แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 809 การมาเที่ยวที่คุ้มค่า
ตอนที่ 809 การมาเที่ยวที่คุ้มค่า
เถาจืออวิ๋นที่รออยู่นอกห้องรับรองเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เธอวิ่งไปถามว่าสร้อยคอของหลินม่ายหายจากตรงไหน หลินม่ายจึงชี้ไปยังเท้าของตัวเองด้วยท่าทีจริงจัง “มันหายไปจากตรงนี้”
ทั้งสองมองหาสร้อยคออยู่พักหนึ่ง แต่ก็หาไม่พบ จึงกลับไปยังห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนชุด
งานเลี้ยงต้อนรับกำลังจะเริ่มขึ้นและไม่สามารถล่าช้าได้อีกต่อไป
หลินม่ายสวมชุดกระโปรงสีไวน์แดง กระโปรงด้านหน้าสั้นด้านหลังยาว ซึ่งชุดกระโปรงแบบนี้ทำให้ดูขาวยาวมากขึ้น แม้ว่าขาของหลินม่ายจะยาวอยู่แล้วก็ตาม
เมื่อรวมกับเครื่องประดับดอกลิลลี่แบบเรียบง่าย ยิ่งทำให้เธอดูมีเสน่ห์และมีชีวิตชีวา
เถาจืออวิ๋นสวมชุดสีเงินพร้อมเชือกผูกด้านหลังอย่างงดงาม เมื่อสวมใส่เครื่องประดับดอกลิลลี่ เธอยิ่งดูงดงามเหมือนเทพยดาในนิยาย
ทันทีที่ทั้งสองปรากฏตัวที่แผนกต้อนรับ พวกเธอดูเด่นสะดุดตาและกลายเป็นหญิงสาวที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย
เหล่าหญิงสาวพากันจ้องมองชุดของพวกเธอ พลางนึกอิจฉาจนแทบขาดใจ
ชุดที่หลินม่ายและเถาจืออวิ๋นสวมใส่นั้นแปลกใหม่และดูสง่างามเกินไป กระทั่งพวกหล่อนอยากครอบครองมัน
บุรุษมากมายภายในงานเลี้ยงต่างจ้องมองรูปลักษณ์อันโดดเด่นของทั้งสองโดยไม่กะพริบตา
ใครคนหนึ่งกระซิบว่า “ทำไมแขกสองคนนั้นถึงได้งดงามขนาดนี้!”
ผู้คนริเริ่มเดินเข้าไปหาพวกเธอเพื่อสนทนา
ทว่าใครก็ตามที่ต้องการเข้ามาผูกมิตร หลินม่ายล้วนเพิกเฉยและเดินจากไปด้วยคำพูดเย้ยหยัน
เว้นแต่จะคุยเรื่องธุรกิจกับเธอ ไม่อย่างนั้นเธอไม่อยากเสียเวลาผูกมิตรกับใคร
เวลาราวสี่ทุ่มกว่า เป็นเวลาที่งานเลี้ยงต้องเลิกรา
หลินม่ายเก็บเกี่ยวผลสำเร็จจากงานสังสรรค์ครั้งนี้
ตัวแทนจำหน่ายหลายรายจากประเทศที่พัฒนาแล้วในเอเชียตะวันออกได้รับคำสั่งซื้อจำนวนมากจากหลินม่าย
หลินม่ายค่อนข้างมั่นใจว่า ความเป็นไปได้ที่จะชนะคำสั่งซื้อขนาดใหญ่นั้นสูงมาก
จากนั้นหลินม่ายพาเถาจืออวิ๋นกลับโรงแรมด้วยรถแท็กซี่
บนรถแท็กซี่ หลินม่ายกระซิบถาม “ทำไมมีคนมากมายแวะเวียนเข้ามาพูดกับเธอในงานสังสรรค์?
พวกเขาต้องการคุยอะไรกับเธอ หรือว่าต้องการเจรจาเรื่องธุรกิจ”
“คิดอะไรอยู่ หลินม่ายอยู่ที่นี่ทั้งคน ผู้คนที่ต้องการทำธุรกิจล้วนต้องไปหาเธอไม่ใช่เหรอ? แล้วใครไหนเล่าจะมาหาฉันที่เป็นนักออกแบบ?
