แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 201 ข้ากลัวมากจริง ๆ
เจียงป่าวชิงลุกขึ้นจากบนพื้นโดยไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย นางปัดฝุ่นตามตัวให้ตัวเองอย่างมีสมาธิ สายตามองซุนต้าตงที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น แหกปากร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดอยู่ตรงนั้น
ที่ปรึกษากาวป้องหน้าอกอันตื่นตระหนกตกใจของตัวเอง เขาอายุมากแล้ว แน่นอนว่าย่อมรับอะไรแบบนี้ไม่ไหว เขาถึงกับต้องพยายามทำให้ตัวเองผ่อนคลายอยู่สักพักกว่าจะเอ่ยถามเจียงป่าวชิงได้
เขาถามอย่างลังเลว่า “นั่นเจ้าทำอะไรเขารึ ?”
เจียงป่าวชิงพูดเสียงเรียบ “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ ท่านที่ปรึกษากาวก็เห็นแล้วว่าเขาเป็นฝ่ายพุ่งเข้ามาจะทำร้ายข้าต่อหน้าพวกท่านก่อน สถานการณ์บังคับให้ข้าต้องปกป้องตัวเองเห็น ๆ แล้วข้าก็แค่ถีบหัวเข่าของเขาเองนะ หัวเข่าไม่หักหรอก น่าจะแค่รู้สึกเจ็บชั่วคราวเท่านั้นแหละ… แต่เขาพุ่งเข้ามาหาข้าแบบนั้น ข้ากลัวมากจริง ๆ”
ที่ปรึกษากาวรู้สึกแปลกใจ นางเป็นเด็กผู้หญิงที่จัดได้ว่ายังตัวเล็ก แต่กลับถีบจนฝ่ายนั้นร้องโหยหวนอยู่บนพื้น แล้วตอนนี้กลับมาบอกว่ากลัวมากอย่างนั้นรึ ?
แบบนี้เรียกว่ากลัวที่ไหนล่ะ
ณ ตอนนี้ อารมณ์ของที่ปรึกษากาวซับซ้อนมาก เขารู้สึกว่าเพื่อนสนิทต่างวัยของเขาคนนี้ทำอะไรไปอย่างค่อนข้างคลุ้มคลั่งจริง ๆ
ซุนต้าตงเจ็บจนตาแดงก่ำ เขาเงยขึ้นมองเจียงป่าวชิงด้วยสีหน้าแววตาเหี้ยมโหดราวกับว่าต้องการเข้าไปฉีกนาง แล้วก่นด่าออกมายาวเหยียด ซึ่งเป็นการก่นด่าด้วยวาจาสกปรกมากที่สุดเท่าที่เขาอยากจะให้มันสกปรกได้
เจียงป่าวชิงทำเป็นไม่ได้ยิน
ที่ปรึกษากาวยืนอยู่ด้านข้างได้แต่มองดูเด็กผู้หญิงตัวเล็กที่ดูค่อนข้างอ่อนแอด้วยความชื่นชมอย่างเต็มที่
นางอายุยังน้อย แต่ความสามารถในการควบคุมตัวเองของนางกลับไม่แย่เลย
ขณะนี้เอง หัวหน้าห้องขังกับผู้คุมนักโทษถึงจะตอบสนองต่อเหตุการณ์ พวกเขารีบเข้าไปกดใบหน้าซุนต้าตงลงกับพื้นอย่างแรงพร้อมตวาดขึ้นเสียงดัง “ท่านที่ปรึกษาอยู่ตรงหน้านี้แท้ ๆ ผู้ต้องสงสัยอย่างเจ้ายังกล้าไม่เกรงใจเขาอีกนะ!”
