แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 373 ของขวัญสำหรับการพบเจอกัน
เจียงหยุนชานเดินนำพวกเจียงป่าวชิงเข้าไปในบ้าน ยังเดินไปไม่ถึงทางเดินก็ได้ยินเสียงที่ถึงแม้จะดูแก่เล็กน้อยแต่กลับเต็มไปด้วยจิตวิญญาณดังออกมาจากข้างใน “หยุนชาน พวกเจ้ามากันแล้วรึ ?”
“ขอรับ” เจียงหยุนชานขานรับ ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อก็เห็นผู้เฒ่าหยุนไห่ที่สวมเสื้อคลุมอยู่บ้านเดินออกจากห้องรับแขกด้วยท่าทางอย่างผู้มีกำลังวังชา คล้ายกับว่าเขากำลังจะออกมารับพวกเขาอย่างไรอย่างนั้น
“ท่านอาจารย์ อากาศข้างนอกค่อนข้างหนาว ท่านไม่ต้องออกมาหรอกขอรับ” เจียงหยุนชานรีบพาพวกน้อง ๆ เดินไปข้างหน้าแล้วทำความเคารพผู้เฒ่าหยุนไห่
ว่ากันว่าผู้เฒ่าหยุนไห่อายุเก้าสิบปีแล้ว แต่เมื่อดูจากใบหน้าและรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรรวมถึงรอยย่นบนใบหน้าของเขาที่ตื้นมากนั้น หากบอกว่าเขาอายุสี่สิบกว่าก็ยังมีคนเชื่อ และหากพิจารณากันตามอายุ อันที่จริงพวกเจียงป่าวชิงควรเรียกผู้เฒ่าหยุนไห่ว่าท่านปู่ แต่ถ้าหากเรียกท่านปู่ เลี่ยวชุนหยู่ที่เป็นน้องชายโดยชอบธรรมนั้นไม่มีปัญหาอะไร แต่น้องสาวอย่างเจียงป่าวชิงจะต้องแยกกับรุ่นของเจียงหยุนชาน
คำเรียกที่เจียงป่าวชิงพาเจียงฉิงทำความเคารพคือ “ท่านอาจารย์”
ผู้เฒ่าหยุนไห่มองเจียงป่าวชิงกับเจียงฉิงอย่างสุขใจ เขาดูชื่นชอบทั้งสองมาก “อื้ม ดูก็รู้แล้วว่าเป็นเด็กดีมาก มา ๆ รีบเข้ามาเถอะ”
ทั้งหมดเดินตามผู้เฒ่าหยุนไห่เข้าไปในห้องที่ดูเหมือนห้องรับแขกในบ้านของผู้คนทั่วไป การตกแต่งก็เหมือนกับเจ้าของบ้านใช้ชีวิตประจำวันอยู่ในบ้านเป็นหลัก แต่ดูไม่ออกเลยว่ามันเป็นที่อยู่อาศัยของผู้ที่มีความรู้ซ่อนเร้นอย่างผู้เฒ่าหยุนไห่
ภายในห้องมีการเผาถ่านกระดูกเงินชั้นดีซึ่งทำให้ภายในนี้อุ่นมาก พวกเขาต่างก็ถอดเสื้อคลุมกันลมหนาวออก พวกสาวใช้ก็รีบเข้ามารับไว้เพื่อเอาไปเก็บเข้าที่อย่างกระตือรือร้น
เจียงป่าวชิงกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพจนสาวใช้ที่เสียบปิ่นปักผมรูปก้อนเมฆมงคลเนื้อหยกไว้บนศีรษะรู้สึกปลื้มใจมาก นางเม้มริมฝีปากยิ้ม ๆ พลางมองเจียงป่าวชิงด้วยดวงตาใสแล้วพูดขึ้นเสียงเบา “คุณหนูเจียงหน้าตาไม่ค่อยเหมือนคุณชายเจียงเลยนะเจ้าคะ” นางหยุดชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “แต่แม้หน้าตาไม่ค่อยเหมือนกัน รูปโฉมของคุณหนูเจียงก็สวยเพริศพริ้งที่สุด ใครเห็นก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหลงรักเจ้าค่ะ”
