แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 363 ลูกอี๋
เจียงป่าวชิงครุ่นคิดสักครู่ ดูเหมือนจะไม่มีอะไรให้ต้องทำในตอนนี้ เช่นนั้นก็เป็นการดีที่จะพาพวกน้อง ๆ ไปกินลูกอี๋ร้อน ๆ สักถ้วยในฤดูหนาวอันแสนหนาวเหน็บเช่นนี้
เจียงป่าวชิงตอบรับยิ้ม ๆ นางกลับห้องเพื่อไปเปลี่ยนเป็นชุดผู้ชาย
เจียงฉิงถูแก้มพลางถอนหายใจ “โธ่พี่สาว ถึงพี่จะดูดีในชุดผู้ชาย แต่เวลาใส่ชุดผู้หญิงพี่ดูดีกว่านะจ๊ะ ทำไมพี่เลือกใส่ชุดผู้ชายล่ะจ๊ะ ?”
เจียงป่าวชิงลูบศีรษะเจียงฉิง “ข้าไม่สนใจหรอก แค่คิดว่าเรากินเสร็จแล้วก็กลับ ใส่ชุดผู้ชายสะดวกกว่า”
เจียงฉิงครุ่นคิดและเห็นด้วยว่าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ถ้าหากว่าเจอพวกผู้ชายมาพัวพันอีกครั้งเหมือนเมื่อวานละก็ ถึงแม้พี่สาวของนางจะมีสติปัญญาเหนือชั้นและมีทักษะอะไรสักอย่างที่เป็นความลับ แต่ถ้าหากว่าดาบไม่มีตามันมาทำร้ายพี่สาวของนางเล่า จะทำอย่างไร
คิดได้ดังนั้น เจียงฉิงเองก็กลับไปเปลี่ยนเป็นชุดผู้ชายด้วยเช่นกัน
เลี่ยวชุนหยู่พูดพึมพำอยู่ข้าง ๆ “พี่สาวคนโตใส่ชุดผู้ชายก็เพราะหน้าตานางสะสวยเกินไป ก็เห็นอยู่ว่าพี่สาวคนรองหน้าตาดูมีความปลอดภัยมาก ทำไมต้องเปลี่ยนเป็นชุดผู้ชายด้วย ?”
เจียงฉิงโมโหจนอยากระเบิดกบาลน้องคนนี้ให้รู้แล้วรู้รอด
เลี่ยวชุนหยู่เอามือป้องศีรษะ รีบไปหลบอยู่หลังเจียงป่าวชิง
อันที่จริงถ้าหากวิจารณ์กันตรง ๆ เจียงฉิงเองก็เกิดมาเป็นเด็กผู้หญิงที่สวยงามคนหนึ่ง แต่นางยังเด็ก รูปร่างของนางยังผายไม่เต็มที่ ความงามของนางจึงยังไม่สะดุดตาเท่ากับเจียงป่าวชิง
แต่โดยพื้นฐานของเจียงฉิงแล้ว เมื่อสาวน้อยโตเต็มที่นางจะต้องเป็นสาวงามที่มีความงามในระดับที่น่าทึ่งอย่างแน่นอน
ท้ายที่สุด สามพี่น้องก็ออกจากบ้านด้วยกัน
ที่ตั้งของร้านขายลูกอี๋นั้นอยู่ค่อนข้างไกลเล็กน้อย ความจำของเจียงฉิงดีเหมือนเจียงป่าวชิง เพียงไม่นานนางก็พาเจียงป่าวชิงมาถึงร้านลูกอี๋ได้ในเวลาไม่นาน
แม้ตอนนี้จะไม่ใช่เวลาในการกินอาหารกัน แต่ก็มีแผงขายของกินมาเปิดกันค่อนข้างหลายแผงเลยทีเดียว และนี่ ลูกอี๋ที่ทั้งราคาถูกทั้งถ้วยใหญ่นี้ ประกอบกับการที่ได้กินลูกอี๋ร้อน ๆ สักถ้วยท่ามกลางลมหนาวปลายฤดูใบไม้ร่วง ไม่ต้องพูดเลยว่าจะได้เสพสุขแค่ไหน
ตอนนี้ไม่มีโต๊ะว่าง เจียงป่าวชิง เจียงฉิงและเลี่ยวชุนหยู่จึงร่วมโต๊ะกับคนอื่น
ชายคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วคนนี้ไม่คิดหยุมหยิมเรื่องมีคนมานั่งด้วย เมื่อเห็นว่าพวกเจียงป่าวชิงแต่ละคนหน้าตาจิ้มลิ้มหล่อเหลาน่ารัก ดูก็รู้แล้วว่าเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนจึงอดไม่ได้ที่จะจับจ้องมองเจียงป่าวชิงที่ดูแล้วคงอายุมากที่สุด “น้องชาย เจ้าหน้าตาหล่อเหลาดีหนิ”
อันที่จริงการทักทายเช่นนี้ค่อนข้างลวกไปสักหน่อย แต่เจียงป่าวชิงก็พยักหน้าให้ชายคนนั้นอย่างสุภาพ “พี่ชายก็ชมข้าเกินไป”
ชายคนนั้นสนใจมากยิ่งขึ้น ยิ่งสังเกตเจียงป่าวชิงเขาก็ยิ่งรู้สึกถูกอกถูกใจจึงอดถามไม่ได้ “น้องชาย เจ้าเป็นคนแถวนี้รึ ?”