ซุนต้าตงส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ทว่าคนที่คุมเขาคือผู้คุมนักโทษ ไม่ใช่เจ้าเด็กกำพร้าเจียงป่าวชิงที่ดูค่อนข้างอ่อนแอคนนั้น เขาไม่กล้าบุ่มบ่าม ได้แต่ฝืนทนเจ็บและยิ้มไปด้วย “ท่านขุนนาง ข้าผิดเอง นี่เป็นความผิดของข้าเอง”
หัวหน้าห้องขังเอ่ยเตือนด้วยสีหน้าดุร้าย “เจ้าทำตัวให้ดี ๆ หน่อย!”
ซุนต้าตงคิดว่าหากตัวเขาเองยังทำอะไรไม่ได้อยู่แบบนี้ เห็นทีคงต้องนอบน้อมเสียแล้ว “ได้เลย ท่านไม่ต้องห่วงเลย ข้าจะทำตัวดี ๆ อย่างแน่นอนขอรับ”
เจียงป่าวชิงหัวเราะเยาะ นางชี้หน้าซุนต้าตงที่ตกอยู่ในสภาพจนตรอกบนพื้นแล้วพูดกับซุนต้าหู “พี่ต้าหู พี่ดูคนแบบเขาสิ รังแกคนที่ด้อยกว่าตนแต่กลับกลัวคนที่เก่งกว่าตัวเอง คนที่ทำเลวมาแล้วต่าง ๆ นานาถือเป็นพวกหัวใจสกปรก พี่เชื่อรึว่าถ้าพี่รับโทษแทนเขาแล้ว หลังจากที่เขาออกจากคุกได้ เขาจะเป็นคนใหม่อย่างที่เขาเคยรับปากพี่ ? คนต่ำทรามอย่างเขาไม่รู้จักปรับปรุงตัวหรอก ก่อนหน้านี้พี่จำได้ไหมว่าเขาเคยบอกว่าอะไร ? เขาบอกว่าถ้าแต่งเมียแล้วเขาจะเป็นคนใหม่ ทำแต่สิ่งดี ๆ แต่แล้วยังไง สิ่งที่เขาทำนี่เรียกว่าอะไรล่ะ ? หลอกให้พี่ขายรถล่อ ไปหลอกเอาเงินทองของแม่หม้ายที่ไหนก็ไม่รู้ นี่ล่ะคือสิ่งที่ซุนต้าตงทำไว้! ครั้งนี้เขาหลอกเอาเงินคนอื่น แล้วครั้งหน้าล่ะ ? ครั้งหน้าไม่ใช่ว่าไปปล้นเลยรึ ? ถึงตอนนั้นถ้าพี่อยู่ในคุก พี่จะยังยอมรับโทษแทนเขาอีกอย่างนั้นรึ ? นี่ไม่ใช่เป็นการช่วยเขา แต่พี่กำลังทำลายเขาทั้งเป็น ความผิดที่ใครกระทำ คนนั้นก็ควรรับโทษด้วยตัวเองสิ ไม่อย่างนั้นนะ ครั้งหน้าจะยิ่งร้ายแรงกว่าเดิมข้าบอกไว้เลย”
ได้ยินคำพูดที่พรั่งพรูออกมาจากปากเจียงป่าวชิง ซุนต้าหูพลันตัวสั่นเทา
ซุนต้าตงเอง เมื่อเขาเห็นซุนต้าหูมีท่าทีลังเลเพราะคำพูดของเจียงป่าวชิง เขาก็รู้สึกเกลียดสุด ๆ อยากเข้าไปถลกหนังกับตัดเอ็นเจียงป่าวชิงให้รู้แล้วรู้รอด เขาเรียกซุนต้าหูอย่างลนลาน “พี่หู พี่… พี่อย่าไปฟังนางพูดเหลวไหล! ไม่ใช่ว่าเราคุยกันดีแล้วหรอกหรือ ? พี่ยอมรับโทษไปเถอะ เพราะเดิมที… เดิมทีก็เป็นความผิดที่พี่ทำไว้อยู่แล้ว ถ้าข้ารับโทษแทนพี่ แม่ข้า เมียข้า และลูกที่ยังไม่เกิดของข้า ชีวิตของพวกเขาจะต้องจบตามข้าไปด้วย พี่หู พี่ลองคิดถึงลูกที่ยังไม่เกิดของข้าสิ พี่ทนเห็นเขาเกิดมาแต่ไม่ได้เห็นพ่อตัวเองได้ลงอย่างนั้นหรือ ?”