ทุกคนที่มองหาฉันต่างก็ไม่ได้คิดเจรจาเรื่องธุรกิจ เกือบทั้งหมดเพียงแค่ต้องการให้ฉันทำงานในบริษัทของพวกเขา
ให้คำสัญญาว่าฉันจะได้รับบัญชีฮ่องกงและเงินเดือนที่สูงลิ่ว ราวกับว่าฉันเป็นของหายากงั้นแหละ” หลังเถาจืออวิ๋นพูดเช่นนี้ เธอก็เบะปากด้วยความเหยียดหยาม
เมื่อทั้งสองกลับมาถึงโรงแรม กลุ่มนางแบบกลับมาพร้อมกับเสิ่นเสี่ยวผิง และพวกเธอทั้งหมดมารวมตัวกันเพื่อดูละครฮ่องกง
แม้ว่าจะไม่เข้าใจภาษาจีนกวางตุ้ง แต่ทุกคนก็ยังดูมันด้วยความเพลิดเพลิน
เมื่อหลินม่ายเห็นพวกเธอ จึงกล่าวคำขอบคุณอย่างใจจริง
หากไม่มีการเดินแบบอันโดดเด่นของพวกเธอ เถาจืออวิ๋นคงไม่ได้รับรางวัลนี้มาอย่างง่ายดาย
และอาจไม่มีโอกาสได้รับถึง 2 รางวัล ซึ่งหนึ่งในนั้นคือรางวัลที่ 1
หลินม่ายสัญญาว่าหลังจากกลับไป พวกเธอแต่ละคนจะได้รับโบนัสเพิ่ม 300 หยวน
หญิงสาวต่างส่งเสียงร้องด้วยความยินดี
ได้มาฮ่องกงฟรี แล้วยังได้รับค่านายหน้าและโบนัสเพิ่มเมื่อกลับไป แล้วใครบ้างจะไม่ดีใจ!
หลินม่ายนิ่งเงียบไปเล็กน้อย ก่อนถามกลุ่มหญิงสาวว่าหิวหรือไม่
เหล่าหญิงสาวตะโกนแทบทันที “หิวค่ะ!”
หลินม่ายจึงถามว่าอยากกินอาหารอะไรเป็นมื้อค่ำ
หญิงสาวบางคนตะโกนขึ้นว่าอยากกินอาหารทะเล บ้างก็อยากกินไข่ปลา บ้างก็อยากกินโจ๊กฮ่องกง
หลินม่ายเผยยิ้ม
หญิงสาวกลุ่มนี้มาถึงฮ่องกงก่อนเวลาและได้เดินเที่ยวเล่น พวกเธอจึงรู้จักอาหารกวางตุ้งมากมาย
หลินม่ายกล่าวเสียงห้วน “บอกรายการอาหารมื้อค่ำทั้งหมดที่อยากกินให้เลขาเสิ่น และขอให้เลขาเสิ่นบอกกล่าวบริกรของโรงแรมให้ช่วยซื้อกลับมาให้”
เด็กสาวคนหนึ่งถามขึ้น “ทำไมไม่ออกไปกินอาหรค่ำข้างนอก แต่กลับให้คนอื่นซื้อมาให้ล่ะคะ?”
“จริงด้วย จริงด้วย เราออกไปกินข้าวข้างนอกไม่ดีกว่าหรือคะ?” หญิงสาวคนอื่นต่างกล่าวเสริม
หลินม่ายโบกมือ “ยามค่ำคืนแบบนี้ การพากลุ่มสาวงามอย่างพวกคุณออกไปทานอาหารค่ำอาจไม่สามารถรับประกันความปลอดภัย
เราจึงทำได้แค่ขอให้บริกรโรงแรมซื้อมาให้เพื่อนำมากินในห้อง”
กลุ่มหญิงสาวเชื่อฟังโดยดี และไม่มีใครยืนกรานที่จะออกไปกินข้าวข้างนอกอีก
เสิ่นเสี่ยวผิงจดรายการอาหารมื้อค่ำที่ทุกคนอยากกิน
หญิงสาวคหนึ่งสั่งของว่างมากินราวห้าถึงหกชนิด
เสิ่นเสี่ยวผิงเงยหน้าขึ้นมอง “ของว่างมากมายขนาดนี้ คุณไม่กลัวอ้วนหลังจากกินขนมมื้อดึกเหรอ แล้วจะเป็นนางแบบในอนาคตได้อย่างไร?”