คำพูดเชยชมที่กล่าวในตอนต้นยังคงปกติ แต่คำว่า “รู้สึกหลงรัก” ในตอนหลัง เจียงป่าวชิงคิดว่าค่อนข้างฟังดูแปลกหูไปหน่อย
“ปี้หยุน อย่าซน” ผู้เฒ่าหยุนไห่เตือนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ปี้หยุนผู้เป็นสาวใช้แลบลิ้นและขยิบตาให้เจียงหยุนชาน จากนั้นก็หมุนตัวไปวางเสื้อคลุมเข้าที่
“เด็กรับใช้ในบ้านข้าซุกซน รบกวนเจ้าเสียแล้ว” ผู้เฒ่าหยุนไห่พูดกับเจียงป่าวชิงด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
นั่นเป็นแค่คำพูดหยอกล้อเท่านั้น แน่นอนว่าเจียงป่าวชิงไม่ใจแคบพอที่จะไม่สบอารมณ์ด้วยเหตุเพียงแค่นี้ นางยิ้มเล็กน้อย “ไม่เป็นไรเลยเจ้าค่ะท่านอาจารย์”
แม้เจียงป่าวชิงจะดูเหมือนเด็กสาวที่อายุเพียงสิบกว่าปี แต่จริง ๆ แล้วจิตวิญญาณภายในของนางเป็นคนสมัยใหม่ที่มีความเป็นผู้ใหญ่อย่างมาก จึงไม่ต้องพูดถึงเรื่องมารยาทอะไรเลย เจียงฉิงเองก็ได้รับการสอนมารยาทจากเจียงป่าวชิง แม้นางจะอยากรู้อยากเห็นมากและกระดากอายไปในที แต่อากัปกิริยากลับเรียกได้ว่าสุภาพเรียบร้อยดีทีเดียว
หลังจากที่พวกเขาเข้าประจำที่แล้ว คนที่ดูเหมือนประหม่าไม่เป็นธรรมชาติที่สุดคือเลี่ยวชุนหยู่ที่ผู้เฒ่าเคยเห็นหน้ามาแล้วหลายครั้ง
ผู้เฒ่าหยุนไห่หัวเราะในใจ เขาจงใจเรียกชื่อเลี่ยวชุนหยู่ “ชุนหยู่”
เลี่ยวชุนหยู่ที่ถูกเรียกสะดุ้งตกใจพลางรีบนั่งอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว “ท่านปู่หยุน ช่วง… ช่วงนี้ข้าตั้งใจเรียนหนังสือนะขอรับ”
ทุกคนอดยิ้มไม่ได้
เห็นได้ชัดว่ารอยยิ้มนี้เป็นรอยยิ้มเจตนาดี เลี่ยวชุนหยู่ลูบศีรษะตัวเองและยิ้มตามอย่างไร้เดียงสา เขารู้สึกผ่อนคลายลงและนี่ส่งผลให้บรรยากาศภายในห้องมีความปรองดองมากขึ้น
“เจ้ารู้สึกคุ้นชินกับการใช้ชีวิตในเมืองหลวงหรือยัง ?” ผู้เฒ่าหยุนไห่มองเจียงป่าวชิงด้วยท่าทางใจดี
เจียงป่าวชิงลุกขึ้น กำลังจะพูดตอบแต่ผู้เฒ่าหยุนไห่กลับส่งเสียงหัวเราะออกมาเสียก่อน “ป่าวชิง ไม่ต้องระวังตัวจนเกินไปหรอก พวกเจ้าเป็นพวกน้อง ๆ ของหยุนชาน และหยุนชานเองก็เป็นลูกศิษย์ของข้า เรามีความสัมพันธ์นี้ต่อกัน ถ้าเรายังคงเคร่งในมารยาทอย่างไม่รู้จักพลิกแพลงต่อไปเช่นนี้ เกรงว่าคนอื่นจะหาว่าคนแก่อย่างข้าหัวโบราณและให้ความสำคัญกับกฎระเบียบจนเกินไปได้”