ใบหน้าของซุนต้าหูเต็มไปด้วยความลังเล
ที่ปรึกษากาวผู้ซึ่งมองดูอยู่ด้านข้างเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว เขากระแอมไอ “เลิกพูดเถอะ นี่ก็ใกล้ถึงเวลาแล้ว เจียงป่าวชิงเจ้าออกไปกับข้า” จากนั้นเขาก็หันไปสั่งผู้คุมนักโทษ “พวกเจ้า คุมตัวสองคนนี้ไปในคุกด้วย”
หัวหน้าห้องขังกับผู้คุมนักโทษตอบรับด้วยความเคารพนบนอบ
ที่ปรึกษากาวครุ่นคิดสักครู่ เขาพูดเสริมอีกหนึ่งประโยคว่า “แยกสองคนนี้ออกจากกัน และอย่าให้ทั้งสองคนพูดคุยกันได้”
ซุนต้าตงได้ยินดังนั้น เขาก็ร้อนรนทันที เขาเพิ่งเริ่มพูดว่า “ทำแบบนี้ไม่ได้” ผู้คุมก็ลงมือลงโทษเขาโดยการตีแขนอย่างแรง
ผัวะ!
“เงียบซะ! ท่านที่ปรึกษากำลังพูด เจ้าพูดไร้สาระแทรกได้ที่ไหนห๊ะ ?!”
ซุนต้าตงรู้สึกเจ็บแต่ไม่กล้าโวยวายอะไร ทำได้เพียงมองหัวหน้าห้องขังกับผู้คุมนักโทษแยกเขากับซุนต้าหูออกจากกัน พวกเขาถูกขังในห้องที่อยู่คนละฝั่ง
ซุนต้าตงลองตะโกนดู แต่ผู้คุมนักโทษก็เฆี่ยนแส้เข้ามาจากข้างนอก เพียงแค่แส้ถูกตัวเขา เขาก็รู้สึกเจ็บแปลบแสบร้อนวูบวาบแล้ว
ตอนที่ซุนต้าตงอยู่ที่ตลาด เขาเคยได้ยินคนพูดกันว่าที่เอวของพวกผู้คุมนักโทษในคุกมักจะมีแส้พาดอยู่ แส้นั้นล้วนถูกแช่ด้วยน้ำเกลือ ในยามที่เฆี่ยนลงไป อย่าว่าแต่เส้นเอ็นกับกระดูกแตกเลย ใครโดนก็มักจะหนังถลอกเนื้อแตกกันทุกราย
ซุนต้าตงตกใจจนไม่กล้าส่งเสียงอะไรอีก เขาทักทายบรรพบุรุษรุ่นที่สิบแปดของเจียงป่าวชิงในใจ ณ เวลานี้ถือว่าเขาเกลียดเจียงป่าวชิงที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านที่สุด
……
ที่ปรึกษากาวกับเจียงป่าวชิงออกมาจากคุกใต้ดิน ทั้งสองกลับสู่พื้นดินอีกครั้ง เจียงป่าวชิงรู้สึกได้ถึงไอแสงแดดและอากาศบริสุทธิ์ ราวกับว่านางกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
ที่ปรึกษากาวมองเจียงป่าวชิงที่กำลังหรี่ตาก็อดไม่ได้ที่จะถามนาง “เจ้าเพิ่งเคยลงไปในคุกใต้ดินครั้งแรกรึ ?”
