โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 112
Ch.112 – อัพเกรดมีดเป็นระดับ …
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.112 – อัพเกรดมีดเป็นระดับ …
“แล้วจะให้คนทั้งหมดขึ้นมาด้วยไหมครับ?” ฉินเฟิงถาม แม้เขาจะมีคำตอบอยู่ในใจ
สำหรับตน ต่อให้มีพระเจ้าเป็นศัตรูก็หาได้หวาดกลัวไม่ ตรงกันข้าม เขากลัวสหายร่วมทีมที่จะทำตัวเป็นภาระซะมากกว่า
ถ้าเกิดให้คนทั้งหมดขึ้นมา มันคงสร้างปัญหาให้แก่ฉินเฟิงมากเกินไป!
“ฉันไม่คิดว่าควรทำแบบนั้น แต่ซูเอ๋อคงไม่ยอม” หลิวเซินซาน ตอบอย่างไม่มั่นใจ
ฉินเฟิงพยักว่าเข้าใจ
ฉินเฟิงหันไปมองอีกสามคน และกล่าวว่า “อีกสักพักจะมีคนธรรมดาอีกกลุ่มหนึ่งขึ้นมาที่นี่ พอถึงเวลานั้น หวังว่าพวกนายจะสามารถปกป้องพวกเขาได้ แม้สักหน่อยก็ยังดี!”
“แน่นอน เพราะยังไงซะ พวกเราผู้ใช้พลังก็สมควรจะปกป้องคนธรรมดาอยู่แล้ว ยิ่งครอบครองความแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องมีความรับผิดชอบมากเท่านั้น!” แม้ปากยิ้มและจะกล่าวเช่นนั้น แต่วังเฉินดูจะอึดอัดเล็กน้อย อันที่จริงแล้ว ในหัวใจเขาไม่ต้องการจะให้คนธรรมดาขึ้นมาเป็นภาระที่นี่
แน่นอน ว่าในใจจริงๆแล้วฉินเฟิงรู้สึกไม่พอใจยิ่งกว่าวังเฉินซะอีก … ก็ใครกันที่ดันสรรค์สร้างให้หลิวซูมีนิสัยเป็นแม่พระแบบนี้!
แต่เรื่องนี้ไม่อาจตำหนิหลิวซูได้ เพราะหลิวซูคือหนึ่งในหัวหน้าสาขาของหน่วยลาดตระเวนเมืองหาน ที่แห่งนี้คือบ้านเกิดของเธอ!
ในทำนองเดียวกัน หากเกิดภัยพิบัติเช่นเดียวกันในสถานชุมชนเฉิงเป่ย และมีเด็กกำพร้ากว่า 100 คนตกอยู่ในความดูแลของฉินเฟิง —เขาก็คงให้คำมั่นว่าจะสู้ตาย ปกป้องพวกเด็กๆด้วยกำลังทั้งหมดที่มีเหมือนกัน!
แต่ถ้าเป็นพวกคนแปลกหน้าหรือไม่สนิท ยังไงเขาก็ไม่คิดช่วยเหลือ!
“ลุงหลิวครับ รบกวนช่วยออกมาเก็บกวาดโกดังกับผมหน่อยนะครับ” ฉินเฟิงกล่าว
หลิวเซินซานย่อมพยักหน้าเห็นด้วย เพราะสิ่งที่อยู่ในโกดังข้างๆมีมูลค่ากว่ากลายสิบล้าน และหลิวเซินซานก็ไม่ต้องการที่จะสูญเสียมันไป
โชคยังดีที่เขามีอุปกรณ์รูนมิติอยู่สามชิ้น มันจึงเพียงพอที่จะยัดวัตถุดิบสัตว์ร้ายระดับสูงลงไปได้ แต่เขามิได้ไปยุ่งกับพวกอาวุธปืนในโกดังแต่อย่างใด เพราะสิ่งเหล่านี้คือพื้นฐานในการเอาชีวิตรอดของทุกคนและหลิวเซินซานเองก็ไม่ใช่คนขี้เหนียว อาวุธปืนทั้งหมดจะถูกแจกจ่ายออกไป
กระทั่งในชีวิตก่อนหน้า ฉินเฟิงและลุงหลิวเอง ก็พึ่งพาเจ้าปืนพวกนี้นี่แหละ ถึงสามารถหนีออกมาจากเมืองหานได้
ฉินเฟิงเฝ้าดูหลิวเซินซานเก็บรวบรวมสิ่งของของเขา จากนั้นก็ออกมา สั่งให้เหอหลิงกับเซ่าเซี่ยงเตรียมกระสอบทราย นำพวกมันไปวางไว้ที่ชั้นสองเพื่อปิดกั้นทางเดิน ส่วนช่องหน้าต่าง ก็โรยด้วยผงขับไล่สัตว์ร้าย และสุดท้ายเว้นช่องว่างในระเบียงทางเดินไว้เล็กน้อยสำหรับหลบหนี
หลังจากจัดเตรียมทุกอย่างเสร็จแล้ว ฉินเฟิงก็เดินลงไปตามเส้น ลงสู่ลานจอดรถใต้ดิน
ในลานจอดรถเองก็ตกอยู่ในสถานการณ์วุ่นวายเช่นกันในเวลานี้ เมื่อฉินเฟิงเปิดประตูออกไป เขาก็ได้รับการต้อนรับจากหนอนตัวยาวที่มีขนาดอวบอ้วนเท่ากับถังไม้ทันที!