ในเมื่อผู้ใหญ่พูดมาเช่นนี้แล้ว เจียงป่าวชิงจึงพูดขึ้นยิ้ม ๆ อย่างคล้อยตาม “ถูกอย่างที่ท่านอาจารย์พูดเจ้าค่ะ” นางนั่งกลับเข้าที่อีกครั้งด้วยท่าทางสง่า แล้วตอบคำถามของผู้เฒ่าหยุนไห่ “หลังจากที่ข้ามาเมืองหลวง เนื่องจากครอบครัวได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง ข้าจึงชินและมีความสุขดีเจ้าค่ะ”
ความสบายใจและความสงบที่เผยออกมาจากอากัปกิริยาเป็นธรรมชาตินี้ทำให้ความประทับใจของผู้เฒ่าหยุนไห่ที่มีต่อเจียงป่าวชิงนั้นดีขึ้นมากกว่าเดิมเล็กน้อย
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว” ผู้เฒ่าหยุนไห่พูดยิ้ม ๆ “ถ้ามีตรงไหนที่ไม่คุ้นชินก็อย่าลืมให้หยุนชานมาบอกข้าล่ะ แม้ข้าจะเป็นคนแก่ที่ถนัดเพียงแค่บรรยายความรู้ แต่ข้าก็รู้จักคนมากมายและสามารถช่วยเหลือพวกเจ้าได้เสมอ”
คำพูดของผู้เฒ่าหยุนไห่ดูเหมือนเป็นคำพูดแสดงความเกรงใจตามมารยาททั่วไป แต่เมื่อลองพิจารณาดูดี ๆ เจียงป่าวชิงกลับรู้สึกว่าผู้เฒ่าหยุนไห่พูดได้อย่างมีความหมายลึกซึ้ง นางมองผู้เฒ่าหยุนไห่ ผู้เฒ่าหยุนไห่เองก็พยักหน้าให้ยิ้ม ๆ ด้วยท่าทางอ่อนโยนเช่นกัน
เจียงป่าวชิงรู้สึกอบอุ่นในใจและกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ
ผู้เฒ่าหยุนไห่ไม่ได้วางมาด เขาถามเจียงฉิงกับเลี่ยวชุนหยู่เกี่ยวกับการร่ำเรียนในตอนนี้ของพวกเขา เช่นเดียวกับผู้อาวุโสทั่วไปที่คอยห่วงใยคนรุ่นหลัง
ขณะที่กำลังพูดคุยกัน สาวใช้ที่เสียบปิ่นปักผมรูปก้อนเมฆมงคลทำจากหยกไว้บนศีรษะก็เข้ามาพร้อมถาดน้ำชาสำหรับเติมชา ข้างหลังนางมีชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมผ้าไหมสีงาช้างเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม มาถึงเขาก็น้อมตัวแสดงความเคารพต่อผู้เฒ่าหยุนไห่ “ท่านอาจารย์ ที่บ้านมีแขกแต่ท่านกลับไม่เรียกข้าสักคำ”
ผู้เฒ่าหยุนไห่ตำหนิด้วยใบหน้าที่ยังคงยิ้มแย้ม “เจ้าไม่ออกมาแต่แรกเพราะขี้เกียจเอง แล้วตอนนี้กลับมาโทษข้าซะอย่างนั้น”
เจียงหยุนชานลุกขึ้นทำความเคารพชายคนนั้น “ศิษย์พี่”
เจียงป่าวชิงเคยได้ยินเจียงหยุนชานบอกว่าพวกศิษย์พี่ของเขาส่วนใหญ่จะพักอยู่ข้างนอก ออกไปทำหน้าที่เป็นผู้นำในสำนักการศึกษา ไม่ก็ไปแสวงหาความรู้ แต่ในบ้านยังเหลือศิษย์พี่คนหนึ่งที่แซ่เผย เขาดูเหมือนไม่ค่อยเอาใจใส่กับอะไรหลาย ๆ อย่าง แต่กลับมีทัศนคติที่ไม่เหมือนใครในการติดต่อกันทางสังคม