เจียงป่าวชิงพยักหน้า
ที่ปรึกษากาวพูดอย่างไม่เห็นด้วยเล็กน้อย “ก็ใช่ เด็กสาวอายุแค่นี้ ส่วนมากมักทำงานบ้านอยู่ที่บ้านอย่างสงบเสงี่ยม โตหน่อยก็เตรียมแต่งงานออกเหย้าออกเรือน ไม่เหมือนเจ้าที่มาโผล่อยู่ในคุกแบบนี้”
เจียงป่าวชิงได้ฟังความหมายในคำพูดของที่ปรึกษากาว นางก็ยิ้มทันที “ท่านที่ปรึกษาเจ้าคะ คนแก่ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับท่าน ส่วนใหญ่ก็มักจะเลี้ยงหลานและดูแลตัวเองในวัยชราอยู่ที่บ้านกันทั้งนั้น ไม่เหมือนท่านที่ยังทุ่มเททำงานใช้สติปัญญาอันเฉียบแหลมอยู่ในที่ว่าการแบบนี้”
ที่ปรึกษากาวตกตะลึงไปทันที แต่เขาก็หัวเราะลั่นอย่างชอบใจ
เด็กผู้หญิงคนนี้ช่างน่าสนใจจริง ๆ
ตอนที่เจียงป่าวชิงกำลังจะกลับ ที่ปรึกษากาวก็พูดกับนางอย่างมีความหมาย “เจ้าไม่ต้องห่วง ท่านขุนนางอำเภอฉลาดทันคน เขาจะต้องไม่ทำให้คนดีกลายเป็นแพะรับบาป ได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างแน่นอน”
เจียงป่าวชิงพยักหน้า “ขอบคุณท่านมาก แล้วข้าจะรอฟังข่าวดีเจ้าค่ะ”
เจียงป่าวชิงออกมาจากที่ว่าการ ท้องนภาพลันเปลี่ยนสีเป็นเริ่มเทาทะมึนดูน่ากลัว นางเร่งฝีเท้ากลับไปที่บ้านของเกิ่งจื่อเจียงก่อน ตอนนี้เกิ่งจื่อเจียงมีไข้สูงเนื่องจากถูกลงโทษ ตีด้วยไม้กระดานจนได้บาดแผล และสติของเขาก็เลอะเลือนแล้วเล็กน้อย
เดิมทีเจียงป่าวชิงตั้งใจจะบอกเขาสักหน่อยว่านางจะกลับชีหลี่โวแล้ว ทว่าเมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ นางยังจะไปไหนได้ ถึงอย่างไรพวกนางก็ถือเป็นมิตรสหายกันและในบ้านของเกิ่งจื่อเจียงก็มีแค่เขาคนเดียว กลับมาเจอเขาไข้ขึ้นสูงแบบนี้ หากว่านางไม่สนใจแล้วเขาเกิดเป็นอะไรไป…
เจียงป่าวชิงถอนหายใจพลางลุกไปหยิบยาตรงหน้าบ้านมา เมื่อต้มยาเสร็จก็นำมาป้อนให้เขาดื่ม
เกิ่งจื่อเจียงมีไข้สูงมากจนสติเลอะเลือนจึงทำตัวดีมาก เจียงป่าวชิงป้อนยาเขา เขาก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ปล่อยให้นางป้อนยาเข้าปากโดยที่ไม่ขยับตัวเลยแม้แต่นิดเดียว
จวบจนป้อนยาเสร็จ เจียงป่าวชิงก็ประคองร่างเขาให้นอนลงแล้วออกจากห้องเพื่อมุ่งหน้าไปยังที่ที่คนบังคับรถม้าของกงจี้รออยู่
คนขับรถม้าเห็นเจียงป่าวชิงกลับมาก็กระโดดลงจากรถทันที ปากก็เอ่ยถามนางด้วยน้ำเสียงเคารพดังเดิม “แม่นางเจียงทำธุระเสร็จแล้วหรือ ? ถ้าอย่างนั้น เรากลับกันได้แล้วสินะขอรับ ?”
เจียงป่าวชิงส่ายหน้า “ไม่ ๆ รบกวนเจ้าช่วยกลับไปบอกคุณชายกงว่าข้ายังมีธุระต้องสะสางอีกหน่อยและจะยังไม่กลับในคืนนี้”
.
.
.