แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 276 ส่งผลเสียต่อเด็กในท้อง
เจียงเอ้อยาถึงกับหน้าชา แต่นางยอมไม่ได้เด็ดขาด มาถึงขนาดนี้แล้วต้องขอร้องให้ถึงที่สุด หาทางช่วยแม่ก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยมาจัดการกับเจียงป่าวชิงทีหลัง
นางรู้ดีว่าเจียงป่าวชิงใจแข็ง แต่ถ้าหากว่านางไม่ขอร้องให้เจียงป่าวชิงออกหน้าไปขอขุนนางอำเภอจู้ให้ เกรงว่าโจซื่อแม่ของนางคงต้องถูกควบคุมตัวไปยังที่ว่าการแน่ ๆ
หากว่าแม่ของนางถูกจับตัวไป นางก็จะกลายเป็นลูกสาวนักโทษ แล้วไหนจะเรื่องเก่า ๆ ที่ว่านางเคยมีพี่สาวซึ่งไปมั่วนอนกับผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่สามีตัวเองด้วย… ถึงตอนนั้น นางจะกลายเป็นตัวตลกของชาวบ้าน และไม่สามารถพลิกชีวิตของตัวเองให้ดีได้อีก
คิดได้ดังนั้น เจียงเอ้อยาร้องไห้ออกมา “ฮือ ๆ ๆ เจียงป่าวชิง เจ้าอยากให้ข้าทำอะไรข้ายอมทั้งนั้น แต่เจ้าช่วยแม่ข้าเถอะนะ ที่ผ่านมาแม่ข้าไม่ได้ตั้งใจทำไม่ดีกับเจ้า วันนี้เกิดเรื่องขึ้น เป็นเพราะแม่หม้ายซ่งยั่วยวนพ่อข้า แม่หม้ายนั่นคือต้นตอแห่งความชั่วร้าย แม่ข้าคงควบคุมตัวเองไม่ได้ถึงพลั้งมือฆ่าแม่หม้ายซ่งคนนั้น…”
เจียงป่าวชิงอึ้ง นี่มันเรื่องใหญ่กว่าที่นางคาดไว้มาก มันเกี่ยวข้องกับชีวิตคนเลยเชียวนะ!
นางขมวดคิ้วถามเจียงเอ้อยา “หืม ? แม่หม้ายซ่งตายแล้วจริง ๆ รึ ? เจ้าเห็นกับตาหรือยังล่ะ ?”
เจียงหยุนชานเพิ่งกลับจากบ้านตระกูลเจียงจากการที่เรียกรวมตัวกันได้ไม่นาน ช่วงเวลามันค่อนข้างกระชั้นชิดไปหน่อย แล้วโจซื่อมีเวลาไปฆ่าคนตอนไหนกัน ?
เจียงเอ้อยาตกตะลึงกับคำถามของเจียงป่าวชิง
อันที่จริงแม้เวลาจะกระชั้นชิด แต่เรื่องมันก็เกิดขึ้นภายในเวลากระชั้นชิดนี้นั่นแหละ
หลังจากที่เจียงหยุนชานกับครอบครัวของเจียงเหลียนฮัวกลับไปด้วยสีหน้าอมทุกข์ เจียงอีหนิวที่ไม่ได้อยู่ที่บ้านมายาวนานก็กลับมาบ้าน เขาเข้าบ้านมาบอกกับคนอื่น ๆ ว่าจะรับแม่หม้ายซ่งเข้ามาอยู่ในบ้านด้วย เพราะเด็กในท้องของแม่หม้ายซ่งใกล้ครบสี่เดือนแล้ว ตอนนี้ที่บ้านแม่หม้ายซ่งน้ำฝนรั่วจึงไม่เอื้อต่อการเลี้ยงลูกในท้อง
เรื่องนี้เป็นอะไรที่น่าตกใจมากจริง ๆ สำหรับคนในบ้านตระกูลเจียง โดยเฉพาะกับโจซื่อ ทันทีที่นางได้ฟังก็แทบหมดสติล้มลง ส่วนคนที่ตื่นเต้นดีใจเห็นทีจะมีแต่หลีโผจื่อกับท่านปู่เจียง
