แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 842 พ่อเฒ่าฟางจั๋วหราน
ตอนที่ 842 พ่อเฒ่าฟางจั๋วหราน
วันที่ 1 กันยายน เป็นวันที่มหาวิทยาลัยกลับมาเปิดอย่างเป็นทางการ
หลังเลิกเรียนในช่วงเช้า หลินม่ายกำลังเดินออกจากห้องเรียนตามลำพัง หูพลันได้ยินเสียงของฟางจั๋วหรานเรียกชื่อของเธอ
เดิมทีเธอนึกว่าตัวเองมีอาการประสาทหลอน เขาเพิ่งจะมาส่งเธอในช่วงเช้า จึงไปไม่ได้ที่เขาจะมามหาวิทยาลัยในตอนนี้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ก็เกิดขึ้นแล้ว ฟางจั๋วหรานมายืนอยู่ตรงหน้าของเธอจริงๆ
หลินม่ายรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก และถามว่า “ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”
“ผมเอาเสื้อผ้ามาให้คุณน่ะ” ฟางจั๋วหรานตอบกลับด้วยรอยยิ้มพลางส่งถุงให้เธอ
หลินม่ายเปิดดูและพบว่าด้านในมีชุดกระโปรง 2 ตัว เดรสมีฮู้ดสีชมพูพีชทำจากผ้าคอตตอน กระโปรงทรงตรงยาวถึงข้อเท้า
กระโปรงออกแบบเป็นผ้าโปร่งสีขาวทรงกลม ซึ่งดูสวยงามมาก
หลินม่ายนำมาเทียบกับรูปร่างของเธอ ชุดนี้ไม่เหมือนชุดคลุมท้อง แล้วยังคล้ายกับชุดที่หญิงสาวสวมใส่ทั่วไป
อีกแบบเป็นชุดกระโปรงสายเดี่ยวทำจากผ้าเดนิมหลวม ๆ กระโปรงยาวถึงข้อเท้า ดูมีความเป็นผู้หญิงมากเช่นกัน
เธอประหลาดใจและถามเขาว่า “คุณไปซื้อชุดสวยๆ ขนาดนี้มาจากไหนกันคะ?”
ฟางจั๋วหรานจูงมือเธอมาที่โรงอาหาร “ผมไม่ได้ซื้อ จืออวิ๋นทำให้คุณโดยเฉพาะ หล่อนไม่รู้บ้านเลขที่ของเรา เลยส่งไปที่โรงพยาบาลของผมหลายสิบชิ้น มีตั้งแต่ชุดกระโปรงสำหรับฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม้ร่วง ไปจนถึงเสื้อผ้ากันหนาว ผมคิดว่าพรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ คุณจะกลับถึงบ้านในช่วงบ่าย ผมจึงนำชุดมาให้เพียงสองชุดเท่านั้น”
หลินม่ายครุ่นคิดกับตัวเอง ปรากฏว่าเถาจืออวิ๋นทำชุดคลุมท้องให้เธอเป็นพิเศษ ไม่แปลกใจเลยที่ชุดกระโปรงทั้งหมดจะยาวถึงข้อเท้า
เถาจืออวิ๋นรู้ว่าเธอชอบใส่กระโปรงตลอดทั้งปี แต่อาจกลัวว่าเธอจะหนาวขาเมื่อสวมกระโปรงในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว ดังนั้นจึงได้ออกแบบชุดกระโปรงยาวทั้งหมดเพื่อปกป้องขาของหลินม่ายได้
เมื่อใดที่เลกกิ้งได้รับการผลิต เถาจืออวิ๋นก็ไม่ต้องกังวลเลยว่าหลินม่ายจะหนาวเมื่อสวมใส่กระโปรงในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว
หลังอาหารกลางวันในโรงอาหาร ฟางจั๋วหรานส่งหลินม่ายกลับไปพักผ่อนที่หอพัก
เขาบอกว่า ถ้าเธอจะเปลี่ยนไปใส่ชุดกระโปรงที่เถาจืออวิ๋นตัดเย็บมาให้ เธอจะต้องระมัดระวังขณะก้าวเดิน เพื่อที่จะได้ไม่เดินสะดุดกระโปรง
หลินม่ายเริ่มรู้สึกอยู่ในใจว่าเขากลายเป็นพ่อเฒ่ามากขึ้นทุกวัน
เธอตอบกลับเสียงอ่อนหวาน “เข้าใจแล้วค่ะ” ก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบนพร้อมกับถุงเสื้อผ้าในมือ
เมื่อมาถึงห้องพัก หลินม่ายอดใจไม่ไหวที่จะสวมเสื้อสเวตเตอร์สีชมพูและเดรสยาว
