โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 124
Ch.124 – พรมโลกันต์
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.124 – พรมโลกันต์
ณ กลางดึกที่ไร้ซึ่งวี่แววของผู้คน กองทัพแมลงรอบๆห้างค่อยๆเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้ภายในห้างจะถูกโรยไว้ด้วยผงขับไล่สัตว์ร้าย แต่เนื่องจากกลิ่นอายของมนุษย์มีมากเกินไป บ่งบอกถึงกองภูเขาอาหารขนาดใหญ่ และพวกแมลงก็ต้องการอาหารจำนวนมากไปเติมเต็มกระเพาะ ไม่ก็เพื่อนำเตรียมไว้เป็นวัตถุดิบเพื่อลูกหลานของตัวเอง
อันที่จริงจะเพราะเหตุผลอะไรก็ช่างมันเถอะ แต่ถ้ายังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่าไม่ทันถึงรุ่งเช้า พวกแมลงคงพังแนวป้องกันเข้ามา สังหารพวกเขาจนตายกันหมด
หลิวซูและคนอื่นๆคอยสังเกตสถานการณ์ภายนอกอย่างระมัดระวัง ทั้งหมดมองออกไปทางหน้าต่างบานเล็ก
“เอายังไงดี พวกเราชิงโจมตีก่อนที่มันจะบุกเข้ามาดีไหม?” เหอหลิงค่อนข้างประหม่าเล็กน้อย
แต่ฝูงชนโดยรอบไม่มีใครตอบเขา เพราะทั้งหมดก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรทำอย่างไร
กระทั่งหลิวซูก็ยังไม่กล้าออกความคิดเห็นในตอนนี้ เพราะหากผิดพลั้งเพียงครั้ง ราคาที่ต้องจ่ายอาจเป็นชีวิต
“ทำไมลูกพี่ถึงยังไม่กลับมาซักที … ” วังเฉินก้มลงมองอุปกรณ์สื่อสารในมือของเขา
เฝ้ามองเวลาอย่างใจจดใจจ่อ
แน่นอน ว่าวังเฉินมีเบอร์ติดต่อกับฉินเฟิง แต่ปัจจุบันมันยังไม่ถึงช่วงเวลาวิกฤตที่สุดจริงๆ ถ้าผลีผลามบอกฉินเฟิงไป แล้วสุดท้ายทุกอย่างพัง นั่นอาจแสดงให้เห็นว่าวังเฉินไม่ได้เรื่อง ไม่เหมาะที่จะทำงานให้แก่เขา
ดังนั้นวังเฉินเลยอดทน
ทำได้เพียงแค่เฝ้ารอให้เวลาผ่านไป และอธิษฐานว่าฉินเฟิงจะกลับมาให้เร็วขึ้นสักเล็กน้อย
ตอนนี้ไม่ใช่แค่เขา แต่คนอื่นๆดูเหมือนว่าจะมีความคิดเช่นเดียวกัน
“เมื่อไหร่มิสเตอร์ฉินจะกลับมานะ?”
ภายในเวลาวันเดียว ฉินเฟิงได้กลายเป็นเสาหลักของคนเหล่านี้ไปเรียบร้อยแล้ว
หากไม่มีฉินเฟิง ทั้งหมดคงไม่ได้มาอยู่พร้อมหน้ากันที่นี่ และไม่มีความมั่นใจว่าจะสามารถหลบหนีออกไปได้สำเร็จ
“นายพลสัตว์ร้าย! มีนายพลสัตว์ร้ายเข้ามาเพิ่มอีกแล้ว!”
