แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 355 ไม่ต้องเรียกข้าว่าพี่
เลี่ยวชุนหยู่ตกตะลึง เขายืนปิดปากมองเจียงหยุนชานอยู่ตรงนั้น ปากก็พูดขึ้นอย่างยากที่จะเชื่อ “พี่…”
“เจ้าไม่ต้องเรียกข้าว่าพี่ ข้าไม่ได้สั่งสอนเจ้าให้ดี ๆ ข้าไม่คู่ควรเป็นพี่ชายของเจ้า” เจียงหยุนชานหลับตาลงพลางพูดขึ้นอย่างเศร้าโศกใจ “ข้าจะหาครอบครัวดี ๆ ให้เจ้าไปอยู่ด้วย แล้วต่อไปข้ากับเจ้าไม่ต้องเจอกันอีก”
เลี่ยวชุนหยู่งงเป็นไก่ตาแตก เจียงหยุนชานให้อภัยเขามาโดยตลอดและอดทนต่อพฤติกรรมย่ำแย่และนิสัยเอาแต่ใจของเขาทั้งหมด เขาถือว่าความอดทนของเจียงหยุนชานเป็นการให้ความสำคัญสำหรับเขา ไม่ว่าเขาจะทำอะไร เจียงหยุนชานให้อภัยเขาเสมอ
แต่ครั้งนี้ เจียงหยุนชานกลับบอกว่า “ไม่ต้องเรียกเขาว่าพี่แล้ว”
จู่ ๆ เลี่ยวชุนหยู่ก็ร้องไห้หนักมาก เขาร้องไห้ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นราวกับต้องการร้องไห้จนหลังคาพังลงมา เขาร้องไห้และดึงเสื้อของเจียงหยุนชานไปด้วย ปากก็ถามทั้งที่ยังสะอื้น “พี่ไม่ต้องการข้าแล้วรึ ?”
เจียงหยุนชานเป็นคนที่ใจอ่อนที่สุด แต่วันนี้เขากลับพบว่าความใจอ่อนของเขาที่มีต่อเลี่ยวชุนหยู่อาจทำลายชีวิตของเด็กคนนี้ได้เลย ที่ผ่านมาเขาไม่ทันรู้ตัวว่าเด็กคนนี้ถูกทำลายจนเสียนิสัยด้วยความใจอ่อนของเขาเอง
แม้แต่การลักพาตัวพี่สาวคนหนึ่งของตัวเองก็ยังทำได้ลง แม้เลี่ยวชุนหยู่ไม่ได้ถือว่าเจียงฉิงเป็นพี่สาวก็ตาม แต่เขาก็ไม่ควรทำเรื่องประเภทที่ว่าขายนางที่ไม่มีความผิดอะไรเข้าไปในซ่องนางโลม
เจียงหยุนชานรู้สึกผิดหวังกับเลี่ยวชุนหยู่มาก ไม่ว่าเลี่ยวชุนหยู่จะร้องไห้อ้อนวอนอย่างไร เจียงหยุนชานก็ไม่ขยับเขยื้อนตัว
คนที่ไม่ขยับเขยื้อนตัวยังมีเจียงป่าวชิงอีกคน นางยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าไร้ซึ่งอารมรมณ์ใด ๆ และมองเลี่ยวชุนหยู่ร้องไห้ราวกับฟ้าถล่มดินทลายอย่างเงียบ ๆ
สุดท้ายเจียงฉิงก็ใจไม่แข็งพอกับการต้องมายืนมองเลี่ยวชุนหยู่ร้องไห้ด้วยสภาพที่น่าเวทนาเช่นนั้น นางดึงแขนเสื้อเจียงป่าวชิงเบา ๆ “พี่สาว ข้าเองก็ไม่ได้เป็นอะไร เรื่องนี้… ช่างมันเถอะ”