–เป็นมังกรดิน!
“ลำแสงเปลวเพลิง!”
พลังสมาธิถูกกระตุ้นทันควัน รังสีแสงสีดำแดงปะทุออกมา ปะทะเข้ากับร่างของมังกรดิน แรงระเบิดส่งมันลอยละลิ่วไปกลางอากาศในคราวเดียว ระหว่างปลิวร่างของมันก็ทนต่อไปไม่ไหว ตัวแตกเป็นชิ้นๆ!
ซากมังกรดินร่วงหล่น เผยโฉมในสภาพเละเทะสู่สายตา –มันคือสิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับไส้เดือนขนาดยักษ์ ชมชอบในสถานที่ลึกและเปียกชื้น มักจะมุดออกมาจากพื้นดิน เพื่อล่าสิ่งมีชีวิตเป็นอาหาร
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของมังกรดินจะถูกประเมินตามขนาด น่ากลัวว่ามังกรดินในเลเวล S รูปลักษณ์ของมันคงจะเหมือนมังกรจริงๆ ครอบครองความยาวนับกิโลเมตร สะบัดตัวทีเดียวก็พลิกตลบไปทั้งผืนดิน!
ส่วนเบื้องหน้าที่ฉินเฟิงเจอ หากอิงตามขนาด มันมีเลเวลอยู่แค่ G5 เท่านั้น ไม่มีอะไรน่ากังวลหรือเป็นห่วง
แต่หากเป็นคนธรรมดาที่ดันโชคร้ายพบเจอมัน ชะตากรรมของพวกเขาคงไม่พ้นถูกกลืนกินอย่างน่าเศร้า!
ฉินเฟิงมุ่งหน้าไปยังประตูเหล็กของห้องใต้ดิน
“หลิวซู เปิดประตูด้วย ฉันมารับเธอ” ฉินเฟิงต่อสายสื่อสารกับหลิวซู
หลิวซูที่อยู่ข้างในเปิดตามคำขอ พริบตานั้นมลพิษที่ชวนให้ระคายเคืองทางจมูกก็ฟุ้งออกมา จนฉินเฟิงต้องขมวดคิ้ว
มี 20 คนกระจุกตัวกันอยู่ภายในห้องนี้ และเพราะความตึงเครียด ผู้ชายบางคนเลยจุดบุหรี่ขึ้นสูบ ในขณะที่ช่องระบายอากาศ สามารถรับได้แค่อ็อกซิเจนเท่านั้น มันไม่มีพลังงานมากพอที่จะระบายอากาศเสียได้
“สถานการณ์ภายนอกเป็นยังไงบ้าง?”
“ยังมีพวกแมลงโรคจิตหลงเหลืออยู่อีกรึเปล่า?”
“พวกทหารรักษาการณ์ เก็บกวาดเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”
ไม่รอให้หลิวซูเปิดปาก คนพวกนี้ก็ชิงถามตัดหน้าเธอ
ฉินเฟิงมองไปยังผู้คนที่เบียดเสียดกันเบื้องหน้าเขา และถอยหลังกลับมา กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เกิดอะไรขึ้นข้างนอกนั่น แค่ดูข้อมูลจากอุปกรณ์สื่อสารก็น่าจะรู้แล้วนี่ ยังจะถามผมอีกทำไม?”