เสียงหม่นทะมึนของวังเฉินดังขึ้น ในน้ำเสียงบ่งบอกชัดถึงความหวาดกลัว
ท่ามกลางความมืดมิด ตั๊กแตนใบมีดระดับนายพลปรากฏตัวขึ้น
ซึ่งก่อนหน้านี้ มันเคยโผล่มาแล้วครั้งหนึ่งในโถงโรงแรม –ตั๊กแตนนายพลว่องไวเป็นอย่างมาก พริบตาเดียวก็ใช้เคียวคมกริบของมันเก็บเกี่ยวสหายของเขาไป 3 ชีวิต
สรุปง่ายๆว่านี่คือการดำรงอยู่ที่พวกเขาไม่สามารถรับมือได้
นายพลสัตว์ร้ายมีความต้านทานที่พวกแมลงระดับต่ำไม่มี มันไม่หวาดกลัวต่อผงขับไล่สัตว์ร้าย หากมันคิดว่าตนเองพร้อม ก็สามารถบุกเข้ามาอาละวาดในห้าง และทำการล่าสังหารได้ในทันที!
ซึ่งรอบๆห้างในปัจจุบัน มีนายพลสัตว์ร้ายกระจายอยู่กว่า 5 ตัวแล้ว มันจะบุกเข้ามาเมื่อไหร่ ก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
ทั้งหมดไม่อาจจินตนาการได้เลย ว่าถ้าที่นี่ถูกบุก มันจะมีสภาพเป็นอย่างไร!
แต่ในตอนนั้นเอง บนท้องถนนพลันเกิดเปลวไฟพวยพุ่งอย่างกระทันหัน
แสงสว่างสีแดงเข้มสาดส่องขึ้นท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิด แม้เปลวเพลิงนี้จะไม่ทะยานสูงขึ้นสู่ฟากฟ้าแบบในวันก่อน แต่มันก็โถมทับไปทั่วถนน กลืนกินกองทัพแมลงในพริบตาเดียว
เปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้นรอบตัวตึก ทว่ากลับไร้ซึ่งร่องรอยของหมอกควัน และมันไม่ได้แผ่อุณหภมูิร้อนระอุแก่พื้นที่โดยรอบ ทุกอย่างเกิดขึ้นแค่ในกองเพลิงเท่านั้น
สภาพการณ์ส่วนใหญ่กลับคืนสู่ความสงบ หลงเหลือเพียงเสียงกรีดร้องน่าสังเวชของแมลงสัตว์ร้ายที่ยังคงอยู่
ฉินเฟิงปรากฏกายขึ้นท่ามกลา่งเปลวเพลิง –พวกมันถูกปลดปล่อยออกมาโดยเขา ดังนั้นเป็นธรรมดาที่จะไม่ทำร้ายเจ้าของ
อย่างไรก็ตาม พรมโลกันต์ไม่ใช่พลังสุดยอดที่สามารถครอบได้ทั้งจักรวาล อย่างน้อยพวกทหารสัตว์ร้ายและนายพลสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่ง ก็ยังไม่ถึงกับตกตายภายใต้เพลิงโลกันต์นี้!
“จี๊ จี๊ –”
พรมโลกันต์กระจายออกเป็นวงกว้างจนลดทอนอานุภาพลง เลยมีผลแค่ทำให้แมลงพวกนี้ระคายผิวจนรู้สึกรำคาญเท่านั้น!
“มากันได้จังหวะจริงๆ ดีเลย ฉันจะได้ไม่ต้องไปหาพวกแกด้วยตัวเอง!”
ฉินเฟิงเฝ้ามองตั๊กแตนใบมีดที่กระพือปีกบินเข้ามาหาเขา ปีกของมันบางเบาราวกับปีกจั๊กจั่น ทว่ากลับช่วยขับดันให้มันทะยานมาข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว เคียวบนแขนของมันกวัดแกว่งอย่างชำนิชำนาญ
“มอบชีวิตให้ฉัน!”