หลีโผจื่อเป็นห่วงเป็นใยเจียงโหย่วฉายหลานชายคนเดียวที่โจซื่อมอบให้ตระกูลเจียงของพวกเขามาหลายปีแล้ว ตอนนี้พอได้ยินว่าในท้องของแม่หม้ายซ่งมีลูกหลานตระกูลเจียงของพวกเขาซึ่งอาจจะเป็นชาย นางก็ดีใจจนควบคุมตัวเองไม่อยู่
ส่วนท่านปู่เจียงยังคงลังเลอยู่หน่อย สถานะของแม่หม้ายซ่งไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ที่สำคัญหยิบยกขึ้นมาอย่างเปิดเผยไม่ได้อีก
“ถึงยังไง นางก็เป็นแม่หม้ายคนหนึ่ง เจ้ารับนางเข้าบ้าน ถ้าคนอื่นซุบซิบนินทาจะทำยังไง ?” ท่านปู่เจียงเอ่ย
เจียงอีหนิวไม่สนใจ “อาซิ่วบอกแล้วว่านางไม่สนใจสถานะ ขอแค่เด็กในท้องเป็นเชื้อพันธุ์ของตระกูลเจียงของเราก็พอ ตอนนี้ฝนตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ ในห้องของนางน้ำรั่วเยอะมาก ข้ากลัวว่ามันจะส่งผลเสียต่อเด็กในท้อง อีกประเดี๋ยวข้าแอบไปรับนางเข้ามาที่บ้านก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”
ท่านปู่เจียงได้ฟังก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่พูดกำชับลูกชายเท่านั้น “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เราต้องตั้งกฎชั่วคราวไปก่อน ยามปกติอย่าให้นางออกจากบ้าน รอให้เด็กเกิดออกมาก่อนค่อยว่ากัน”
หลีโผจื่อพูดแทรกอย่างดีใจจากด้านข้าง “นี่ ๆ เจ้าหาคนมาดูรึยังล่ะเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง ?”
เจียงอีหนิวยืดอกพูดอย่างภาคภูมิใจ “อาซิ่วบอกว่าหาคนมาดูแล้ว อาจจะเป็นเด็กผู้ชาย”
หลีโผจื่อตบขาดังฉาด “โอ้! งั้นเจ้าจะยืนงงอยู่ทำไม รีบไปรับหลานชายข้ากลับมาเร็วสิ!”
โจซื่อใจสลาย นางพูดขึ้นเสียงดังอย่างอดไม่ได้ “ไม่ได้! ข้าไม่ยอม!”
เจียงอีหนิวมองโจซื่ออย่างรังเกียจ “ใครสนว่าเจ้ายอมหรือไม่ยอม อาซิ่วยังเป็นห่วงกลัวว่าจะเป็นการทำร้ายเจ้าอยู่เลย แต่ดูเจ้าสิช่างใจจืดใจดำ จิตใจของเจ้าทำด้วยอะไร เด็กในท้องของอาซิ่วคือลูกของข้านะ!”
โจซื่อโมโหแทบกระอักเลือด มิน่าล่ะ ช่วงนี้เจียงอีหนิวถึงได้กลับมาเอาเงินที่บ้านบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ ที่แท้ก็เอาไปให้นางแพศยานั่น
โจซื่อคว้าแขนเจียงอีหนิวหมับ นางเดือดดาลอย่างที่สุด “เจ้านั่นแหละจิตใจทำด้วยอะไร ไอ้คนไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ ข้าเกิดลูก เลี้ยงลูก และไหนจะทำงานบ้านให้เจ้ามาหลายปีแต่เจ้ามาทำกับข้าอย่างนี้ ถ้าเจ้ากล้าพานางแพศยานั่นเข้าบ้าน ข้าจะสู้กับมัน!”