เจียงป่าวชิงตบแขนเจียงฉิงและพูดขึ้นเสียงเบา “จะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปแบบนี้ไม่ได้ ครั้งนี้ที่เขาลักพาตัวเจ้าไปก็เพราะเขาอิจฉากลัวว่าตัวเองจะไม่เป็นที่โปรดปราน ถ้าหากว่าครั้งหน้าเราไปยุแหย่อะไรเขาอีก เขาอาจลงมือทำอะไรที่น่ากลัวกว่านี้ก็ได้ ความดีและความชั่วในหัวใจของเลี่ยวชุนหยู่ไม่คงที่ เขาเอาแต่ใจเกินไปและคิดว่าโลกทั้งใบต้องมุ่งความสนใจไปที่เขา แต่สภาพจิตใจนี้นี่แหละที่จะฆ่าเขาให้ตายทั้งเป็น”
เลี่ยวชุนหยู่ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนหายใจไม่ทันและหนักถึงขั้นสลบไป ทว่าเจียงหยุนชานไม่ได้ล้มเลิกความคิดที่จะไม่ให้อภัยง่าย ๆ เขาอุ้มเลี่ยวชุนหยู่กลับไปที่ห้องของเขา ก่อนจะกลับมาที่ห้องโถงอีกครั้งและพูดกับเจียงป่าวชิงด้วยท่าทีเหนื่อยล้าอย่างมาก “เฮ้อ… เป็นข้าเองที่ไม่สั่งสอนชุนหยู่ให้ดี ๆ ถึงได้ทำให้เขาตัดสินใจกระทำผิดขนานหนักแบบนี้ อาฉิง พี่ขอโทษเจ้าด้วย”
เจียงฉิงเดินเข้าไปจับชายเสื้อของเจียงหยุนชานอย่างรู้เรื่อง “โธ่ พี่หยุนชานอย่าพูดแบบนี้สิจ๊ะ ชุนหยู่เขาแค่ไม่ทันคิดให้ดี ๆ”
มองดูเจียงฉิงที่รู้ว่าอะไรควรไม่ควรเช่นนี้แล้วหันกลับไปมองเลี่ยวชุนหยู่ที่เอาแต่ใจ เจียงหยุนชานได้แต่ถอนหายใจอย่างไร้เรี่ยวแรง
ตงเส่ที่อยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นอย่างเก้อเขิน “แม่นางเจียง ข้าน้อยถูกคุณชายเล็กบังคับ ข้าไม่ได้ตั้งใจ ท่าน ปล่อยมัดข้าก่อนได้ไหม…?”
เจียงป่าวชิงยิ้มเยือกเย็น ยกเท้าถีบตงเส่ที่นอนอยู่บนพื้น “เจ้าคิดว่าข้าจะโง่เง่าเชื่อคำพูดของเจ้าที่ว่าเลี่ยวชุนหยู่สั่งให้เจ้าพาเจียงฉิงไปขายจริง ๆ อย่างนั้นรึ ?”
หัวใจของตงเส่เต้นแรงขึ้นทันที เขารีบแสดงท่าทางไม่ได้รับความเป็นธรรมออกมาให้เห็นและพูดขึ้น “แม่นางเจียง เอ่อ… คุณหนูใหญ่ ข้ารู้ว่าคุณชายเล็กเป็นเจ้านายข้า ท่านจึงไม่ยอมเชื่อคำพูดของคนรับใช้อย่างข้า แต่เมื่อกี้นี้คุณชายเล็กก็ยอมรับด้วยตัวเองแล้ว ทำไมท่านถึงยังไม่ยอมเชื่อข้า ?”
