แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 811 ข้อความกำกับ
ตอนที่ 811 ข้อความกำกับ
หลินม่ายชะงักฝีเท้าและถามออกอย่างเฉยเมย “มีอะไรเหรอ?”
หากเปลี่ยนเป็นก่อนหน้านี้ น้ำเสียงไร้อารมณ์ของหลินม่ายอาจทำให้ฉวีชิงหยาร้องไห้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
แต่คราวนี้เธอไม่แสดงอาการเหมือนก่อน
เธอวิ่งเข้ามาหาหลินม่ายและเดินเคียงข้าง “ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่อยากขอบคุณเธอ”
หลินม่ายส่ายหัว “ฉันไม่ได้ทำอะไรให้เธอ ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ”
สิ้นเสียง เธออดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามคำเบา “ทำไมถึงเพิ่งกลับมาโรงเรียนตอนนี้ล่ะ?”
การพักฟื้นหนึ่งเดือนก็เพียงพอแล้ว แต่ฉวีชิงหยากลับใช้เวลาถึงสองเดือน
ฉวีชิงหยาก้มศีรษะลงพลางกระซิบ “มันเป็นการตั้งครรภ์นอกมดลูก ฉันเกือบตายบนเตียงผ่าตัด แล้วยังต้องพักฟื้นต่ออีกหนึ่งเดือน~”
หลินม่ายจ้องมองเธอด้วยความประหลาดใจชั่วขณะหนึ่ง
โดยไม่คาดคิด ในช่วงเวลาเพียงสองเดือนนี้ ฉวีชิงหยารอดพ้นจากประสบการณ์เฉียดตาย แล้วเธอยังไม่มีแม้แต่ญาติที่คอยอยู่เคียงข้าง
หลินม่ายไม่ได้แสดงความเห็นอกเห็นใจและกล่าวไปว่า “ต่อไปก็สำนึกถึงคุณค่าของตัวเอง และเลิกทำเรื่องโง่เขลาได้แล้ว”
ฉวีชิงหยาพยักหน้าด้วยความอับอาย
หลินม่ายเร่งฝีเท้าและเดินนำออกไปก่อน
เธอมีบุคลิกเย็นชาและไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับทุกคน
ไม่ต้องใช้เหตุผลที่ว่าฉวีชิงหยาเพิ่งผ่านประสบการณ์เลวร้ายมา เธอจะไม่ปฏิบัติต่อหล่อนแตกต่างจากคนอื่น และไม่คิดใส่ใจดูแล
ชีวิตของใครก็ดูแลรักษาเอาเอง ในเมื่อเกิดมาเองแล้ว ทำไมเธอต้องดูแลพวกเขาด้วย?
ในเมื่อตัวเธอเองก็ยังต้องการใครสักคนมาดูแลเช่นกัน
หลังเลิกเรียนในช่วงบ่าย หลินม่ายและเพื่อนร่วมห้องสองถึงสามคนไปทานอาหารที่โรงอาหาร
เพื่อนร่วมห้องบอกเธอว่า เมื่อสองถึงสามวันก่อนที่หลินม่ายไม่อยู่ เด็กหญิงตัวเล็กที่มักนำช่อดอกกุหลาบจากถังขยะมาให้ เมื่อเห็นว่าเธอไม่อยู่ เด็กคนนั้นจึงไม่มาราวสองถึงสามวันแล้ว
หลินม่ายตะคอกอย่างเย็นชา “พอฉันกลับมา เดี๋ยวเด็กนั่นก็ปรากฏขึ้นเอง”
เหมียวเหมี่ยวเสนอความคิด “คราวหน้าถ้าเด็กคนนั้นมาอีกเรา เราต้องจับตัวเธอและซักถามให้ได้ว่าใครเป็นคนว่าจ้างเธอมาทำแบบนี้
จะได้รู้สักทีว่าคนน่ารังเกียจที่นำดอกกุหลาบจากถังขยะมาให้หลินม่ายเป็นใครกันแน่!”
หลินคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าเห็นด้วย
อู๋เสี่ยวเจี๋ยน เจ้าขยะไร้ยางอายนำดอกกุหลาบจากถังขยะมาให้เธอ แม้มันจะไม่เป็นอันตราย แต่ก็ถือเป็นการดูหมิ่นเธอ และยังน่าขยะแขยงมากด้วย
ถ้าสามารถใช้ประโยชน์จากเด็กสาวเพื่อสืบสาวไปถึงอู๋เสี่ยวเจี๋ยนและโจมตีเขา บางทีเขาอาจจะเลิกก่อกวนเธอต่อจากนี้ก็เป็นได้?