หลีโผจื่อก่นด่าโจซื่ออย่างหงุดหงิด “ไอ้แม่ไก่ที่ไม่ออกไข่อย่างเจ้าอย่ามาโวยวาย ทำไม ? ตัวเองมีลูกไม่ได้แต่ไม่อยากให้คนอื่นมีลูกงั้นรึ ?! ดูลูกที่เจ้าให้เกิดออกมาสิ แต่ละคนหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่กันทั้งนั้น ไม่ละอายใจบ้างรึไงหา ?!”
เจียงโหย่วฉายเข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบได้ ช่วงนี้อารมณ์ของเขาฉุนเฉียวมากขึ้นเรื่อย ๆ ทันทีที่เขาได้ยินหลีโผจื่อด่าว่าเขาหน้าตาขี้เหร่ก็พุ่งเข้าใส่ย่าตัวเองทันที ร่างใหญ่ ๆ ของเขาเขาชนจนหญิงแก่ล้มกระแทกพื้นเลยทีเดียว
หลีโผจื่ออายุมากแล้ว ล้มทีหนึ่งก็ไม่ต้องคิดให้ปวดจิต อาการปวดแล่นเข้าเล่นงานนางอย่างร้ายกาจรุนแรง นางร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและลุกไม่ขึ้นไปชั่วขณะ
ตระกูลเจียงตกอยู่ในความโกลาหลทันที ทว่าเมื่อเจียงอีหนิวดึงสติกลับมาได้ โจซื่อก็ไม่อยู่แล้ว
นางไปที่บ้านแม่หม้ายซ่งแล้ว
เจียงเอ้อยากับเจียงอีหนิวรีบตามมาจนถึงที่บ้านแม่หม้ายซ่งแต่ไม่ทัน ทั้งสองเห็นแม่หม้ายซ่งนอนจมกองเลือดและดูเหมือนว่านางใกล้หมดลมหายใจอยู่รอมร่อ ส่วนโจซื่อ นางยืนตกตะลึงตาค้างอยู่ด้านข้าง
หลีโผจื่อที่ลากสังขารตามมาเช่นกันกลอกตาพลางพูดด้วยเนื้อตัวสั่นเทา “ฆ่าคน… นี่… นี่เป็นการฆ่าคน…”
“เจ้า! นางผู้หญิงจิตใจงูพิษอย่างเจ้า ข้าจะส่งตัวให้พวกเจ้าหน้าที่” เจียงอีหนิวตะโกนก้อง
โจซื่อเพิ่งได้สติ นางได้ยินเจียงอีหนิวพูดมาเช่นนี้ก็รีบเดินเข้าไปตบตีเจียงอีหนิว “นี่เจ้าจะส่งตัวข้าให้พวกเจ้าหน้าที่เพราะนางแพศยาคนนี้รึ ?!”
สถานการณ์วุ่นวายอย่างมาก
เจียงเอ้อยาสติแทบแตกแล้วในเวลานี้ นางตกใจวิ่งออกมาท่ามกลางสายฝน ในหัวตื้อตันนึกแผนรับมืออะไรไม่ออก มันเต็มไปด้วยคำว่าแม่ของนางจะถูกจับตัวไปไม่ได้
นางคิด คิด และคิดจนนึกขึ้นได้ เนื่องจากเหตุการณ์ของเจียงเหลียนฮัวเพิ่งเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่นาน นางจึงคิดได้ว่าเจียงป่าวชิงดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์อันดีกับขุนนางอำเภอจู้
เจียงเอ้อยาวิ่งฝ่าสายฝนไปที่บ้านเจียงป่าวชิงทันทีโดยไม่สนใจความแค้นที่มีต่อเจียงป่าวชิงอีกแล้ว
……
นางรีบวิ่งมาด้วยความหวัง แต่ตอนนี้เจียงป่าวชิงกลับถามว่า” แม่หม้ายซ่งตายแล้วจริง ๆ รึ ?”
