แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 817 เถาจืออวิ๋นไปต่างประเทศ(1)
ตอนที่ 817 เถาจืออวิ๋นไปต่างประเทศ(1)
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ และฟางจั๋วหรานไม่ค่อยทำงานล่วงเวลา
คุณปู่ฟางและภรรยากำลังดูแลดอกไม้ ต้นไม้ และไม้ผลที่บ้าน
หากพรวนดินและใส่ปุ๋ยเล็กน้อย ดอกไม้จะบานมากขึ้นและผลไม้จะมีผลใหญ่ขึ้น
ส่วนโต้วโต้ววิ่งเล่นรอบบ้านโดยไม่ได้ช่วยเหลืออะไร
หลินม่ายเดินไปบอกพวกเขาว่าฟางจั๋วเยวี่ยปฏิเสธที่จะมายังเมืองหลวงเพื่อซ่อมเครื่องจักร
เธอกล่าวอย่างน่าสงสาร “จืออวิ๋นกับจั๋วเยวี่ยเลิกกันเพราะแม่ของจั๋วเยวี่ย แต่จั๋วเยวี่ยกลับมาตำหนิฉัน ซึ่งไม่ยุติธรรมสำหรับฉันเลยค่ะ ไม่สำคัญว่าเขาจะเป็นยังไง แต่ถ้าโรงงานทีวีไม่มีใครดูแล และไม่มีใครช่วยซ่อมแซมเครื่องจักร ฉันจะขาดทุนอย่างหนักน่ะสิคะ”
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางยังสบายดี แต่ใบหน้าของฟางจั๋วหรานพลันหม่นลง
เขาวางจอบในมือ เช็ดมือด้วยผ้าขนหนูที่ห้อยลงมาจากกิ่งไม้ และพูดด้วยใบหน้าจริงจัง “ผมจะด่าเขาเดี๋ยวนี้แหละ หากใจแคบจนไม่ยอมช่วยเหลือพี่สะใภ้ ผมจะจัดการสั่งสอนและด่าทอเขาเอง!”
ในที่สุดเขาก็ไปที่ห้องนอน โดยที่หลินม่ายเดินตามหลังไป
เมื่อได้ยินเสียงจากโทรศัพท์ เขาก็รีบหยิบขึ้นมาเพื่อตอบรับและทักทาย
ฟางจั๋วหรานรายงานชื่อสกุลของเขา จากนั้นขอให้เจิ้งซวี่ตงมอบโทรศัพท์ให้ฟางจั๋วเยวี่ยโดยบอกว่าพี่ชายของเขาสั่งให้เขารับโทรศัพท์
เจิ้งซวี่ตงบอกฟางจั๋วหรานว่าตอนนี้ฟางจั๋วเยวี่ยออกไปแล้ว และเขาไม่สามารถส่งโทรศัพท์ให้อีกฝ่ายได้
ฟางจั๋วหรานถาม “คุณรู้ไหมว่าเขาไปที่ไหนและจะกลับมาเมื่อไหร่?”
เจิ้งซวี่ตงกล่าว “เขาไม่ได้พูดอะไรเลยครับ เพียงหยิบกระเป๋าเงินของเขาและจากไป”
ฟางจั๋วหรานไม่มีทางเลือกนอกจากวางสายโทรศัพท์
เขาขอหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ช่วยของฟางจั๋วเยวี่ยมา และหลินม่ายก็ขอให้ผู้ช่วยแจ้งให้ฟางจั๋วเยวี่ยให้โทรหาเขาทันที
ผู้ช่วยกล่าว “ช่วงนี้คุณฟางไม่ค่อยมาที่โรงงาน เขาอาจจะเมามายในร้านอาหารเล็ก ๆ หรือเมาในร้านอาหารปิ้งย่าง ไม่ง่ายเลยที่จะหาเขาเจอ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฟางจั๋วหรานก็ขมวดคิ้วแน่น “เขาเมาตลอดเวลาหรือเปล่า?”