เมื่อคิดถึงชายคนนั้น หลินม่ายรู้สึกขยะแขยงอย่างมาก
ไม่ใช่ว่าเขาหลงรักหลินเพ่ยอย่างสุดหัวใจหรอกเหรอ เขาจะมาคอยก่อกวนเธอไปทำไม?
เธอจะไม่โดนเขาหลอกอีก!
วันรุ่งขึ้นเด็กหญิงตัวน้อยก็มาส่งดอกกุหลาบอีกครั้ง
หลินม่ายและเพื่อนร่วมห้องหลายคนช่วยกันไล่ตามเด็กคนนั้น
แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ถามอะไร เด็กสาวก็แหกปากร้องไห้ราวกับว่าบุพการีเพิ่งเสียชีวิต
เพื่อนร่วมชั้นหลายคนไม่รู้ความจริง คิดว่าพวกเธอกลั่นแกล้งเด็กหญิงตัวน้อย จึงต่อว่าพวกเธอสารพัด
หลินม่ายและคนอื่น ๆ ใช้เวลานานในการอธิบายเรื่องราวให้ชัดเจน
เฉินอวิ้นซื้อขนมปังไส้เนื้อ 2 ชิ้นเพื่อเด็กหญิง โดยพยายามเกลี้ยกล่อมให้เธอบอกว่า ใครเป็นคนขอให้เธอมาส่งกุหลาบกับหลินม่าย
เด็กหญิงตัวเล็กรับขนมปังไส้เนื้อมากินอย่างไม่ลังเล แต่เมื่อถูกถามว่าใครเป็นคนสั่งให้เธอนำดอกกุหลาบมามอบแก่หลินม่าย เด็กหญิงกลับดูสับสนและปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องนี้
หลังจากถูกซักถามอย่างหนัก เธอจึงยอมบอกว่าเป็นผู้ชายที่ดูคล้ายกับคุณลุงขอให้เธอส่งดอกไม้กับหลินม่าย
ตราบใดที่สามารถส่งดอกไม้ถึงมือหลินม่าย ชายคนนั้นจะซื้อซาลาเปา 2 ลูกให้เธอเป็นการตอบแทน
หลินม่ายและเพื่อนร่วมห้องช่วยกันซักถามว่า ชายที่ดูเหมือนคุณลุงคนนั้นมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร
เด็กหญิงตัวเล็กเกาหัวและไม่สามารถอธิบายออกมาได้ เธอบอกเพียงว่าเขาไม่สูงมากและมีหน้าเหมือนเกือกม้า
ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูธรรมดาแบบนั้น แล้วจะจับผู้ต้องสงสัยได้อย่างไร?
เพื่อนร่วมห้องจึงต้องปล่อยเธอไป
แต่หลังจากฟังคำอธิบายของเด็กสาว หลินม่ายรู้ได้ทันทีว่าคนคนนั้นคืออู๋เสี่ยวเจี๋ยน
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนมีสูงมาก แล้วยังมีหน้าเหมือนเกือกม้า ซึ่งตรงกับเขาทุกประการ
เมื่อกัวเซี่ยงหงช่วยหลินม่ายนำช่อดอกไม้ไปโยนทิ้งในถังขยะ กระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งลอยออกจากช่อดอกไม้และตกลงพื้น
เธอหยิบกระดาษขึ้นมาดู ก่อนที่ดวงตาของเธอจะเป็นประกายทันที
เธอรีบวิ่งไปหาหลินม่ายและยื่นกระดาษแผ่นนี้ให้ราวกับว่ามันเป็นสมบัติ ขณะเดียวกันก็พูดด้วยความตื่นเต้น “ม่ายจื่อ คนที่มอบดอกไม้ให้เธอชื่อว่าอู๋เสี่ยวเจี๋ยน!”
เพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆ ถามอย่างสงสัย “เธอรู้ได้ยังไง?”