ดูเหมือนว่าชายคนนี้คือศิษย์พี่แซ่เผยคนนั้น
เจียงป่าวชิงลุกขึ้นทำความเคารพตามเจียงหยุนชานอย่างเงียบ ๆ และเจียงฉิงกับเลี่ยวชุนหยู่ก็รีบลุกขึ้นทำความเคารพด้วยเช่นกัน
สายตาของเผยหยู่เจ๋อจับจ้องเจียงป่าวชิง เพียงครู่เดียวเขาก็แสดงความเคารพตอบด้วยท่าทางสบายใจ “อา… ดูเหมือนว่าสองคนนี้จะเป็นน้องสาวของศิษย์น้อง”
ไม่ควรบุ่มบ่ามจ้องเด็กสาว ๆ นานเกินไป เผยหยู่เจ๋อรู้ข้อนี้ดี เขาค่อนข้างทำตัวเป็นอิสระได้แต่กลับไม่ทำอะไรเกินความเหมาะสมเลย เขาหยิบกล่องผ้าไหมเล็ก ๆ ออกมาสองกล่อง “เจอหน้ากันครั้งแรก นี่เป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับการพบเจอกัน น้องสาวทั้งสองอย่าได้รังเกียจ”
เจียงหยุนชานรู้สึกแปลกใจอยู่ในใจ ศิษย์พี่ของเขาคนนี้ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลกมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้อีกฝ่ายกลับให้หน้าเขาเช่นนี้ ทั้งยังเตรียมของขวัญสำหรับพบเจอกันไว้ให้น้องสาวทั้งสองของเขาอีกด้วย
เจียงหยุนชานรู้สึกซาบซึ้งใจ ศิษย์พี่ช่างดีกับเขาจริง ๆ
เจียงป่าวชิงกับเจียงฉิงรับของขวัญและกล่าวขอบคุณ ส่วนเลี่ยวชุนหยู่มองเผยหยู่เจ๋อตาปริบ ๆ พลางเอ่ยถาม “ศิษย์พี่เผย แล้วของข้าล่ะ ?”
เผยหยู่เจ๋อมองเลี่ยวชุนหยู่ “นี่เป็นของขวัญสำหรับการพบเจอกันครั้งแรก เมื่อสามปีก่อนข้าไม่ได้ให้เจ้าหรอกรึ ?”
“อ้อ… ข้าลืมไป ขออภัยขอรับ” เลี่ยวชุนหยู่ก้มศีรษะลง
เผยหยู่เจ๋อหัวเราะเบา ๆ จากนั้นเขาก็หยิบกล่องผ้าไหมออกมาอีกครั้งแล้วโยนใส่ในอ้อมแขนของเลี่ยวชุนหยู่ “ฮ่า ๆ ๆ ข้าแค่แกล้งเจ้าเล่น”
เลี่ยวชุนหยู่ถือกล่องผ้าไหมกล่องนั้นอย่างดีอกดีใจ “โอ้! ขอบคุณศิษย์พี่เผยมากขอรับ!”
ผู้เฒ่าหยุนไห่เองก็หัวเราะด้วยเช่นกัน “หึ ๆ ศิษย์พี่หยู่เจ๋อให้ของขวัญแล้ว อาจารย์อย่างข้าจึงไม่ควรตระหนี่ด้วยเช่นกัน”
ดังนั้น เจียงป่าวชิงกับเจียงฉิงและพ่วงด้วยเลี่ยวชุนหยู่ต่างก็ได้รับกระดาษจากผู้เฒ่าหยุนไห่คนละใบ ซึ่งนี่ไม่ใช่กระดาษธรรมดา มันคือรายการส่งของขวัญ!
ของขวัญที่ผู้เฒ่าหยุนไห่เตรียมไว้ให้เจียงป่าวชิงกับเจียงฉิงและพ่วงด้วยเลี่ยวชุนหยู่คือรถม้าหนึ่งคัน และที่น่ายินดีคือภายในรถม้าได้รับการตกแต่งเรียบร้อยแล้ว