หญิงสาวเผยยิ้มด้วยความเขินอาย และต้องการยกเลิกรายการ
หลินม่ายโบกมือ “สั่งแล้วก็ไม่ต้องยกเลิก ถ้าอยากกินก็กินจนกว่าจะพอ ถึงอ้วนก็ลดน้ำหนักทีหลัง”
หลังจากเสิ่นเสี่ยวผิงจดอาหารทุกเมนูของทุกคน เธอจึงเดินไปติดต่อกับบริกรของโรงแรมเพื่อขอให้ช่วยซื้อพวกมันกลับมา
อุตสาหกรรมการบริการของฮ่องกงยังถือว่าดีอยู่
บริกรรับเงินจากเสิ่นเสี่ยวผิงพร้อมกระดาษรายการอาหาร ก่อนขอตัวรีบออกไปซื้อทันที
ทุกคนทานอาหารภายในห้องของเสิ่นเสี่ยวผิงอย่างอิ่มหนำสำราญ ก่อนจะแยกย้ายกลับห้องของตัวเอง เพื่ออาบน้ำและเข้านอน
เสิ่นเสี่ยวผิงจองห้องมาตรฐานทั้งหมด
หลินม่ายและเถาจืออวิ๋นพักอยู่ในห้องเดียวกัน
หลังกลับมาที่ห้อง ทั้งสองเข้าไปอาบน้ำด้วยกัน
เถาจืออวิ๋นเริ่มลงมือช่วยถูหลังหลินม่าย
ไม่ใช่ว่าหลินม่ายเนื้อตัวสกปรกจนต้องเอาถูเอาโคลนออก
เพราะอากาศในฮ่องกงร้อนจัด เธออาบน้ำวันละหลายครั้ง จึงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะมีโคลนติดตัว
แต่การถูหลังสามารถขจัดความเมื่อยล้า ซึ่งสบายกว่าการนวด
ขณะที่กำลังถูหลัง เธอกล่าวคำอย่างลังเล “ในงานเลี้ยงต้อนรับ ชายต่างชาติคนหนึ่งบอกว่าฉันมีความสามารถมากและต้องการแนะนำให้ฉันไปศึกษาต่อในสถาบันด้านการออกแบบที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของโลกอย่างสถาบันมารังโกนีในมิลาน
ชายชาวต่างชาติยังกล่าวด้วยว่าด้วยคุณสมบัติของฉัน ฉันสามารถเติบโตเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการออกแบบได้อย่างแน่นอน หลังจากศึกาเรียนรู้เพิ่มเติมในสถาบันมารังโกนีเป็นระยะเวลาหนึ่งถึงสองปี
ม่ายจื่อ บอกหน่อยสิ ฉันควรไปดีไหม?”
หลินม่ายนอนพิงขอบอ่างอย่างสบายอารมณ์ เธอถามกลับมาขณะที่ยังหลับตาอยู่ “ชายคนนั้นดูเป็นคนขี้โกหกหรือเปล่า?”
เถาจืออวิ๋นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ไม่น่าเป็นแบบนั้น”
“แล้วเธออยากไปไหม?”
“ฉันคิดเกี่ยวกับมันอยู่ แต่ก็ยังลังเล”
“คิดถึงมันแต่กลับลังเล ทำไมถึงขัดแย้งกันนัก?” หลินม่ายถามกลับด้วยความงงงวย
เถาจืออวิ๋นอธิบาย “ถ้ามีโอกาสไปเรียนต่อต่างประเทศและพัฒนาตัวเอง แน่นอนว่าฉันอยากไป
แม้ว่าเสื้อผ้าที่ฉันออกแบบจะได้รับความนิยมมาก แต่ฉันไม่ได้ทำมันด้วยตัวคนเดียว เธอเองก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้มันกลายเป็นที่นิยม
ฉันอยากเป็นนักออกแบบเสื้อผ้าชั้นนำของโลก แบบที่ไม่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากเธอ
แต่ฉันพูดภาษาอิตาลีไม่ได้ แล้วฉันจะสื่อสารกับผู้คนได้อย่างไรเมื่อไปที่นั่น?
