แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 836 จัดการผู้จัดการโรงงาน
ตอนที่ 836 จัดการผู้จัดการโรงงาน
ผู้อำนวยการโรงงานวิ่งเข้าไปห้ามเจ้าหน้าที่กรมพาณิชย์เหล่านั้น และพูดด้วยท่าทางอ่อนน้อม “โรงงานปฏิบัติงานเป็นสถานที่สำคัญ พวกคุณไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปนะครับ”
เหล่าเจ้าหน้าที่ผลักเขาออกไปและตะโกน “ทำไมพวกเราจะเข้าไปไม่ได้?”
เมื่อผู้จัดการโรงงานเห็นว่าไม่สามารถหยุดพวกเขาได้ เขาจึงวิ่งออกจากสำนักงานเพื่อเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทุกคนในโรงงานมาช่วยหยุดเจ้าหน้าที่กรมพาณิชย์ และใครก็ตามที่ไม่ทำตามคำสั่งจะถูกไล่ออก
นี่คือการต่อต้านกฎหมาย!
นักข่าวหลายคนคอยถ่ายภาพอย่างตื่นเต้น พวกเขาชอบข่าวแบบนี้ที่สุด
หลินม่ายกลัวว่าบุคลากรในกรมพาณิชย์เหล่านั้นจะได้รับความเดือดร้อน ดังนั้นเธอจึงรีบขอให้ฟางจั๋วหรานโทรไปที่สำนักงานผู้อำนวยการโรงงานเพื่อโทรหาตำรวจ
ผู้ช่วยผู้จัดการโรงงานหยุดฟางจั๋วหรานไม่ให้โทรหาตำรวจ แต่ฟางจั๋วหรานผลักเขาออกไป
ผู้ช่วยผู้จัดการต้องการผลักหลินม่าย แต่เธอเตะเขาออกไป
เธอกำลังตั้งครรภ์ คนอื่น ๆ จึงไม่สามารถแตะต้องเธอได้ เพราะกลัวว่าจะทำให้ทารกในครรภ์ของเธอเจ็บ แต่ก็ไม่ได้ห้ามให้เธอเตะคนอื่นได้
ฟางจั๋วหรานโทรหาตำรวจ และภายในครึ่งชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตำรวจสี่หรือห้าคนก็มาถึงที่นี่
ทันทีที่มาถึง พวกเขาก็ล้อมรอบผู้อำนวยการโรงงานและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านั้น
แต่ความแข็งแกร่งยังคงแตกต่างกันมาก ผู้จัดการโรงงานมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมากกว่าสิบคน
ตำรวจคนหนึ่งหยิบโทรโข่งขึ้นมาและพูดกับกลุ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย “เจ้าหน้าที่จากกรมพาณิชย์จำเป็นต้องดำเนินการตรวจสอบ หากใครขัดขวางจะถือเป็นความผิดฐานขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ผมแนะนำให้คุณอย่าฝ่าฝืนกฎหมาย มิฉะนั้น คุณจะถูกตัดสินให้จำคุก”
หลินม่ายกล่าวแทรก “การใช้ตัวเองเพื่อต่อต้านกฎหมายไม่คุ้มค่าเลยสักนิด หากคุณมีประวัติอาชญากรรม มันจะส่งผลกระทบต่อคนรุ่นหลัง”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านั้นมองมาที่เธอ และเธอก็มองพวกเขา
มีคนหนึ่งเดินนำออกไป และคนอื่น ๆ ก็แยกย้ายกันไปทันที
ผู้อำนวยการเซี่ยงเฝ้าดูเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเขาวิ่งหนีไป และไม่กล้าพูดอะไรที่เป็นการยุยงให้พวกเขาต่อต้านกฎหมาย
ตำรวจพาเขาเข้าไปในรถตำรวจ และเขาก็ปฏิบัติตามอย่างเชื่อฟัง
บุคลากรกรมพาณิชย์พบถุงน่องเจี่ยเม่ยปลอมจำนวนมากจากโรงงานของผู้จัดการคนนี้
เมื่อผู้จัดการโรงงานมาถึงสถานีตำรวจ เขายอมรับข้อเท็จจริงทางอาญาของการยักยอกเครื่องหมายการค้าถุงน่องเจี่ยเม่ยอย่างรวดเร็ว ไม่ได้แสร้งทำเป็นไขสือแต่อย่างใด