กัวเซี่ยงหงชี้ไปยังกระดาษในมือหลินม่ายและพูดว่า “มีชื่อเขียนกำกับไว้ในนั้น”
ทุกคนโน้มตัวเข้าไปใกล้หลินไหมเพื่ออ่านมันด้วยกัน
เห็นประโยคหนึ่งถูกเขียนไว้บนกระดาษว่า ชีวิตมันช่างยากเย็น อยากหนีไป ไปในที่ที่ไม่มีใครหาเจอ~
อักษรสามตัวถูกเขียนกำกับไว้ด้านล่าง “อู๋เสี่ยวเจี๋ยน”
มันเป็นอักษรตัวใหญ่ ราวกับกลัวว่าหลินม่ายจะมองไม่เห็น
หลินม่ายแค่นหัวเราะด้วยความโกรธ
ดูสิว่าอู๋เสี่ยวเจี๋ยนจะยังไร้ยางอายได้อีกหรือไม่?
แทบไม่ต้องพูดถึงชีวิตชาติก่อน เขาและหลินเพ่ยวางแผนฆ่าเธอ
พอมาอยู่ในชีวิตนี้ ชายไร้ยางอายแลกเปลี่ยนเธอเป็นสินสอดเพื่อให้หลินเพ่ยได้เรียนหนังสือ หลังจากทำร้ายจิตใจเธอมามาก เขายังกล้ากลับมาขอคำปลอบโยนจากเธออีก!
ในสายตาของเขา คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงราคาถูกมากหรืออย่างไร ที่เขาคิดจะมาก็มา อยากจากไปก็ไปทันที
ตามถ้อยคำที่ถูกเขียนในกระดาษ ดูเหมือนว่าเธอจะญาติดีกับชายไร้ยางอายคนนี้ไม่ได้อีก
เธออยากจะหัวเราะเยาะเขา และแทงเขาที่หน้าอกสักสองถึงสามครั้ง
เพื่อให้เขาสำนึกว่า เธอไม่ใช่บ้านหลังสุดท้ายที่จะต้อนรับเขาอย่างอบอุ่น แม้ว่าเขาจะหนาวตาย ก็อย่าได้มาขอสิ่งใดจากเธออีก
จริงสิ ในสายตาของชายเจ้าเล่ห์ ฉันคงไม่ได้เป็นบ้านที่อบอุ่นของเขาหรอก และเป็นเพียงถุงเท้าคู่หนึ่งที่ให้ความอบอุ่นอันน้อยนิดเท่านั้น
เพื่อนร่วมห้องต่างซุบซิบกันว่า อู๋เสี่ยวเจี๋ยนชายไร้ยางอายคนนี้เป็นใคร และทำไมเขาถึงต้องคอยรังควานเธอ
หลินม่ายบอกเล่าเรื่องราวให้พวกเขาด้วยคำพูดไม่กี่คำ
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนเป็นอดีตสามีของเธอเพียงในนาม เขายอมแต่งงานกับเธอเพราะความยากจน เขาไม่เพียงหลอกใช้เธอ แต่ยังต้องการโกงเงินเธอด้วย
ตราบใดที่เขายังมีชีวิตที่ดีได้ เขาจะจดจำความสำคัญของเธอได้หรือ?
หลินม่ายไม่ได้สนใจว่าเพื่อนร่วมห้องจะได้รับรู้ถึงอดีตที่น่าสังเวชนี้
สมัยยังเป็นเด็ก ใครบ้างจะไม่เคยพลาดพลั้ง?
นอกจากนี้ถ้าเธอไม่อธิบายอะไร เพื่อนร่วมห้องอาจคาดเดาไปต่างๆ นานา ซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดโดยไม่จำเป็น
หลังจากรับฟังเรื่องราวจากหลินม่าย เพื่อนร่วมห้องต่างก็โกลาหล การกระทำของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนไม่ต่างจากขยะสังคม
หลังเลิกเรียนในช่วงบ่าย หลินม่ายขับรถไปที่บ้านของเหมาฉงและถามเธอเกี่ยวกับสถานการณ์ของอู๋เสี่ยวเจี๋ยน
เธอรับรู้มาว่าอู๋เสี่ยวเจี๋ยนเพิ่งได้งานเป็นพนักงานขายในองค์กรที่ได้รับทุนจากต่างประเทศ แต่เขาทำไม่ได้ดีนัก
เนื่องจากไม่มีผลงานเลย เขาจึงมักจะถูกหัวหน้าทีมและผู้จัดการดุ
หลินม่ายรับฟังพลางเย้ยหยันในใจ
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนและหลินเพ่ยเป็นคนประเภทเดียวกัน พวกเขาไม่มีความสามารถอะไรเลยนอกจากหลอกลวงคนอื่น
พนักงานขายเป็นงานที่ต้องใช้ความสามารถอย่างมาก
แล้วอู๋เสี่ยวเจี๋ยนจะทำหน้าที่เป็นพนักงานขายโดยไม่มีผลงานได้อย่างไร?