จากนั้นสวมรองเท้าผ้าใบ ไม่เพียงเดินได้อย่างมั่นคง แต่ยังทำให้ดูกระฉับกระเฉงอีกด้วย ที่สำคัญชุดนี้ช่วยพรางท้องของเธอได้เป็นอย่างดี
หากแต่งตัวไม่เก่ง การใส่เสื้อผ้าสีชมพูพีชจะดูเป็นสาวบ้านนอก แต่เมื่อมันอยู่บนร่างกายของหลินม่ายผู้มีผิวเนียนละเอียด มันกลับดูน่าทึ่งอย่างยิ่ง
เธอสวมเสื้อสเวตเตอร์หลวม ๆ และมัดผมหางม้า มันไม่เพียงดูเรียบง่าย แต่ยังดูแปลกใหม่อีกด้วย
เพื่อนร่วมห้องต่างก็ชมว่าเธอสวยและดูไม่เหมือนผู้หญิงกำลังท้องเลย ซึ่งทำให้หลินม่ายมีความสุขมาก
ในช่วงบ่าย หลินม่ายไปเรียนในชุดเดรสสเวตเตอร์ยาวสีชมพู ซึ่งดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายตลอดทาง
ทันทีที่เธอเข้าไปในห้องเรียน นักศึกษาหญิงหลายคนก็แสดงความยินดีกับเธอที่ได้รับทุนการศึกษา
หลินม่ายได้รับใบรายงานตัวในช่วงวันหยุดฤดูร้อน แม้เธอจะทำคะแนนได้ดีในการสอบปลายภาค แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับทุน
เนื่องจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้เน้นด้านวิชาการ และตัวเธอขอลาหยุดบ่อยครั้งในภาคการศึกษาที่ผ่านมา
มันเป็นเรื่องน่าประหลาดใจด้วยซ้ำที่เธอได้รับทุนการศึกษา
นักเรียนทุกคนยกย่องหลินม่ายว่าเป็นสื่อการเรียนรู้ที่สำคัญชิ้นหนึ่ง ขณะที่ยุ่งกับการดูแลธุรกิจมากมาย แต่เรื่องเรียนยังคงไม่ขาด นั่นทำให้ทุกคนชื่นชมเธออย่างยิ่ง
มีเพียงหลินม่ายเท่านั้นที่รู้อยู่แก่ใจว่าพรสวรรค์ที่เธอมีคือการเรียนรู้เท่านั้น แต่เธอขาดความคิดสร้างสรรค์และทักษะด้านนวัตกรรม
มีนักเรียนจำนวนไม่น้อยในชั้นเรียนที่มีความสามารถเป็นพิเศษในด้านวิศวกรรมสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์ พวกเขาสามารถสรุปความรู้ที่ครูสอนในห้องเรียนได้ดีเสมอ
หลินม่ายตั้งใจทบทวนความรู้กับพวกเขาเสมอ และต้องการเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขา เพื่อที่จะได้ทาบทามพวกเขาไว้ในทีมวิจัยชิปในอนาคต
ทันทีที่หลินม่ายได้รับทุนการศึกษา เธอก็แอบนำไปบริจาค
หลังเลิกเรียนในตอนบ่าย หลินม่ายกลับบ้านเพื่อดูชุดคลุมท้องทั้งหมดที่เถาจืออวิ๋นทำให้
เถาจืออวิ๋นออกแบบชุดคลุมท้องทุกชุดให้เป็นแบบหลวม
ไม่เพียงอบอวลกลิ่นอายของหญิงสาว แต่ยังดูทันสมัยอีกด้วย ซึ่งหลินม่ายชื่นชอบพวกมันทุกชุด
ในยุคนี้ โทรศัพท์บ้านสามารถโทรระหว่างประเทศได้แล้ว
หลินม่ายจึงต่อสายหาเถาจืออวิ๋น
เวลาในประเทศจีนประมาณห้าโมงเย็น ขณะที่เวลาในอิตาลีประมาณสิบโมงเช้า
ดังนั้นเมื่อต่อสายไปหาอีกฝ่าย เถาจืออวิ๋นก็รับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว
เมื่อเถาจืออวิ๋นได้ยินเสียงของหลินม่าย หล่อนก็ตื่นเต้นอย่างมาก จากนั้นเพื่อนสาวทั้งสองคุยโทรศัพท์กันอยากออกรส
หลินม่ายถามเถาจืออวิ๋นว่า มีแรงกดดันอะไรไหมที่จะต้องดูแลครอบครัวสมาชิกสามคนในอิตาลี
หากรู้สึกถึงแรงกดดันมากเกินไป ให้บอกเธอทันทีโดยไม่ต้องเกรงใจ