เจียงเอ้อยาลังเลเล็กน้อย นางเห็นแม่หม้ายซ่งนอนจมกองเลือด แล้วพ่อของนางก็บอกว่าจะจับแม่ไปส่งให้กับพวกเจ้าหน้าที่ด้วยความโกรธแบบนั้น นางไม่รู้จริง ๆ ว่าแม่หม้ายซ่งเป็นหรือตาย
เจียงเอ้อยาพูดอย่างไม่ค่อยแน่ใจ “คงตายแล้วแหละ นางเลือดออกเยอะมาก…” เจียงเอ้อยาตัวสั่น “อีกอย่าง พ่อข้าโกรธขนาดนั้น เขาบอกว่าจะส่งตัวแม่ข้าให้เจ้าหน้าที่ แม่หม้ายซ่งตายแล้วแน่ ๆ”
เจียงป่าวชิงหัวเราะอย่างเย็นชา “เหอะ ๆ นี่เจ้าโง่เรอะ ? เกิดเรื่องขึ้นมีคนเจ็บแทนที่จะพาไปหาหมอทันที จะวิ่งมาที่บ้านข้าทำไม ? อีกอย่าง ถ้าแม่หม้ายซ่งตายแล้วจริง ๆ จะมีประโยชน์อะไรที่มาขอให้ข้าช่วยเรื่องที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้อย่างเรื่องชดใช้กันด้วยชีวิตแบบนี้ ถ้าข้าเป็นเจ้านะ ตอนนี้ข้าจะรีบกลับไปสวดมนต์ภาวนาให้แม่หม้ายซ่งพ้นจากอันตราย แม่เจ้าจะได้โทษเบาลง”
พูดเสร็จ เจียงป่าวชิงก็ปิดประตูอย่างแรง ไม่ว่าเจียงเอ้อยาจะทุบประตูหรือส่งเสียงเรียกอย่างไร นางก็ทำเป็นไม่ได้ยิน
เจียงป่าวชิงกลับเข้ามาในบ้าน เจียงหยุนชานก็รีบถามขึ้นอย่างเป็นห่วง “นั่นเสียงพี่เอ้อยาหนิ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ?”
เจียงป่าวชิงรู้อะไรไม่มากจึงเล่าเรื่องให้เจียงหยุนชานฟังอย่างคร่าว ๆ แต่ก็ไม่ลืมพูดกำชับเจียงหยุนชาน “พี่ ช่วงนี้ที่บ้านตระกูลเจียงวุ่นวายมาก ถ้าพวกเขายังมาที่บ้านเราอีก พี่ไม่ต้องไปสนใจนะเจ้าคะ”
เจียงหยุนชานพยักหน้า
……
วันนี้เป็นวันที่สี่แล้วที่ฝนตก เจียงเหล่าหวู่เข็นรถคลุมด้วยผ้าสักหลาดอย่างแน่นหนามาที่บ้านของเจียงป่าวชิง
เมื่อเจียงเหล่าหวู่เข้ารั้วมาในระยะที่มีหลังคาบ้านบังฝนได้ เขาเลิกผ้าสักหลาดออกเผยให้เห็นข้าวโพดแห้ง เต้าหู้แห้ง และไก่ที่ถูกเชือดเตรียมไว้แล้วบนรถ ทั้งหมดนี้มาจากบ้านของเขา
เจียงป่าวชิงกับเจียงหยุนชานตกตะลึงเล็กน้อย
เจียงหยุนชานเอ่ยถาม “ท่านปู่ห้า เอามาทำไมหรือขอรับ ?”
เจียงเหล่าหวู่ถอดเสื้อกันฝนออก สะบัดศีรษะไล่น้ำฝนอย่างแรงอยู่ตรงข้างประตูทางเข้าและพูดขึ้นว่า “เฮ้ ข้าไม่รู้ว่าฝนจะตกไปถึงเมื่อไหร่ ข้างนอกก็ไม่มีผักอะไรแล้ว ข้ากลัวว่าพวกเจ้าสองคนจะไม่มีอะไรกินจึงเอาอาหารมาให้พวกเจ้า”
อันที่จริงในห้องครัวของพวกเขาสองพี่น้องยังมีอาหารเหลืออยู่บ้างและพอกินสำหรับสองสามวันนี้ แต่การให้ความช่วยเหลือของเจียงเหล่าหวู่ ทำให้สองพี่น้องรู้สึกอบอุ่นในหัวใจมาก