สีหน้าของผู้คนในห้องใต้ดินซีดเผือดลง
แน่นอน ว่าพวกเขาย่อมได้รับข้อมูลจากอุปกรณ์สื่อสาร แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่อยากจะเชื่ออยู่ดี ว่าเมืองหานได้ล่มสลายลง ถูกยึดครองโดยเผ่าพันธุ์แมลงไปแล้วแบบนี้
กองทหารรักษาการณ์แตกกระเจิง หลบหนีไปกับผู้คน … อย่างมากที่สุดพวกเขาทำได้ก็คือ คอยหยุดพวกแมลงเอาไว้เบื้องหลัง ถ่วงเวลาให้ผู้คนหนีไปก็เท่านั้น
“ทุกคนไม่ต้องกังวลนะ กองกำลังหลิงหานได้ออกแถลงการณ์ว่าจะมาช่วยทุกคนแล้วไม่ใช่หรอ? ตอนนี้ข่าวน่าจะกระจายออกมาแล้ว ผู้ใช้พลังมากมายกำลังมุ่งหน้ามายังเมืองหาน ขอแค่อดทนรออีกไม่กี่วันเท่านั้น!” หลิวซูเร่งปลอบประโลมทุกคน
ฉินเฟิงชิงกล่าว “ฉันไม่รู้หรอกนะว่ากองทัพหลิงหานจะของเธอจะมาถึงเมื่อไหร่ แต่ความจริงอันโหดร้ายที่เธอต้องรู้ก็คือ จากตำแหน่งที่เราอยู่ ห่างออกไปราวๆ 3กิโลเมตร มีราชันย์สัตว์ร้ายอยู่ที่นั่น!”
เมื่อสิ้นเสียง บนใบหน้าของทุกคนพลันฟุ้งไปด้วยความหวาดกลัวและสยองเกล้า!
ทว่านี่คือผลลัพธ์ที่ฉินเฟิงต้องการ
“ในห้องใต้ดินนี่มีคนอยู่มากเกินไป บางส่วนขอให้ออกมากับผมเถอะ วางใจได้ ผมจะปกป้องพวกคุณเอง!” ฉินเฟิงกล่าว
แม้ปากจะเอ่ยเช่นนั้น แต่ในหูของผู้คน มันกลับฟังราวเป็นเรื่องตลก
‘มีราชันย์สัตว์ร้ายอยู่ข้างนอกนั่น แล้วจะปกป้องพวกฉันจากมันได้ยังไง?’
“ฉันจะไปกับเธอ ฉันต้องการอยู่กับตาแก่หลิว!” เฉียวหยานแทรกตัวออกมา ณ จุดนี้ ขอย้ำสถานะของเธอ ว่าเธอคือนายหญิงเจ้าของโรงแรม ที่ได้เห็นโลก และผู้คนมานักต่อนัก และเธอรู้สึกได้ถึงความมั่นใจจากในน้ำเสียงของฉินเฟิง
หากเจ้าตัวเอ่ยปากว่าสามารถปกป้องได้ เขาย่อมทำได้
ส่วนคำพูดข่มก่อนหน้านี้ มันอาจจะเป็นเรื่องโกหกก็ได้!
“นายหญิง ฉันขอติดตามไปด้วยค่ะ!”
“นายหญิง ได้โปรดพาผมไปด้วย!”
พนักงานทุกคนที่อยู่ในห้องใต้ดิน ชายหนึ่งหญิงสามเดินออกมา
หากนับหลิวซูด้วยก็เป็นหกคน
“แต่ว่าพวกเขา … ” หลิวซูต้องการจะบอกว่าหากคนเหล่านี้ยังดึงดันอยู่ที่นี่ แม้จะปลอดภัย แต่อาหารในชั้นใต้ดินเกรงว่าคงไม่เพียงพอ!