เจียงป่าวชิงไม่เป็นไร แต่เจียงฉิงกับเลี่ยวชุนหยู่เกิดความระมัดระวังในใจแล้ว
เลี่ยวชุนหยู่รู้สึกกลุ้มใจเล็กน้อย ใบหน้าของพี่สาวคนโตช่างเป็นหายนะจริง ๆ แม้แต่ตอนที่อยู่ในชุดผู้ชายก็ยังทำให้ผู้คนสงบเงียบไม่ได้เลย เขาถลึงตาใส่ชายคนนั้น “เฮ้พี่ชาย พี่จะถามไปทำไมเยอะแยะ”
ชายคนนั้นไม่ได้รู้สึกเคือง เขาเพียงพูดขึ้นยิ้ม ๆ “น้องเอ๋ย เจ้าอย่าได้เป็นกังวล ข้าไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร แค่เห็นว่าพี่ชายเจ้าหน้าตาน่าสนใจดีจึงนึกขึ้นได้ว่าหลานสาวที่บ้านยังไม่ได้แต่งงาน อยากถามเขาว่าเต็มใจไปดูตัวหรือเปล่าก็เท่านั้น”
เลี่ยวชุนหยู่กับเจียงฉิงตกตะลึงทันที พี่สาวคนโตของพวกนางสวมใส่ชุดผู้ชายกินลูกอี๋ก็ยังสามารถนำไปสู่การจับคู่สำหรับนางได้อีกหรือนี่
เจียงป่าวชิงค่อนข้างนิ่ง นางเพียงพยักหน้าเล็กน้อย “ขอบคุณที่เมตตา แต่ข้าไม่เต็มใจ” แล้วนางก็ก้มหน้ากินลูกอี๋ต่อไป
ลูกอี๋นี้สุดยอดจริง ๆ โดยเฉพาะไส้งาดำ มันนุ่มนิ่มกำลังดี ทันทีที่เข้าปากงาดำเหมือนจะละลายในปากแล้วไหลลงคออย่างไรอย่างนั้น
ชายคนนั้นยิ้มเบิกบาน “ดี ดีมากน้องชาย ข้าชื่นชมเจ้าจริง ๆ วันนี้ข้าเลี้ยงลูกอี๋พวกเจ้าเอง!” พูดเสร็จเขาก็วางทองแดงหนึ่งกำมือแล้วจากไปโดยที่ยังคงหัวเราะอยู่อย่างนั้น
เจียงป่าวชิง เจียงฉิง และเลี่ยวชุนหยู่ต่างก็ไม่ได้ขาดเงินแต่กลับต้องมาถูกคนอื่นเลี้ยงลูกอี๋หนึ่งถ้วยอย่างงง ๆ ทว่าเจียงป่าวชิงไม่ตกใจ “ช่างเถอะ การพบกันคือโชคชะตา ถ้าเขาอยากเลี้ยงก็ให้เขาเลี้ยง ครั้งหน้าถ้าเราเจอเขาอีก เราค่อยเลี้ยงเขากลับก็ได้”
เจียงฉิงกับเลี่ยวชุนหยู่ต่างพยักหน้า แต่พวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่า “ลูกอี๋หนึ่งถ้วย” ที่ถูกเลี้ยงในครั้งนี้จะนำไปสู่อะไรบ้าง
เจียงฉิงกับเลี่ยวชุนหยู่กลับไปซื้อผักก่อนโดยที่เถียงกันไปมาตลอดทาง ส่วนเจียงป่าวชิงยังอยากไปหาเกิ่งจื่อเจียงที่ซอยฉางผิงจึงค่อย ๆ เดินไปที่ซอยฉางผิงอย่างเชื่องช้า
แต่ตอนที่เดินมาถึงจุดที่ไม่ไกลจากซอยฉางผิงมากนัก ก็เห็นว่าชายคนที่เลี้ยงลูกอี๋พวกเขาเมื่อสักครู่กำลังชกต่อยกับใครไม่รู้ ถ้าหากพูดให้ถูกต้องคือคนกลุ่มหนึ่งกำลังซ้อมชายคนนั้นเสียมากกว่า