กฎหมายไม่อนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้าเดียวกันกับเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนแล้วในสินค้าหรือบริการชนิดเดียวกันโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้น หากกระทำจะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปีและทั้งจำทั้งปรับ
หากพฤติการณ์ร้ายแรงมาก ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่น้อยกว่าสามปี แต่ไม่เกินสิบปี และปรับด้วย
ผู้อำนวยการโรงงานปลอมแปลงเครื่องหมายการค้าของถุงน่องเจี่ยเม่ยของหลินม่ายอย่างโจ่งแจ้ง จัดอยู่ในกลุ่มคนกระทำผิดที่มีพฤติการณ์ร้ายแรง ต้องโทษจำคุกระยะยาวมากกว่าสามปี และยังต้องข่ายค่าปรับด้วย
ข่าวที่ว่าผู้อำนวยการโรงงานกำลังจะเข้าคุกแพร่สะพัดไปทั่วโรงงานหลังจากเขาถูกจับกุมสามชั่วโมง
พนักงานตื่นตระหนก หากผู้จัดการโรงงานถูกจับ โรงงานน่าจะปิดตัวลง และทุกคนกำลังคิดหาทางออกของตัวเอง
กว่างโจวในยุคนี้แตกต่างจากกว่างโจวในทศวรรษต่อมาอย่างมาก
หลายทศวรรษต่อมา งานล้วนหาได้ง่าย และความสัมพันธ์ระหว่างงานกับคนงานคืออุปทานมีมากกว่าอุปสงค์
แต่ยุคนี้อุปทานมีน้อยกว่าอุปสงค์
ยิ่งไปกว่านั้น ฤดูร้อนยังไม่ใช่ฤดูกาลสำหรับการทำงาน ดังนั้นการหางานจึงยิ่งยากขึ้นไปอีก และพนักงานทุกก็ต่างเคร่งเครียด
เมื่อเห็นสิ่งนี้ หลินม่ายจึงต้องติดประกาศรับสมัครที่ประตูโรงงาน โดยเข้าปกครองคนของพวกเขาทั้งหมด
เธอต้องการเปิดโรงงานผลิตถุงเท้า และต้องการคนเหล่านี้
สิ่งที่ฟางจั๋วหรานต้องการคือ ขอให้เธอมอบงานนี้ให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาของเธอ เพื่อที่เธอจะได้มีเวลาดูแลตัวเองและลูก
หลินม่ายรู้สึกว่าตนมีสุขภาพที่ดี นอกจากความตะกละแล้ว เธอก็ไม่รู้สึกไม่สบายใด ๆ ในร่างกาย ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องพัก
แต่นี่เป็นลูกคนแรกของเธอ ดังนั้นเธอจึงค่อนข้างประหม่า
นอกจากนี้ ฟางจั๋วหรานต้องรีบกลับไปทำงาน หลินม่ายก็ทำตามคำแนะนำของเขาและไม่ได้อยู่ที่กว่างโจวอีกต่อไป
วันรุ่งขึ้น เธอกลับไปยังเมืองหลวงพร้อมกับฟางจั๋วหราน
หลังจากกลับถึงบ้าน หลินม่ายได้คุยกับเหรินเป่าจูทางโทรศัพท์เกี่ยวกับการเปิดโรงงานผลิตถุงเท้า
หลินม่ายขอให้หล่อนและโฮ่วซินอี้ร่วมมือกัน โดยคนหนึ่งต้องดำเนินการซื้อโรงงานเปล่าในเจียงเฉิงเพื่อตั้งโรงงานถุงเท้า
และให้อีกคนไปที่กว่างโจวและคัดเลือกคนทั้งหมดจากโรงงานนั้น
อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ เหรินเป่าจูลังเลเล็กน้อย การซื้อโรงงานในเจียงเฉิงนั้นไม่ใช่ปัญหา
นับตั้งแต่การปฏิรูปโรงงานเมื่อหลายปีก่อน ภายใต้ผลกระทบของคลื่นการปฏิรูปนั้น โรงงานของรัฐหลายแห่งได้ปิดตัวลง โรงงานว่างเปล่าจำนวนมากจึงถูกขาย
อย่างไรก็ตาม เหรินเป่าจูมีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการซื้อคนจากโรงงานผู้อำนวยการเซี่ยง