แต่เฉียวหยานกลับดึงแขนหลิวซูออกมาอย่างกระทันหัน เธอเลยต้องกลืนคำพูดที่เหลือทั้งหมดกลับลงไป
“ยังมีใครอยากจะไปด้วยกันอีกไหม?” ฉินเฟิงถามย้ำอีกครั้ง
ทว่าในแววตาของคนเหล่านั้นกลับกระพริบไหว ทั้งหมดก้มศีรษะลง ไม่มีใครยอมเอ่ยอะไรสักคำ
ต้องทราบนะว่าชั้นใต้ดินนี้ไม่ใช่พื้นที่สาธารณะ มันคือสถานที่ซึ่งเป็นของครอบครัวหลิวเซินซาน แม้จะไม่ใหญ่โต ทว่าหากอยู่กันซัก 6 คนมันก็เพียงพอ แต่ปัจจุบันกลับกระจุกตัวกันเป็น 20 คน –ในเมื่อสถานการณ์ด้านนอกยังไม่สู้ดี และออกไปก็อาจตายได้ ดังนั้นคนเหล่านี้จึงไม่เต็มใจที่จะออกไป
“งั้นพวกคุณก็จัดการชีวิตตัวเอง มุดหัวอยู่ในนั้นไปก็แล้วกัน” ฉินเฟิงกล่าว เขานำทั้งหกคนเดินจากไป
ประตูเหล็กที่อยู่เบื้องหลัง แทบจะรอไม่ไหวที่จะปิดลง
“เจ้าคนพวกนี้น่ารังเกียจเกินไปแล้ว ทั้งๆที่มันเป็นห้องใต้ดินของโรงแรมเราแท้ๆ!”
หนึ่งในพนักงานหญิงวัย 20 ปีกัดฟันกล่าว หลังจากที่พวกคนกลุ่มนี้เข้ามา ก็เริ่มกินและดื่มเสบียงอย่างไม่เกรงใจ ไหนจะยกบุหรี่ขึ้นจุดสูบ จนอากาศในห้องใต้ดินแย่ลงอีก
ไม่เพียงเท่านั้น แต่ผู้ชายบางคน ในแววตาของพวกเขา ยังมองมาที่พวกเธออย่างไม่เป็นมิตร สิ่งนี้ทำให้พวกผู้หญิงรู้สึกหวาดกลัวกันเป็นอย่างมาก
ในทางตรงกันข้าม ฉินเฟิงเนี่ยสิ น่าเชื่อถือยิ่งกว่าคนพวกนั้นเยอะ
“อืม ช่างเถอะ ยังไงก็ต้องแยกกันอยู่แล้ว ปล่อยให้พวกเขาเดินไปตามทางที่ตัวเองตัดสินใจเถอะ”
ระหว่างกล่าว ฉินเฟิงก็นำคนเหล่านี้ กลับไปยังแนวป้องกันชั่วคราวที่พวกวังเฉินเพิ่งสร้างขึ้น
ช่วงเวลานี้ แมลงสัตว์ร้ายไม่ได้ออกมาจากรอยแยกมิติอีกต่อไปแล้ว ทว่าเมืองหานเองก็ล่มสลายลงโดยสิ้นเชิง ตกอยู่ในเงื้อมมือศัตรูโดยสมบูรณ์แล้วเช่นกัน น่ากลัวว่าคนที่สามารถหลบหนีไปได้ คงมีไม่ถึง 1/10
ขณะเดียวกัน ด้านนอกของเมือง กองทัพหลิงหานที่นำโดยนายพลผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล F7 เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับกองทัพแมลงสัตว์ร้ายที่แกร่งยิ่งกว่าฝ่ายตนเป็นหลายร้อยเท่า ก็ไม่มีสิ่งใดที่นายพลจะสามารถทำได้ มากที่สุดคือส่งทีมช่วยเหลือเข้าไป และจำต้องรออย่างน้อยหนึ่งวัน ถึงจะสามารถพาพลเมืองบางส่วนหลบหนีออกมาได้
ด้วยเหตุนี้เอง ภายใต้บรรยากาศแห่งความสิ้นหวัง กลางคืนอันเงียบสงบค่อยๆคลืนคลานเข้ามาอย่างช้าๆ
…
ณ ช่วงเวลา ตี 1
ภายในเมืองเงียบสงบ
แต่ถึงอย่างนั้น ในบางครั้ง ก็ยังมีเสียงร้องของแมลงสัตว์ร้ายที่ชวนให้ผู้คนหวาดกลัวดังขึ้นเป็นระยะๆ
เมื่อไร้ซึ่งคนควบคุมดูแล ระบบไฟฟ้าทั้งเมืองก็ดับวูบลง
ทุกสิ่งจมดิ่งลงสู่ความมืดมิด
ภายในห้องหลอม หลิวเซินซานที่เหงื่อแตกพลั่กไปทั้งร่าง กำลังเผยถึงสีหน้าตื่นเต้น
“สำเร็จแล้ว!”
เบื้องหน้าเขา คืออาวุธบางอย่างที่กำลังสาดแสงสีขาวทองแผ่ออกมา!!