“ช่างพูดช่างซะจริงนะ” เจียงป่าวชิงเลิกคิ้วพลางถีบตงเส่เบา ๆ อีกครั้ง “ไม่ว่าเลี่ยวชุนหยู่จะเป็นยังไง แต่เขาเพิ่งอายุเก้าขวบเอง เขาจะมีช่องทางทำความรู้จักกับผู้ชายที่ทำงานอยู่ในซ่องโสเภณีได้ยังไง แต่เจ้านี่สิโตกว่าเขาแค่นิดเดียวแต่กลับ… เจ้าฟังนะ ข้าฝากฝังคนให้ช่วยสืบแล้วและพบว่าเจ้ายอดเยี่ยมมาก อายุเท่านี้แต่กลับเข้าออกโรงเล่นพนันทุกครั้งที่มีเวลา แถมยังได้ยินมาว่าตอนนี้เจ้าเป็นหนี้อยู่เยอะด้วยหนิ ก่อนหน้านี้เจ้าก็เกลี้ยกล่อมให้เลี่ยวชุนหยู่เอาเงินค่าขนมมาให้เจ้า ตอนนี้พอเห็นว่าคนในบ้านมีเยอะแล้ว ค่าใช้จ่ายมีเพิ่มมากขึ้น เงินค่าขนมของเลี่ยวชุนหยู่ก็มีน้อยลงและหนี้สินจากโรงเล่นพนันของเจ้าก็ใช้ไม่ทันแล้วด้วย เจ้าจึงมีความคิดชั่วช้า ข้าพูดถูกใช่ไหมเล่า ?”
ใบหน้าของตงเส่เป็นสีเทาราวกับเถ้าที่ดับมอดไป เขาไม่คิดว่าเจียงป่าวชิงเพิ่งมาได้ไม่กี่วัน แต่นางกลับตรวจสอบเบื้องลึกเบื้องหลังของเขาได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน
สุดท้าย เจียงป่าวชิงก็รายงานต่อเจ้าหน้าที่ และคนของทางฝ่ายราชการก็มาจับตัวเขาไป ส่วนเลี่ยวชุนหยู่นั้นถึงแม้ว่าเจียงหยุนชานจะรู้แล้วว่าเรื่องของชายผู้ที่ทำงานอยู่ในซ่องโสเภณีไม่ใช่ความคิดของเลี่ยวชุนหยู่ แต่ก็ยังยากที่เขาจะยอมรับเรื่องที่เลี่ยวชุนหยู่ผู้ที่เขายกให้เป็นน้องชายลักพาตัวคนอื่นอยู่ดี
หลังจากที่เลี่ยวชุนหยู่ตื่นแล้ว ไม่ว่าเขาจะอ้อนวอนอย่างไร เจียงหยุนชานก็ไม่ล้มเลิกความคิดที่จะเลิกเป็นพี่เป็นน้อง เขาถึงกับไม่ยอมเจอหน้าเลี่ยวชุนหยู่เลยด้วยซ้ำ
เลี่ยวชุนหยู่ร้องไห้อย่างน่าเวทนา
เจียงฉิงทนเหตุการณ์แบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว นางไปเคาะประตูห้องของเลี่ยวชุนหยู่
เลี่ยวชุนหยู่เหมือนไม่ได้ยิน เขาเงียบอยู่นานจนเจียงฉิงรอไม่ไหว นางถีบประตูเข้าไปโดยตรงก็พบว่าเลี่ยวชุนหยู่นอนอยู่บนเตียง เมื่อเขาเห็นนางเข้ามาก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไร ยังคงสะอื้นไห้และร้องไห้จนสะอึกอยู่ตลอดเวลา
เจียงฉิงเลื่อนตั่งเตี้ยและถูแก้มตัวเองไปด้วย นางนั่งลงตรงหน้าเตียงของเลี่ยวชุนหยู่ “เจ้านี่โง่จริง ๆ ร้องไห้อยู่แบบนี้นี่คิดว่ามันแก้ไขปัญหาได้รึ ?”