สื่อสารไม่ได้ แล้วฉันจะเรียนรู้ได้ยังไง? นั่นคือเหตุผลที่ฉันลังเล”
หลินม่ายเงียบไปครู่หนึ่งและถามว่า “เธอแน่ใจหรือว่าไม่ได้ต้องการไปต่างประเทศเพื่อซ่อนตัวจากน้องสามีของฉัน?”
หลังจากนั้นไม่นาน เถาจืออวิ๋นก็พยักหน้า “เขาเป็นสาเหตุหนึ่งเช่นกัน
ถ้าฉันยังอยู่ประเทศจีน เขาคงกลับมารบกวนฉันเป็นครั้งคราว และคงยากที่จะปล่อยฉันไป
เว้นแต่ฉันจะไปต่างประเทศ เขาจะไม่เห็นหรือมารบกวนฉันได้อีก บางทีเขาอาจจะปล่อยให้ฉันออกตามหาความสุขของตัวเองอีกครั้ง”
หลินม่ายไม่ได้เข้าใจอีกฝ่ายอย่างสมบูรณ์ และไม่สามารถให้คำแนะนำที่ดีได้
สิ่งนี้ทำให้เธอนึกสงสารฟางจั๋วเยวี่ยอยู่ในใจ
เขาและเถาจืออวิ๋นคงไม่อาจอยู่ด้วยกันในช่วงชีวิตนี้
แม้หลินจะจนปัญญาเมื่อพูดถึงเรื่องหัวใจ แต่เธอสามารถให้คำแนะนำทางวิชาการแก่เถาจืออวิ๋นได้มากมาย
“ถ้าเธอมีความตั้งใจที่จะไปศึกษาต่อต่างประเทศจริงๆ งั้นเธอก็ควรเรียนภาษาอิตาลี”
เถาจืออวิ๋นเผยยิ้มขมขื่น “แค่การหาครูสอนภาษาอังกฤษยังเป็นเรื่องยาก แล้วนับประสาอะไรกับครูสอนภาษาอิตาลี”
สิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง
ในยุคสมัยนี้ การพูดภาษาอังกฤษมาตรฐานยังไม่เป็นที่แพร่หลาย ดังนั้นแทบไม่ต้องพูดถึงภาษาอิตาลี
อย่างไรก็ตาม มีนักศึกษาชาวอิตาลีมากมายในมหาวิทยาลัย หลินม่ายจึงขอให้เถาจืออวิ๋นอาศัยอยู่ในบ้านของเธอหลังจากกลับไป เพื่อที่จะได้ไปเรียนภาษาอิตาลีกับนักศึกษาเหล่านั้น
เถาจืออวิ๋นเห็นด้วย
หลินม่ายยังพูดอีกว่า ถ้าเถาจืออวิ๋นตั้งใจไปเรียนที่อิตาลีจริง เธอไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพ
บริษัทเหล่านี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทุกอย่าง เช่นเดียวกับการศึกษาต่อต่างประเทศที่ได้รับทุนสนับสนุนจากภาครัฐ หน้าที่เดียวของเธอคือตั้งใจเล่าเรียนให้ดี
สามวันต่อมา หลินม่ายกำลังเจรจาธุรกิจกับผู้คน
โชคดีที่ตัวแทนจำหน่ายในประเทศที่พัฒนาแล้วไม่กี่แห่งในเอเชียตะวันออกไม่เหมือนกับประเทศจีน เมื่อพูดถึงธุรกิจ มักต้องมีวัฒนธรรมดื่มร่วมกันบนโต๊ะอาหาร
มิฉะนั้นด้วยความสามารถในการดื่มของหลินม่าย การเจรจาธุรกิจอาจล้มเหลว เพราะเธอคงเมาคอพับอยู่บนโต๊ะตั้งแต่เริ่มสนทนา
แม้ว่าผู้จัดจำหน่ายในสิงคโปร์จะพูดคุยเรื่องธุรกิจกับหลินม่ายที่โต๊ะอาหารค่ำ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ชักชวนให้ดื่ม
หลังจากกินข้าวและเจรจาธุรกิจสำเร็จ ทุกคนล้วนแล้วมีความสุข
ส่วนนักธุรกิจจากประเทศเกาะแห่งนั้นใช้พิธีชงชากับหลินม่าย พวกเขาตั้งใจพูดคุยเรื่องธุรกิจระหว่างดื่มชา