แต่ไม่ว่าจะชำนาญขนาดไหน หากคิดต่อต้านฉินเฟิง ชะตากรรมเดียวก็คือความตาย
ใบมีดเพลิงพลันปะทุออก ทั้งฉินเฟิงและตั๊กแตนนายพลโฉบผ่านกันละกัน
ฉินเฟิงทะยานไปกว่าสิบเมตรจึงหยุดฝีเท้าลง สะบัดดับใบมีดเพลิงกลับคืน
ส่วนเคียวแหลมของตั๊กแตนใบมีดร่วงตกลงกับพื้นเสียงดังโครม ก่อนที่ทั้งตัวทั้งร่างของมันจะลุกไหม้ไปด้วยเพลิงโลกันต์
ตั๊กแตนใบมีดระดับนายพลสัตว์ร้าย — ตายลงแล้ว!
หากเพียงเฝ้ามองดูอยู่เฉยๆ จะเห็นว่าฉินเฟิงสังหารตั๊กแตนนายพลลงในเวลาแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น
และเขายังไม่หยุดพัก สาวเท้าก้าวไปข้างหน้า โดยไม่เหลียวหลังกลับมามองศพตั๊กแตน
ม้าศึกกลืนหายไปกับความมืดมิดอีกครั้ง ฉินเฟิงเปลี่ยนตำแหน่ง ไปยังถนนรอบตึกอีกฝั่งหนึ่ง
เปลวเพลิงปะทุแผดเผาอีกครั้ง รอบทิศทางถูกกวาดล้างจนสิ้น ฉินเฟิงสังหารนายพลสัตว์ร้ายลงอีก 4 ตัวได้อย่างง่ายดาย!
และผลประโยชน์ที่เก็บเกี่ยวมาได้จากพวกมันก็ทำให้ฉินเฟิงรู้สึกพึงพอใจยิ่ง
ก้าวขึ้นสู่เลเวล F6 !
การทุ่มเทต่อสู้มาตลอดทั้งวัน –ไม่เสียเปล่าแล้ว!
แน่นอน ว่าเมื่อฉินเฟิงแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ปริมาณพลังงานที่ต้องดูดกลืนจากการสังหารสัตว์ร้ายเองก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
ก่อนจะเกิดใหม่ ฉินเฟิงใช้ข้อได้เปรียบนี้ผสานกับการต่อสู้ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากเขามีพลังพิเศษดูดกลืน ส่งผลให้ไม่ว่าเขาจะบาดเจ็บสาหัสอีกสักกี่ครั้ง มันก็สามารถรักษาได้โดยการสังหาร ดังนั้นเขาจึงไม่หวาดเกรงต่อความตาย
ด้วยเหตุนี้เอง หลายคนจึงตั้งฉายาให้แก่เขา ว่า ‘ฉินจอมคลั่ง’ และฉายานี้ก็ติดตัวอยู่กับเขามาเป็นเวลานาน
ในปัจจุบัน เขาเพียงนำสไตล์การต่อสู้ในชีวิตก่อนหน้าของตนกลับมาใช้ ผสานไปกับการที่ปัจจุบันตัวเองได้ครอบครองอบิลิตี้มืด ฉินเฟิงจึงสามารถเหินเดินไปไหนก็ได้ในความมืดมิดอย่างอิสระ และมีโอกาสน้อยมากๆที่จะได้รับบาดเจ็บ
หลังจากเก็บกวาดรอบทิศ พวกกองทัพแมลงก็หวาดกลัวจนพากันล่าถอยไป ฉินเฟิงกลับมาที่ซุปเปอร์มาเก็ตอีกครั้ง
หลังจากจบปัญหาทั้งหมด เวลาในตอนนี้ก็ปาเข้าไปตี 2 แล้ว
“ลูกพี่ ในที่สุดคุณก็กลับมา!”
“มิสเตอร์ฉิน คุณจัดการนายพลสัตว์ร้ายเหมือนพวกมันเป็นแค่เศษกระดาษเลย!”
“เศษกระด่งกระดาษอะไรกัน เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะลูกพี่ฉินแข็งแกร่งจนพวกมันเทียบไม่ติดต่างหาก!”