นางกังวลว่าผู้คนจะไม่ต้องการออกจากบ้านเกิดและมาทำงานในเจียงเฉิง
หลินม่ายกล่าว “แรงงานต่างถิ่นเก้าในสิบในกว่างโจวมาจากที่อื่นทั้งนั้น พวกเขาจากบ้านเกิดไปทำงานที่กวางตุ้งด้วย ดังนั้นการมาที่เจียงเฉิงเพื่อทำงาน การต้องเปลี่ยนที่อยู่ หรือการจากบ้านเกิดจะไม่ส่งผลกระทบต่อพวกเขา”
แต่เหรินเป่าจูก็กังวลเช่นกันว่า หากผู้อำนวยการเซี่ยงได้รับการปล่อยตัวจากคุก พนักงานของเขาจะกลับไป เพราะค่าจ้างในกว่างโจวนั้นสูง ในขณะที่ค่าจ้างในเจียงเฉิงนั้นต่ำกว่ามาก
หลินม่ายกล่าว “ฉันไม่รู้ว่าผู้จัดการโรงงานจะถูกตัดสินจำคุกกี่ปี แม้เขาจะถูกตัดสินจำคุกเพียงสามปี เขาก็จะออกจากคุกหลังจากสามปีผ่านไปแล้ว ฉันเชื่อว่าโรงงานถุงเท้าของเขาจะถูกกำจัดโดยตลาดเศรษฐกิจ เป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะฟื้นฟูให้กลับเป็นเช่นเดิมได้”
จากนั้นเหรินเป่าจูก็ตกลงว่า หล่อนจะไปกว่างโจวในวันพรุ่งนี้และรับสมัครคนทั้งหมดจากโรงงานแห่งนั้น
หลินม่ายคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดทางโทรศัพท์ “อีกสองวันค่อยไป”
เหรินเป่าจูถามด้วยความงุนงง “ทำไมล่ะคะ?”
“หากไปตอนนี้ คนพวกนั้นจะคิดว่าการหางานใหม่เป็นเรื่องง่าย และพวกเขาจะไม่สนใจมากนัก ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาจะต่อรองค่าแรงกับเธอด้วย ปล่อยให้พวกเขาดิ้นรนหางายด้วยตัวเองไปก่อน หลังจากนั้นเธอค่อยปรากฏตัวเหมือนเป็นผู้ช่วยชีวิตพวกเขา พวกเขาจะรู้สึกขอบคุณและจะทำงานหนักขึ้นในอนาคต”
นับตั้งแต่ตั้งครรภ์ หลินม่ายรู้สึกเหนื่อยง่ายอย่างมาก หลังจากนั่งคุยโทรศัพท์อยู่พักหนึ่ง เธอก็เริ่มรู้สึกเหนื่อย
คงเป็นเพราะวิ่งวนไปมาหลายวันและไม่ได้พัก
ก่อนที่เธอจะตั้งครรภ์ เธอสามารถไปไหนมาไหนและทำงานอย่างไม่หยุดพักได้โดยไม่รู้สึกเหนื่อย แตกต่างจากตอนนี้อย่างมาก
หลินม่ายล้มลงบนเตียงและหลับไป
ฟางจั๋วหรานเข้ามาเพื่อนำผลไม้มาให้เธอ เมื่อเห็นภรรยาหลับอยู่ เขาจึงเอาผ้าห่มนวมคลุมร่างของเธอแล้วเดินออกไปพร้อมผลไม้
หลินม่ายหลับสนิทจนถึงเวลาอาหารเย็น
เธอถูกฟางจั๋วหรานอุ้มไปยังห้องน้ำเพื่อล้างตัว
ฟางจั๋วหรานต้องการพาเธอไปที่โต๊ะอาหารเพื่อรับประทานอาหารเย็น แต่เธอปฏิเสธอย่างหนักแน่น
หากเธอปฏิเสธที่จะรับประทานอาหาร เขาจะอุ้มเธอไปที่นั่น แบบนั้นคงทำให้เธอเขินอายไม่น้อยจริงไหม?
ฟางจั๋วหรานชอบที่จะเห็นภรรยาของเขาเขินอายและหน้าแดงเหมือนลูกแอปเปิ้ล เธอน่ารักมากจนเขามักจะจูบเธออยู่เสมอ
ขณะรับประทานอาหาร หลินม่ายเห็นไก่ย่างต่อหน้าเธอ จึงถามฟางจั๋วหราน “คุณบอกว่าคุณต้องการควบคุมอาหารของฉันไม่ใช่เหรอ? ทำไมวางไก่ย่างอันหอมหวนต่อหน้าฉันแบบนี้?”
ฟางจั๋วหรานดึงน่องไก่และใส่ลงในชามของเธอ “ไม่ใช่เพื่อล่อใจคุณ แต่ไก่ทั้งตัวนี้มีไว้ให้คุณกิน”
หลินม่ายถามอย่างเหลือเชื่อ “ทำไมคุณถึงให้ไก่ทั้งตัวกับฉัน?”