หลินม่ายเคยทำงานในอุตสาหกรรมการจัดเลี้ยงในชีวิตก่อน และรู้เรื่องพิธีชงชาอยู่บ้าง ดังนั้นเธอจึงร่วมพิธีชงชากับตัวแทนจำหน่ายในประเทศเกาะ
ทุกคนแข่งขันพิธีชงชา ในที่สุดการเจรจาธุรกิจก็เริ่มต้นขึ้น
มันแค่น่ารำคาญอยู่บ้างที่ต้องเจรจากับตัวแทนจำหน่ายจากประเทศเกาหลี
ตัวแทนจำหน่ายจากประเทศเกาหลีมักแสดงสีหน้าภาคภูมิใจ ราวกับต้องการบอกว่าพวกเขาคืออันดับหนึ่งของโลก แต่เธอไม่รู้เลยว่าพวกเขาภูมิใจในสิ่งใดกัน
จากห้าข้อเสนอเหลือเพียงสี่ หลังการเจรจาสิ้นสุด ยอดสั่งซื้อสูงถึงหลายล้าน ซึ่งหลินม่ายพอใจมาก
การมาท่องเที่ยวฮ่องกงครั้งนี้คุ้มค่ายิ่งนัก
หลินม่ายอารมณ์ดีมาก เธอจึงเชิญพนักงานทุกคนไปทานอาหารมื้อใหญ่ในคืนนั้น
หลังอาหารมื้อใหญ่ มันยังเป็นเวลาไม่ดึกมาก หลินม่ายจึงพาทุกคนไปเที่ยวฮ่องกงยามค่ำคืน
เพื่อรับรองความปลอดภัยของทุกคน เธอจึงขอร้องน้องชายของเฉินเฟิงที่อยู่ในฮ่องกงเป็นพิเศษ เพื่อให้เขาช่วยขับรถบัสและพาทุกคนไปเที่ยวในยามค่ำคืน
คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายของทุกคนในฮ่องกง กลุ่มหญิงสาวคุยกันว่าอยากไปห้างสรรพสินค้า
แม้ว่าพวกเธอจะอยู่ที่ฮ่องกงเป็นเวลาหลายวัน แต่นางแบบเหล่านี้เพียงแวะเวียนไปยังร้านแผงลอยริมถนน และไม่มีใครกล้าเข้าไปในห้างสรรพสินค้า
พวกเธอมาจากแผ่นดินใหญ่และมีเงินไม่มาก ทำให้ไม่มีความกล้าพอที่จะไปห้างสรรพสินค้า เพราะกลัวว่าเหล่าบริกรในห้างสรรพสินค้าจะดูแคลน
แต่หากมีหลินม่ายไปด้วย พวกเธอย่อมไม่เกรงกลัวสิ่งใด
หลินม่ายมีรัศมีอันโดดเด่น มันเป็นเรื่องดีที่เธอไม่ดูแคลนผู้อื่น และคนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์มาดูแคลนเธอด้วย
ห้างสรรพสินค้าของฮ่องกงเต็มไปด้วยสิ่งสวยงาม กระทั่งทำให้ทุกคนตาลาย
เถาจืออวิ๋นหยิบต่างหูสีทองคู่งามขึ้นมาดู แม้ว่าจะสามารถซื้อได้ แต่เธอเกิดความลังเลอยู่นานและไม่ซื้อในท้ายที่สุด
เพราะราคาของต่างหูทองคู่นี้ คุณสามารถซื้อต่างหูได้ถึงสามคู่ในประเทศจีน แล้วยังมีรูปแบบที่ค่อนข้างเชย
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลินไหมจึงแอบซื้อต่างหูทองคำคู่หนึ่งโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้
เธอวางแผนที่จะมอบให้เถาจืออวิ๋นเมื่อเดินทางกลับบ้าน
หลังจากที่ทุกคนเที่ยวเล่นและกินอาหารจนอิ่มหนำ พวกเขาจึงเดินทางกลับโรงแรมเพื่อเตรียมตัวกลับเมืองหลวงในวันรุ่งขึ้น
โดยไม่คาดคิด แขกที่ไม่ได้รับเชิญมาเยือนในยามค่ำคืนและขอพบกับหลินม่าย