เถาจืออวิ๋นกล่าว “ไม่ได้มีแรงกดดันอะไรมากนักหรอก ทั้งบ้านและงานต่างก็ได้รับการแนะนำจากอับราฮัม แม้จะอาศัยอยู่ในชั้นใต้ดิน แต่ก็ดีกว่าชั้นใต้ดินที่เหล่านักเรียนต่างชาติคนอื่นอาศัย และยังมีราคาที่ถูกกว่าด้วย และงานที่เขาแนะนำมาก็ไม่เลวเลย มันคือการออกแบบให้กับบริษัทเสื้อผ้า ส่วนรายได้ก็ไม่แย่เลยทีเดียว ฉันหางานสอนภาษาจีนเพิ่มเติม และมีสอนทุกวันศุกร์ ซึ่งถือเป็นรายได้อีกทางหนึ่ง ทำให้การเงินของฉันไม่ติดขัด ฉันวางแผนที่รอจนกว่าจะเก็บเงินได้มากพอ จากนั้นเปลี่ยนที่อยู่อาศัยก่อน แล้วค่อยส่งฉีฉีเข้าโรงเรียนอนุบาล ฉีฉีอยู่กับแม่ทุกวัน และไม่ได้เรียนหนังสือเลย”
หลินม่ายลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนถามว่า “อับราฮัมสนใจในตัวพี่หรือเปล่า? ก่อนหน้าแนะนำโรงเรียนให้พี่ จากนั้นก็แนะนำบ้านและงานให้พี่อีก”
เถาจืออวิ๋นอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์เงียบไปครู่หนึ่ง “ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”
หลินม่ายถามด้วยความเป็นห่วง “แล้วพี่มีแผนจะสานสัมพันธ์กับหนุ่มต่างชาติคนนี้หรือเปล่า?”
เถาจืออวิ๋นตอบกลับทันที “ไม่ล่ะ ฉันไม่ได้ชอบเขา”
หลินม่ายถามด้วยความไม่แน่ใจ “พี่ยังชอบน้องสามีของฉันอยู่หรือไม่?”
ไม่นานเถาจืออวิ๋นก็ตอบกลับ “ฉันไม่ชอบเขาแล้ว”
“แล้วศาสตราจารย์หลิวล่ะ?”
“ฉันไม่ชอบเขายิ่งกว่าอีก” เถาจืออวิ๋นสารภาพด้วยความรู้สึกผิด “ฉันรู้สึกผิดกับศาสตราจารย์หลิว ฉันไม่ได้ชอบเขา แต่ยังออกเดทกับเขาอีก คิดว่าความรู้สึกจะพัฒนาไปตามกาลเวลา แต่เมื่อรู้ตัวว่าไม่ได้ชอบเขา ต่อให้ใช้ทั้งชีวิตกับคนคนนั้น ก็ไม่อาจพัฒนาเป็นความรู้สึกรักได้ ในระหว่างที่คบหากับเขา ฉันได้เข้าใจข้อเท็จจริงนี้แล้ว แต่ฉันไม่ได้คิดที่จะเลิกรากันในทันที”
หลินม่ายไม่รู้จะพูดอะไร ก่อนจะบอกไปว่า “ศาสตราจารย์หลิวเป็นคนใจกว้าง ฉันคิดว่า เขาคงไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้หรอก”
เถาจืออวิ๋นกล่าว “ก็เพราะเขาไม่ใส่ใจเรื่องนี้ไง ฉันเลยรู้สึกสงสารเขายิ่งกว่าเดิม หากเขาทุบตีหรือดุด่าฉัน ฉันคงรู้สึกดีกว่านี้”
หลินม่ายปลอบโยนอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนวางสายไป
สองวันต่อมา เสิ่นเสี่ยวผิงวิ่งมาหาหลินม่ายที่วิทยาลัยด้วยสีหน้ามีความสุข
บอกกับหลินม่ายว่า ช่างเทคนิคในโรงงานถุงเท้าได้ทำการวิจัยกระบวนการผลิตเลกกิ้งสำหรับฤดูใบไม้ร่วงแล้ว และพวกเขายังให้คนมาส่งตัวอย่างทางเครื่องบินด้วย
ขณะกล่าว เสิ่นเสี่ยวผิงหยิบกางเกงเลกกิ้งสำหรับฤดูใบไม้ร่วงออกจากกระเป๋า 2 ตัว ตัวหนึ่งสีดำ และอีกตัวเป็นสีเทา ก่อนส่งให้หลินม่าย
หลินม่ายรับมาและลองดึงกางเกงเลกกิ้งสำหรับฤดูใบไม้ร่วงทั้งสองตัว พบว่ามีความยืดหยุ่นสูงมาก
เลกกิ้งและถุงน่องมีความคล้ายคลึงกันตรงที่ต้องสวมแนบกระชับกับร่างกาย ดังนั้นจึงต้องการความยืดหยุ่นสูง
จากนั้นเธอพลิกดูด้านในของเลกกิ้งทั้งสอง เพื่อตรวจสอบการบุขนแกะ