ผู้ช่วยตอบอย่างระมัดระวัง “ใช่ครับ”
ฟางจั๋วหรานกล่าว “พยายามตามหาเขา พบเขาเมื่อไหร่ก็บอกให้เขาโทรหาผม”
อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถรอสายของฟางจั๋วเยวี่ยได้นาน
หลินม่ายกระวนกระวายมาก และแสดงความเห็นกับฟางจั๋วหราน “จั๋วเยวี่ยไม่แม้แต่คิดจะเชื่อฟังพี่ชายแบบนี้ ดูเหมือนว่าฉันจะต้องหาเวลากลับไปเจียงเฉิงเพื่อจัดการกับเขาเสียแล้ว”
ฟางจั๋วหรานไม่พูดอะไร เพียงเผยใบหน้าเศร้าหมอง
หลังจากกินข้าวแล้ว หลินม่ายไม่มีอารมณ์จะดูข่าวด้วยซ้ำ และเดินกลับห้องไปอย่างกระสับกระส่าย
ฟางจั๋วหรานเดินตามหลังเธออย่างเงียบงัน
ก่อนที่ทั้งสองจะถึงห้องนอน ก็พลันได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังมาจากในห้อง
หลินม่ายรู้สึกประหลาดใจมาก “ต้องเป็นจั๋วเยวี่ยที่โทรมาแน่ เขายังคงกลัวพี่ชายอยู่สินะ”
ทั้งสองเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
หลังจากเข้าไปในห้องนอน ฟางจั๋วหรานก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและรับสาย
สายนี้มาจากฟางจั๋วเยวี่ย เขาถามฟางจั๋วหรานอย่างเกียจคร้านว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรจากเขา
ฟางจั๋วหรานฟังน้ำเสียงเมามายของฟางจั๋วเยวี่ย และคิดถึงท่าทางเป็นกังวลของหลินม่ายตลอดทั้งวัน เขาก็อดไม่ได้ที่จะโกรธ
หลังจากคุยโทรศัพท์เป็นเวลานาน ฟางจั๋วเยวี่ยก็ถูกตำหนิไปชุดใหญ่
ฟางจั๋วหรานขอให้เขามีกำลังใจโดยเร็วและดูแลโรงงานทีวีให้ดี อย่าให้ความช่วยเหลือทั้งหมดที่พี่สะใภ้มอบให้ต้องเสียเปล่า
นอกจากนี้เขายังได้รับคำสั่งให้บินจากเจียงเฉิงในวันพรุ่งนี้เพื่อซ่อมแซมเครื่องจักร
ฟางจั๋วเยวี่ยยังคงมีท่าทางเกียจคร้านและบอกฟางจั๋วหรานทางโทรศัพท์ว่าเขาไม่ต้องการดูแลโรงงานทีวีอีกต่อไป และต้องการปล่อยให้หลินม่ายเข้ามาดูแล
เขาไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะไปเมืองหลวงเพื่อซ่อมเครื่องให้หลินม่าย จึงคิดจะเขียนคู่มือและส่งแฟกซ์ไปให้แทน
เขาขอให้หลินม่ายหาช่างซ่อมเครื่องเอง โดยซ่อมตามคำแนะนำของเขา
ทัศนคติของเขาทำให้ฟางจั๋วหรานโกรธมาก แต่ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้ผ่านสายโทรศัพท์
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางโกรธมากเมื่อรู้ว่าฟางจั๋วเยวี่ยไม่ต้องการดูแลโรงงานผลิตทีวี
โรงงานทีวีแห่งนั้นหลินม่ายลงทุนไปสามล้านหยวนก่อนที่จะออกทีวีหลายเครื่อง เมื่อเริ่มทำเงินได้ พวกเขาก็ไม่คาดคิดว่าเด็กเหลือขอที่หลินม่ายวางใจจะขาดความรับผิดชอบขนาดนี้
คุณปู่ฟางโทรหาและดุฟางจั๋วเยวี่ยทันที โดยบอกเขาว่าอย่าทำให้พี่สะใภ้ขาดทุน
เงินของพี่สะใภ้ไม่ได้ปลิวมาจากสายลม แต่เป็นเงินที่เธอหามาอย่างยากลำบาก
แต่ฟางจั๋วเยวี่ยกลับใช้มันอย่างฟุ่มเฟือย และเขาจะไม่ฟังใครเกลี้ยกล่อมเลย
หลินม่ายห้ามปรามไม่ให้คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางโกรธเคือง
วันอาทิตย์ถัดมา เธอขึ้นเครื่องบินไปยังเจียงเฉิงเพื่อพูดคุยกับฟางจั๋วเยวี่ยแบบตัวต่อตัวและเพื่อดูว่าเธอจะเปลี่ยนใจเขาได้หรือไม่
หากไม่ได้ผล เธอจะเข้าครอบครองกิจการทั้งหมดเพราะเธอไม่สามารถทนดูโรงทีวีที่เพิ่งเริ่มสร้างกำไรจบลงแบบนี้ได้
ทั้งครอบครัวต้องการที่จะไปยังเจียงเฉิงพร้อมกับเธอ และช่วยเกลี้ยกล่อมฟางจั๋วเยวี่ยให้บริหารโรงงานทีวีให้ดี
แต่หลินม่ายวางแผนจะกลับในวันเดียวกัน จึงเกรงว่าคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางจะทนงานหนักกับเธอไม่ได้ จึงปฏิเสธที่จะพาพวกเขาไปด้วย
โต้วโต้วเป็นโรคหัวใจ แม้หล่อนจะดูเหมือนเด็กธรรมดา แต่หลินม่ายก็ไม่กล้าทำให้หล่อนเหนื่อย
นอกจากนี้ หากโต้วโต้วติดตามไปด้วยก็คงจะเป็นภาระไม่น้อย ดังนั้นเธอจึงไม่มีแผนที่จะนำลูกสาวไปด้วย
ในท้ายที่สุดหลินม่ายก็ยินยอมให้ฟางจั๋วหรานไปกับเธอเท่านั้น
ฟางจั๋วเยวี่ยยังคงรักษาคำพูดของเขาโดยการเขียนคู่มือการใช้งานในคืนนั้นและส่งแฟกซ์ไปให้หลินม่าย
หลินม่ายส่งมอบคู่มือนี้ให้กับผู้จัดการซุนในชั่วข้ามคืนและขอให้เขาหาช่างเทคนิคทำงานมาเพื่อซ่อมแซมเครื่องจักร
เธอหวังว่าพรุ่งนี้จะสามารถใช้เครื่องเพื่อเตรียมน้ำเกลือและหมักหลู่ไช่ได้
เนื่องจากเครื่องพัง น้ำเกลือจึงถูกเตรียมด้วยตนเอง
เพื่อให้แน่ใจว่าสูตรลับของน้ำเกลือจะไม่รั่วไหล เช่นเดียวกับสูตรลับของเนื้อสับ สูตรการทำจึงกระจายออกไป โดยแต่ละคนจะเชี่ยวชาญเพียงบางส่วนเท่านั้น
เมื่อมีเครื่องสำหรับปั่น เครื่องปั่นแต่ละเครื่องจะต้องเติมน้ำเกลือในปริมาณที่เหมาะสม
แต่หากเติมน้ำเกลือได้ไม่เหมาะสมก็จะทำให้เครื่องพังได้
แต่การกะปริมาณก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะอาจทำให้รสชาติของหลู่ไช่แปรเปลี่ยนไป
แม้รสชาติจะแปรเปลี่ยนไม่มากนัก แต่ลูกค้าที่มีปุ่มรับรสที่ไวต่อความรู้สึกอาจสามารถรับรสชาติที่แตกต่างออกไปได้ ซึ่งจะส่งผลต่อการบอกต่อแบบปากต่อปากอย่างมาก
ในชีวิตที่แล้วยอดขายคอเป็ดตุ๋นที่มีชื่อเสียงของเจียงเฉิงลดลงเนื่องจากรสชาติเปลี่ยนไปและผู้บริโภคไม่ซื้อ
เห็นได้ชัดว่าการรักษารสชาติให้คงที่มีความสำคัญเพียงใด
ผู้จัดการซุนทำงานอย่างตั้งใจและกระตุ้นให้ช่างเทคนิคซ่อมแซมเครื่องจักรให้เสร็จสิ้นในชั่วข้ามคืน
ก่อนหกโมงเช้าของวันถัดไป หลู่ไช่ชุดแรกถูกหมักด้วยเครื่องจักรและแจกจ่ายไปยังร้านค้าเครือข่ายหลู่ไช่หลายแห่ง
ในที่สุดหลินม่ายก็รู้สึกโล่งใจ
ตอนเที่ยงของวันพุธ หลินม่ายเพิ่งรับประทานอาหารกลางวันในโรงอาหารเสร็จ เมื่อเดินออกมาเธอก็ได้พบกับเถาจืออวิ๋น
เถาจืออวิ๋นไม่เห็นเธอในเวลานั้น และยังคงถามหาเธอกับนักศึกษาที่เดินผ่านไป
หลินม่ายเดินตามหลังหล่อนไปอย่างเงียบงัน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ขอให้เกลี้ยกล่อมจั๋วเยวี่ยได้นะ สภาพแบบซังกะตายไร้ชีวิตชีวาเหลือเกิน
ไหหม่า(海馬)