ถึงแม้ว่าชายคนนั้น ดู ๆ แล้วเขามีวิชามวยติดตัว แต่หมัดของเขาก็ยากที่จะสู้กับคนที่มีจำนวนมากกว่า ไม่นานเขาก็ถูกพวกอันธพาลเหล่านั้นต่อยจนล้มลงไปกองกับพื้น และพวกอันธพาลเหล่านั้นก็ถีบร่างของเขาไม่หยุดยั้ง
ผู้คนมากมายรอบ ๆ แอบมองดูกันอย่างเงียบ ๆ แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปห้ามมวย เห็นได้ชัดว่าพวกอันธพาลเหล่านั้นค่อนข้างมีอิทธิพลที่นี่
เจียงป่าวชิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วตะโกนขึ้นเสียงดัง “เจ้าหน้าที่ มีเจ้าหน้าที่มา!”
ประโยคขู่นี้ใช้กันทั่วไปในสมัยโบราณและสมัยใหม่เพื่อจัดการกับพวกอันธพาล
พวกอันธพาลเหล่านั้นได้ยินว่ามีเจ้าหน้าที่มาก็วิ่งหนีแตกกระเจิงไปคนละทิศละทางโดยไม่สนใจคนที่พวกเขากำลังชกต่อยเมื่อครู่นี้อีก ไม่นานพวกเขาก็วิ่งหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ในตอนนี้เอง เจียงป่าวชิงเดินเข้าไปตรวจดูอาการบาดเจ็บของชายคนนั้นด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด โชคดีที่เขาแค่ได้รับบาดเจ็บภายนอก
ชายคนนั้นขมวดคิ้ว ลุกขึ้นจากบนพื้นพร้อมสูดปากด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว เขามองเจียงป่าวชิงด้วยสีหน้าเจื่อน “น้องชาย งานนี้ข้าต้องขอบใจเจ้าจริง ๆ”
เจียงป่าวชิงพยักหน้าให้ชายคนนั้น “ไม่เป็นไร ถือซะว่าคืนค่าลูกอี๋กับเจ้าก็แล้วกัน” พูดจบ เดิมทีนางตั้งใจจะกลับแต่กลับเห็นว่าชายคนนั้นที่นั่งอยู่บนพื้นตอนนี้ ล้มลงไปนอนเสียแล้ว
เจียงป่าวชิงไม่ใช่คนจิตใจดีอะไร เดิมทีนางตั้งใจจะไม่สนใจ แต่เมื่อมองดูผู้คนรอบ ๆ ที่ต่างก็หลบซ่อนตัวไม่มีใครเข้ามาช่วยแล้ว ถ้าหากนางไม่สนใจเขาในตอนนี้ เกรงว่าชายคนนี้อาจตายอยู่ที่นี่ก็เป็นได้
เจียงป่าวชิงจับเส้นผมอย่างรำคาญใจ สุดท้ายต้องไปลากเกิ่งจื่อเจียงหรือหมอเกิ่งมาที่นี่ ซึ่งชายคนนั้นยังคงนอนอยู่ที่พื้น มีหลายคนมองดูอยู่รอบ ๆ แต่ไม่มีใครเต็มใจออกมาช่วยเหลือเลยสักคน
เกิ่งจื่อเจียงขมวดคิ้ว นี่เป็นจรรยาบรรณที่คนเป็นหมอควรยึดถือ แม้เขาจะโบราณคร่ำครึไปหน่อย แต่เขาไม่สามารถทนเห็นคนตายต่อหน้าตนเช่นนี้ได้ เขาเดินเข้าไป กำลังจะจับชีพจรให้กับชายที่หมดสติอยู่บนพื้นแต่กลับมีคนเตือนเขาจากด้านข้างก่อน
“เฮ้ย พ่อหมอหนุ่ม เจ้าห้ามเกี่ยวข้องกับไอ้คนนี้เชียวนะ…”
“ใช่ ๆ ๆ เขาถูกตามไล่ฆ่าอยู่ ถ้าเจ้าเข้าไปพัวพันกับเขา เจ้าเองก็จะถูกไล่ฆ่าไปด้วย”
“ใช่ คนพวกนั้นโหดร้ายมาก!”