แม้จะเป็นเพียงขนแกะชั้นบาง แต่เมื่อสัมผัสยังคงให้ความรู้สึกอบอุ่นมาก
ไม่ว่าจะพยายามดึงขนแกะออกมาแค่ไหน มันก็ไม่สามารถดึงออกมาได้
การที่ขนแกะไม่หลุดเป็นขุยคือกุญแจสำคัญ
หากชั้นขนแกะสึกหรอหรือหลุดออกง่ายดาย มันคงเป็นเรื่องน่ารำคาญจนทำให้ผู้บริโภคไม่ต้องการซื้อพวกมัน
หลินม่ายวิ่งกลับไปยังหอพักและลองสวมกางเกงเลกกิ้งสำหรับฤดูใบไม้ร่วงทั้งสองตัว ซึ่งมันทั้งยืดหยุ่นและสวมสบาย
ขณะที่หลินม่ายลองสวมกางเกงเลกกิ้ง เพื่อนร่วมต้องต่างก็เฝ้าดู ตรวจสอบ และออกความคิดเห็น
ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันบอกว่า กางเกงเลกกิ้งเหล่านี้มีคุณภาพดีและมีการบุขนแกะเนื้อละเอียดอีกชั้น ดังนั้นมันจะต้องอบอุ่นอย่างแน่นอนเมื่อสวมใส่ในช่วงอากาศหนาว
พวกเธอถามหลินม่ายว่า กางเกงเลกกิ้งนี้ผลิตโดยร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่วหรือเปล่า เพราะพวกเธอต้องการซื้อสักสองตัว
หลินม่ายส่ายหัว “มันไม่ได้ผลิตภายใต้ร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่ว แต่เป็นเลกกิ้งที่ผลิตโดยร้านถุงน่องเจียเหม่ยของฉันเอง ปัจจุบันกางเกงเลกกิ้งยังอยู่ในขั้นทดลอง และยังไม่ได้เริ่มการผลิตเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงไม่มีขายให้พวกเธอหรอก”
เพื่อนร่วมห้องพากันจดจ่อกับประเด็นสำคัญและตกตะลึงพร้อมกัน “เธอเปิดโรงงานผลิตถุงน่องอีกแห่งหรือ?”
จากนั้นทุกคนก็ตระหนักได้ “งั้นถุงน่องและกางเกงรัดรูปของเจียเหม่ยที่ฉันใส่ปีนี้ล้วนผลิตโดยโรงงานผลิตถุงน่องของเธอเหรอ?”
หลินม่ายพยักหน้า
เพื่อนร่วมห้องนึกอยากรุมทึ้งเธอจริงๆ แต่ตอนนี้เธอกำลังตั้งครรภ์ ทุกคนจึงทะลุถนอมเธออย่างมาก
นับประสาอะไรกับการรุมทุบตี พวกเธอไม่กล้าแม้แต่แตะต้องตัวเธอ
ทุกคนทำได้เพียงประณามหลินม่าย
โดยบอกว่าถุงน่องของเธอมีราคาแพงกว่าถุงน่องยี่ห้ออื่นมากไม่พอ ยังมีแนวโน้มจะขาดได้ง่ายด้วย
พวกเธอต้องซื้ออย่างน้อยสามตัวในฤดูร้อนนี้
หลินม่ายมองเพื่อนร่วมห้องทุกคน “พวกเธอควรพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี ตลอดฤดูร้อนนี้ ฉันก็ซื้อถุงน่องเจียเหม่ยเพียงสามคู่เท่านั้น แต่หากพวกเธอไปซื้อถุงน่องยี่ห้ออื่น ก็อาจต้องซื้อมากกว่าสี่คู่ต่อเดือน แม้ว่าถุงน่องของฉันจะมีราคาคู่ละ 5 หยวน แต่ฉันใช้เงินไปทั้งหมดประมาณ 15 ถึง 20 หยวนตลอดฤดูร้อนที่ผ่านมา แม้ว่าถุงน่องยี่ห้ออื่นจะราคาคู่ละ 3 หยวน ซึ่งต้องใช้เงินอย่างน้อย 12 หยวนต่อเดือน ค่าใช้จ่ายตลอดช่วงฤดูร้อนจะเป็น 36 หยวนสำหรับ 3 เดือน แล้วพวกเธอคิดว่าถุงน่องของใครราคาคุ้มค่ากว่าล่ะ?”
เพื่อนร่วมห้องทุกคนคิดคำนวณตามในใจ แต่ในฐานะผู้บริโภค มันเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเธอจะรู้สึกว่าแพงเกินไปเมื่อซื้อครั้งแรก
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ดูแลภรรยาดีมากเลย ยังกับพ่อแก่ๆ ที่เป็นห่วงลูกสาวเลยพี่หมอ
ไหหม่า(海馬)