เสียงร้องไห้ของเลี่ยวชุนหยู่หยุดชะงักเล็กน้อย
อันที่จริงเขาเองก็ไม่รู้ว่าควรแก้ไขปัญหาอย่างไร แต่เขาจำได้ราง ๆ ว่าเมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็กเล็กมาก ตราบใดที่เขาร้องไห้ ครอบครัวของเขาก็จะทนไม่ไหวและหาทางทำให้เขาพอใจในที่สุด
“เป็นผู้ชายซะเปล่า หยุดขี้แยเถอะ” เจียงฉิงมองเลี่ยวชุนหยู่อย่างเอือมระอา
“นี่เจ้ามาเยาะหยันข้าใช่ไหม ?!” เลี่ยวชุนหยู่โมโห
เจียงฉิงถูแก้มและมองเลี่ยวชุนหยู่ด้วยสายตาดูถูก “เยาะหยันเจ้าแล้วจะส่งผลดีอะไรต่อข้า เจ้าร้องไห้เสียงดังรบกวนคนอื่น พี่สาวข้าทนไม่ไหวและออกจากบ้านไปแล้ว พี่หยุนชานยิ่งไม่ต้องพูดถึง วันสองวันนี้เขาดูไม่มีชีวิตชีวาเอามาก ๆ ก็เพราะถูกเจ้าทำร้ายจิตใจ! แต่ดูเจ้าสิ ยังไม่คิดหาวิธีชดเชยอีก วัน ๆ เอาแต่ร้องไห้ ถ้าข้าเป็นเจ้า สู้เอาหัวกระแทกผนังจนตายเสียยังดีกว่า!”
เลี่ยวชุนหยู่ถูกเจียงฉิงพูดใส่ยกใหญ่ ใบหน้าเขาพลันแดงก่ำน้ำตาคลอเบ้า อยากโต้เถียงก็พูดไม่ออก “เจ้า… เจ้า…”
เจียงฉิงถอนหายใจ นิ้วเล็กเกี่ยวผมเปียที่ห้อยอยู่ตรงไหล่ไปมา “เฮ้อ ข้ารู้สึกว่าเจ้าไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร อันที่จริงข้าน่ะไม่ชอบเจ้าเอามาก ๆ เจ้าเอาแต่ร้องไห้ไม่เหมือนผู้ชายเลย แต่พี่ป่าวชิงกับพี่หยุนชานเป็นครอบครัวเดียวกัน ข้ากับเจ้าจึงกลายเป็นครอบครัวเดียวกันด้วย ในเมื่อเป็นครอบครัวเดียวกัน เพื่อความปรองดองของที่บ้าน ข้าก็ยอมรู้สึกน้อยใจและพยายามคิดเอาว่าทำดีกับเจ้าก็ไม่เห็นเป็นไร ถ้าทำได้ทั้งพี่สาวและพี่ชายต่างก็มีความสุขเมื่อได้เห็น ดีออกจะตาย แต่เจ้ากลับเอาแต่ก่อเรื่องให้ที่บ้าน เหมือนสาวน้อยมากกว่าสาวน้อยตัวจริงซะอีก”
“อย่ามาพูดจาเหลวไหล!” เลี่ยวชุนหยู่โมโหมาก เขาคว้าหมอนบนเตียงกำลังจะโยนใส่เจียงฉิง ทว่าเด็กหญิงมือไวตาไวคว้าหมอนไว้ได้แล้วโยนมันกลับไปโดนศีรษะของเลี่ยวชุนหยู่
“เจ้าช่างโง่เขลาจริง ๆ แต่ช่างเถอะ ข้าจะพูดเรื่องพวกนี้กับเจ้าทำไมกัน ผ่านไปอีกสองสามวันพอพี่หยุนชานหาครอบครัวที่รับเลี้ยงเจ้าได้แล้ว ถึงตอนนั้นเจ้าก็จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเราอีก ครอบครัวของเราสามคนก็จะอยู่กันอย่างมีความสุขและไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้าอีกต่อไป”
น้ำตามารวมตัวกันอยู่ในดวงตาของเลี่ยวชุนหยู่อย่างรวดเร็ว เมื่อนึกภาพตามที่เจียงฉิงพูด เขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักโทษที่ถูกตัดสินประหารชีวิตจึงแหกปากร้องไห้ส่งเสียงโวยวายไปด้วย “อ๊ากกกก! ไม่ ข้าไม่ต้องการแบบนั้น! ข้าไม่ต้องการไปจากพี่ชายของข้า!”
.