หลินม่ายรีบเดินทางไปยังบริษัทที่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนทำงานอยู่ โดยตั้งใจทำให้เขาอับอายต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน และทำให้เขาไม่สามารถทำงานตำแหน่งเดิมได้อีก
แต่หลังจากนั้นเธอพบว่าได้มาช้าไปหนึ่งก้าว เพราะอู๋เสี่ยวเจี๋ยนออกจากงานไปแล้ว
หลินม่ายขับรถไปยังบ้านพักของป้าฝู หยุดอู๋เสี่ยวเจี๋ยนหน้าชุมชนพลางกล่าวเย้ยหยันเขา เพื่อเป็นการเรียกร้องความสนใจจากผู้คนรอบบริเวณ
หลังจากต่อว่าชุดใหญ่ หลินม่ายขึงขับรถออกไป
ป้าฝูเฝ้าสังเกตจากระยะไกลว่าอู๋เสี่ยวเจี๋ยนถูกใครบางคนต่อว่ายกใหญ่ เธอเดือดดาลหนักจนแทบระเบิดโทสะ
ทว่าด้วยระยะทางที่ไกลเกินไป เธอจึงมองไม่เห็นว่าเป็นใครที่มาดุด่าอู๋เสี่ยวเจี๋ยน และรู้เพียงว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง
เธอวิ่งมาหาด้วยความหอบเหนื่อย ก่อนถามอู๋เสี่ยวเจี๋ยนอย่างเป็นห่วง “เมื่อครู่ใครกันที่มาต่อว่าเธอ?”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนก้มหน้าลงพลางพึมพำ “ฟะ… แฟนเก่าผมเอง…”
ป้าฝูกัดฟันแน่น “แฟนเก่าคนที่ทิ้งเธอไปหาชายร่ำรวยคนนั้นน่ะเหรอ?”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนพยักหน้ารับ
ผ้าฝูได้ฟังก็งุนงงเล็กน้อย “หล่อนไม่ได้ทิ้งเธอไปนานแล้วเหรอ ทำไมถึงยังถ่อมาหาถึงที่นี่อีก?”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนกลอกตา ก่อนพูดคำตะกุกตะกัก “เธออยากกลับมาคบกับผม… พอผมปฏิเสธ เธอก็ไม่ยอมไปโดยดีและต่อว่าผมแบบนั้น~”
ป้าฝูพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง “นังคนนั้นช่างไร้ยางอาย พรุ่งนี้ฉันจะไปด่ามันให้ถึงที่!
แล้วเธอรู้จักหน่วยงานที่หล่อนทำงานไหม?
ฉันจะได้ไปที่นั่น แล้วทำให้ชื่อเสียงของมันป่นปี้!”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนตอบ “เธอไม่ได้ทำงานครับ แต่กำลังเรียนอยู่ ซึ่งเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยชิงต้า”
ป้าฝูตกตะลึงชั่วขณะ ก่อนพูดด้วยความโกรธ “ผู้ที่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชิงต้านั้นต้องยอดเยี่ยมมาก แล้วหล่อนกล้าดียังไงถึงได้มารังแกคนอื่นแบบนี้?
ไม่สนหรอกว่าหล่อนจะเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชิงต้า ต่อให้หล่นอเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ฉันก็จะไปด่ามันถึงหน้าประตู!”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนแอบยกยิ้มมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมาก ทว่าภายนอกเขากลับแสร้งทำเป็นขอร้องไม่ให้ป้าฝูทำเช่นนั้น
เขาพูดด้วยท่าทีจริงจัง “ช่างเถอะครับ เธอไร้เหตุผล ดังนั้นอย่าเสียเวลากับเธอเลย”
ป้าฝูมองเขาด้วยความไม่พอใจ “เธอเป็นคนจิตใจเมตตาเกินไปแล้ว!”
เมื่อดวงตะวันลาลับ เมืองหลวงอันจอแจก็เริ่มหลับใหล
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนกำลังพลิกตัวไปมาบนเตียง นั่นก็เพราะป้าฝูได้มานอนอยู่เคียงข้าง
เพื่อให้ป้าฝูเชื่อว่าความรักที่เขามีต่อเธอนั้นมีอยู่จริง ซึ่งมันแข็งแกร่งยิ่งกว่าทองคำ เขาจึงต้องนอนร่วมเตียงกับป้าฝูทุกคืน
และเขาต้องเสแสร้งแสดงความรักต่อหล่อน ซึ่งทำให้เขารู้สึกเป็นทุกข์
ด้วยเงินน้อยกว่า 10,000 หยวน การเสียสละของเขานั้นยิ่งใหญ่เกินไป!