“พอแล้ว!” เกิ่งจื่อเจียงเอ็ดเสียงดัง “พวกเจ้าเสียงดังจนข้าจับชีพจรไม่ได้แล้ว!” เกิ่งจื่อเจียงรีบจับข้อมือของชายคนนั้นขึ้นมาตรวจจับชีพจร
เจียงป่าวชิงนั่งยอง ๆ แล้วพูดเสริมอยู่ข้าง ๆ “ข้าจับชีพจรให้เขาแล้ว เขาไม่ได้รับบาดเจ็บภายในอะไรแต่แผลภายนอกของเขามีเยอะ ถ้าปล่อยไว้ไม่สนใจ ไม่แน่สภาพร่างกายเขาอาจแย่ลงเรื่อย ๆ และทำให้ตายอย่างฉับพลันได้ ลำพังข้าคนเดียวเคลื่อนย้ายร่างเขาไม่รอด เราร่วมแรงกันลากเขากลับไปเป็นยังไง ?”
เกิ่งจื่อเจียงพยักหน้า เขากับเจียงป่าวชิงกำลังจะช่วยกันเคลื่อนย้ายร่างชายคนนั้น แต่ชายคนนั้นกลับฟื้นขึ้นมาขมวดคิ้วมองพวกเขา “นี่พวกเจ้า… กำลังทำอะไร ?”
เมื่อครู่ที่เกิ่งจื่อเจียงถูกเตือน อันที่จริงเขาเองก็รู้สึกประหม่าในใจเช่นกัน ไม่ใช่ว่าไม่กลัวพวกอันธพาลแก้แค้น แต่ในฐานะที่เขาเป็นหมอคนหนึ่ง เขาไม่สามารถทนเห็นคนตายต่อหน้าเขาได้จึงตอบกลับด้วยอาการร้อนใจไม่เป็นสุข “เจ้ามองไม่ออกรึไง พวกข้าก็กำลังช่วยเจ้าอยู่ยังไงเล่า”
ชายคนนั้นหุบปากพลางมองเจียงป่าวชิง “เจ้า…”
เจียงป่าวชิงเองก็ถอนหายใจเช่นกัน “คืนเงินค่าลูกอี๋อีกสองถ้วยที่เหลือกับเจ้ายังไงล่ะ”
ชายคนนั้นออกแรงดิ้นรนเพื่อลุกขึ้นยืนก่อนจะกระแอมไอเบา ๆ “ไม่ดีกว่า ข้าไม่รบกวนพวกเจ้าสองคนหรอก”
ชายคนนั้นยังคงมองเจียงป่าวชิงด้วยความเสียดายเล็กน้อย “น้องชาย เดิมทีข้าอยากแนะนำหลานสาวของข้าให้เจ้ารู้จัก แต่พอดูจากเหตุการณ์นี้คงทำไม่ได้แล้ว จะได้ไม่เป็นการทำร้ายเจ้าด้วย พวกเจ้าเองก็ไม่ต้องช่วยข้าแล้ว พวกเจ้าจะได้ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับข้า… มันอันตราย…”
พูดจบ ชายคนนั้นก็เดินโซซัดโซเซไปข้างหน้าสองสามก้าว แต่แล้วเขาก็ล้มลงบนพื้นจนเกิดเป็นเสียงดังตึง
เกิ่งจื่อเจียงถอนหายใจ “เฮ้อ… ในเมื่อเขาพูดมาเช่นนี้ ข้าคงไม่รักษาเขาไม่ได้แล้ว”
.
.