ฟางจั๋วหรานกล่าว “คุณทำงานหนักเกินไปในช่วงสองสามวันนี้ จำเป็นต้องชดเชยพลังงานที่สูญเสียไป”
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาอยู่เคียงข้างหลินม่ายตลอด เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้พักหรือรับประทานอาหารดี ๆ เขาจึงต้องการที่จะชดเชยให้เธอ
หลินม่ายมีความสุขมากที่ได้ยินเช่นนั้น เธอกินน่องไก่อย่างมีความสุข โดยไม่คิดจะหยินปีกไก่เพิ่ม
คุณปู่ฟางกับคุณย่าฟางถามเธอว่าทำไมไม่กินปีกไก่
หลินม่ายเช็ดมือด้วยทิชชูพลางตอบ “ฉันเกรงว่าจะอ้วนขึ้น และจะดูไม่ดีเมื่อใส่เสื้อผ้าน่ะค่ะ”
เธอยังจำภาพหญิงตั้งครรภ์ร่างท้วมได้ดี และไม่ต้องการจะเป็นแบบนั้น
ฟางจั๋วหรานเกลี้ยกล่อมเธอ “ไม่เป็นไร ผมไม่คิดว่ามันจะทำให้คุณอ้วนขึ้นได้หรอก”
“แต่ฉันคิดว่าฉันอ้วน”
ในท้ายที่สุด ด้วยวินัยในตนเองที่แข็งแกร่ง หลินม่ายยืนกรานที่จะไม่กินอีกต่อไป แม้ว่าเธอจะตะกละจนน้ำลายแทบไหลก็ตาม
เดิมทีหลินม่ายต้องการใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาก่อนเปิดเรียนเพื่อดูแลลูกน้อยของเธอให้ดี
แต่หลังจากอยู่บ้านได้สองวัน ก็มีบางอย่างเกิดขึ้นกับพื้นทีบ้านพักสวัสดิการพนักงานธนาคาร
ชีวิตนักธุรกิจก็เหมือนกับวิ่งมาราธอน คลื่นลูกหนึ่งยังไม่ลดลงก็คลื่นลูกใหม่ก็เข้ามาให้ฝ่าฟันอีก
ผู้รับเหมาแซ่หูที่เจียวอิงจวิ้นคัดเลือกมาได้เปลี่ยนรูปแบบเหล็กเส้นโดยไม่ได้รับอนุญาตเพื่อโกงกินเงินค่าวัสดุ
ประเภทของเหล็กเส้นที่ใช้ในการสร้างบ้านนั้นถูกกำหนดโดยอวี้หมิงอย่างเคร่งครัด และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามต้องการ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนเหล็กเส้นหนาเป็นเหล็กเส้นบาง ซึ่งจะมีโอกาสเกิดอันตรายได้
เจียวอิงจวิ้นขอให้หัวหน้าคนงานตรวจสอบส่วนของโครงการที่มีการเปลี่ยนเหล็กเส้นทั้งหมด
หัวหน้าผู้รับเหมาหูปฏิเสธที่จะจ่ายคืน และยังจ้างชายร่างใหญ่จากแวดวงปักกิ่งเพื่อจัดการเรื่องนี้จนทั้งสองฝ่ายจนมุม
หลินม่ายโกรธมาก
เพื่อให้มั่นใจว่าวัสดุทั้งหมดที่ใช้ในสถานที่ก่อสร้างเป็นไปตามมาตรฐาน เจียวอิงจึงรับหน้าที่ซื้อวัสดุทั้งหมดด้วยตัวเอง
เขากลัวว่าจะมีคนซื้อของปลอมและคุณภาพต่ำเพื่อโกงกินเงินค่าวัสดุ
แต่ผู้รับเหมารายนี้แซ่หูกลับกล้านำเหล็กเส้นที่มีคุณภาพของเจียวอิงจวิ้นไปขาย และแทนที่ด้วยเหล็กเส้นบางที่ไม่ได้มาตรฐาน นี่ก็เท่ากับเขากำลังโกงกินไม่ใช่หรอ?
หลินม่ายได้ทราบถึงข่าวนี้ขณะกำลังรับประทานอาหารกลางวัน
เธอรับประทานอาหารอย่างรวดเร็วและรีบไปยังไซต์ก่อสร้างทันที
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรกจริงๆ โกงวัสดุก่อสร้างนี่เรื่องใหญ่เลยนะ
ไหหม่า(海馬)