คืนนี้เขานอนไม่หลับ เพราะนึกถึงความอัปยศที่หลินม่ายมอบให้
ไม่คาดคิดเลยว่าคำพูดที่ทำร้ายผู้คนได้ยิ่งกว่าใบมีดคมกริบจะออกมาจากปากนังสารเลวตัวแสบ ที่เคยหลงรักเขาอย่างหัวปักหัวปำ กระทั่งยอมทิ้งศักดิ์ศรีมากระดิกหางใส่เขาเหมือนหมา
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนสามารถอดทนต่อคำพูดถากถางจากคนอื่น แม้กระทั่งจากปากเพ่ยเพ่ย เขาก็ยอมรับได้
แต่เมื่อมันออกมาจากปากของหลินม่ายเท่านั้น เขารู้สึกยอมรับไม่ได้เด็ดขาด
เพราะในสายตาของเขา หลินม่ายเป็นเพียงสุนัขตัวเมียราคาถูก ที่แม้จะถูกฟาดด้วยไม้ไผ่ก็ไม่มีวันทอดทิ้งเขา
นังสารเลวนั่น กล้ามาทำให้เขาต้องอับอายขายขี้หน้า!
เขาจะต้องแก้แค้นเธอแน่นอน!
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนเดือดดาลหนักพลางกัดฟันแน่น เกิดเสียงดังกระทั่งปลุกป้าฝูด้านข้าง
เธอกอดเขาจากด้านหลังอย่างเห็นอกเห็นใจ “เธอคงคับแค้นใจที่แฟนเก่ามาทำให้ขายหน้าในบ่ายวันนี้ใช่ไหม?
ไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้ฉันจะช่วยคุณระบายความโกรธเหล่านั้นเอง ไปนอนเถอะที่รัก”
เมื่อถูกป้าฝูกอด อู๋เสี่ยวเจี๋ยนรู้สึกคลื่นไส้จนแทบทนไม่ได้ แต่เขายังต้องแสร้งทำเป็นเกลี้ยกล่อมอีกฝ่ายไม่ให้ทำเรื่องเลวร้าย
แต่มีเพียงอู๋เสี่ยวเจี๋ยนเท่านั้นที่รู้ว่าภายในใจคิดอย่างไร
หลังจากที่หลินม่ายกลับจากไปเรียนในตอนเย็น เธออาบน้ำและเตรียมเข้านอน
โดยปกติเธอมักผล็อยหลับอย่างรวดเร็วภายในสิบนาทีหลังจากเข้านอนในวันธรรมดา
ทว่าคืนนี้เธอคงหลับไม่ลงอีกนาน
สิ่งที่หลินม่ายคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหัวคือข้อความที่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนเขียนมากับช่อดอกกุหลาบที่หยิบจากถังขยะ
ชายเจ้าเล่ห์คนนี้ ยามเมื่อตกต่ำเขาไม่คิดตามหาหลินเพ่ย แต่กลับมาหาเธอแทน
มันเห็นได้ชัดว่าเธอตามืดบอดและยอมเขาขนาดไหนในอดีต ต่อมาเมื่อทั้งคู่หย่าร้างกันก็ไม่เคยติดต่อกันอีก แล้วเขายังกล้าถ่อมาหาเธอเพื่อขอคำปลอบโยน
เพราะเขาแน่ใจว่า เธอจะต้องรู้สึกสงสารและปลอบโยนเขาเหมือนก่อน แต่หลินเพ่ยไม่เคยปฏิบัติกับเขาเช่นนั้น
เมื่อนึกถึงความโง่เขลาของตัวเองที่ปล่อยให้อู๋เสี่ยวเจี๋ยนจูงจมูก หลินม่ายนึกอยากตบหน้าตัวเองสักสองถึงสามครั้ง
แต่เมื่อลองคิดอีกครั้ง เธอก็เลิกล้มความคิด
เธอสูญเสียไปมากแล้วสำหรับขยะสังคมไร้ค่าคนนี้ และเธอไม่ต้องการลงโทษตัวเองเพื่อเขาอีกต่อไป
ตราบเท่าที่เธอยังมีชีวิตอยู่ เธอจะแก้แค้นอู๋เสี่ยวเจี๋ยนให้ถึงที่สุด