมื่อเห็นหลินม่ายถือกระเป๋าแอเมสในมือ อีกทั้งยังแต่งตัวมีรสนิยม เขาคิดว่าเธอจะเป็นชาวจีนจากแดนไกล แต่กลายเป็นว่าเธอมาจากแผ่นดินใหญ่
ตอนนี้แผ่นดินใหญ่ร่ำรวยขนาดไหนเชียว หญิงสาวคนนี้ยังอายุน้อยอย่างเห็นได้ชัด และยังมีเงินกว่าหนึ่งล้านดอลล่าร์ฮ่องกงมาถลุงใส่หุ้นไร้ชื่อเสียง
สำหรับเงินหนึ่งแสนดอลล่าร์ฮ่องกง แม้แต่คนฮ่องกงเองก็ยังยากจะใช้ นับประสาอะไรกับการทุ่มเงินกว่าล้านเพื่อซื้อหุ้นไร้ค่า
เหตุลที่หลินม่ายต้องการให้ฝ่ายขายคนนี้ส่งราคาหุ้นให้กับเธอในทุกวัน เพราะเธอกลัวว่าถ้าเฉินเฟิงดูให้ เขาจะรู้เรื่องนี้
มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เธอจะซื้อหุ้นตัวไหน แล้วมันก็พุ่งทะยาน
สุดท้ายแล้วเฉินเฟิงก็ฉลาดมาก มันไม่ง่ายนักที่เธอจะหลอกลวงเขา
ดังนั้นอย่าให้เขารู้จะดีกว่า ป้องกันการเกิดปัญหาที่ไม่จำเป็นภายหลัง
แน่นอนว่าเธอไม่ต้องการให้ฟางจั๋วหรานรู้เรื่องนี้เชน่กัน
ถ้าฟางจั๋วหรานทราบถึงเรื่องที่เธอทำเงินได้ทุกครั้งที่ซื้อหุ้น ทีนี้ทุกคนจะเชื่อในสิ่งที่หลินเพ่ยพูดว่าเธอกลับชาติมาเกิด
เช่นนี้เธอจึงต้องการเก็บเรื่องทั้งหมดไว้เป็นความลับ
ถ้ามีใครคนหนึ่งรู้เข้า เธอจะกลายเป็นพาตัวเองเข้าไปเสี่ยง
เวลานี้เธอต้องปกป้องตนเอง
มันยากที่จะไว้ใจใครสักคน 100% อีกอย่างแผลของเธอยังบอบช้ำ และนี่คืออาการของคนเคยได้รับบาดแผลมาก่อน
เธอต้องจัดการกับทุกสิ่งอย่างช้า ๆ บางทีวันหนึ่งเธออาจจะยอมเปิดใจให้กับจั๋วหรานก็ได้
บางครั้งเธอคิดว่าถ้าเธอไม่ได้พบเจอกับอู๋จาโกวก่อนหน้า เธออาจจะเชื่อใจฟางจั๋วหรานได้สนิทใจ และมีชีวิตใหม่ที่สวยงาม!
แต่น่าเสียดาย ในชีวิตจริงไม่มีคำว่าถ้า…
หลังจากซื้อหุ้นเสร็จแล้ว หลินม่ายนั่งแท็กซี่ไปที่วิลล่ากลางภูเขา นี่คือคฤหาสน์ที่ฟางจั๋วหรานซื้อให้เธอ
เพราะไม่มีใครอาศัยอยู่ที่นี่และไม่มีคนดูแลมัน มันจึงค่อนข้างโทรมไม่น้อย
การปล่อยให้คฤหาสน์หลังใหญ่ว่างเปล่าอย่างนี้ ช่างน่าเสียดายจริง ๆ
หลินม่ายคิดว่าเธอควรปล่อยเช่า และให้มันสร้างเงินให้กับเธอทุกเดือนไม่ดีกว่าเหรอ?
เธอมองหานายหน้าที่ไว้ใจได้เพื่อฝากฝังคฤหาสน์สุดหรูนี้ แล้วค่อยกลับโรงแรม