ทั้งหมดต่างระเบิดเสียงสนทนาดังก้อง เนื่องจากนายพลสัตว์ร้ายได้จากไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาเลยผ่อนคลายลง กล้าพูดเสียงดัง
แต่แน่นอน ว่าทั้งหมดนี้ส่วนใหญ่แล้วเกิดจากความตื่นเต้นมากกว่า!
ฉินเฟิงคนนี้ จะต้องเป็นอีกหนึ่งตำนานที่ถือกำเนิดขึ้นอย่างแน่นอน!
ฉะนั้น การที่ได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขา ในอีกหลายปีต่อจากนี้ ต่อให้เดินทางสู่เมืองหลวง มันก็สามารถนำไปใช้ยกขึ้นมาโอ้อวดตัวเองได้!
เวลานี้พวกเขารู้สึกเหมือนกำลังเล่นเกม เกมที่มีเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่คอยนำทาง และสามารถฝ่าทุกด่านอันโหดร้ายไปได้โดยสวัสดิภาพ เลยเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะตื่นเต้น
“เอาล่ะๆ ทุกคนกลับไปพักผ่อนกันเถอะ พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางแต่เช้า … ”
ฉินเฟิงขัดจังหวะความตื่นเต้นของคนเหล่านั้น เพราะท้ายที่สุดแล้ว หลังจากที่ต่อสู้มาตลอดทั้งวัน ร่างกายของฉินเฟิงก็มิใช่เหล็กไหล เขายังคงเป็นผู้ใช้พลังคนหนึ่งเหมือนกัน
ที่พักของฉินเฟิง แน่นอนว่าถูกจัดให้อยู่ในสถานที่หรูหราที่สุด ภายในห้างมีอยู่หลายร้านที่วางจำหน่ายชุดเครื่องนอน ดังนั้นจึงมีเตียงไว้พร้อมบริการ ฉินเฟิงได้รับที่พักผ่อนเป็นเตียงเป็นแบรนด์ดัง
และเขาก็ไม่ปฏิเสธ พาไป๋หลีไปนอนพักที่นั่น
“ผ้าผืนนี้นุ่มสบายไม่เลวเลย ถ้ากลับไปฉันจะซื้อมัน! รู้ไหมที่รัก ผ้าปูเก่าที่บ้านน่ะมันน่าเกลียดมาก ไม่น่านอนเอาซะเลย!”
ฉินเฟิงถึงกับพูดไม่ออก อันที่จริงมันไม่ใช่เพราะเขาเลือกใช้ของไม่ดี แต่ในฐานะผู้ชาย มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเลือกผ้าปูที่นอนลายลูกไม้สีชมพูแบบนี้!
“เข้าใจแล้วๆ ถ้าเธอต้องการจะซื้อมัน ก็จัดไปเลยเต็มที่ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว!”
“ไม่เห็นจำเป็นต้องใช้เงินเลย ก็ในเมื่อเมืองนี้ล่มสลายลงแล้ว ฉันก็แค่ฉกเอาจากที่นี่ไปก็จบ ไม่เห็นจำเป็นต้องถ่อไปถึงห้างในชุมชนเฉิงเป่ยเพื่อซื้อมันเลย”
ฉินเฟิงรับฟังเสี่ยวไป๋กล่าวบางสิ่งบางอย่างออกมาตามสามัญสำนึก เขาค้นพบว่าไป๋หลีฉลาดขึ้นมาก มันสามารถคิดคาดการณ์ล่วงหน้า ในกรณีนี้คงสามารถช่วยผ่อนภาระให้ฉินเฟิงได้อีกหลายอย่าง
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อฉินเฟิงตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขากลับรู้สึกว่าไม่มีร่างกายอ่อนนุ่มนอนอยู่เคียงข้าง เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว และเริ่มฟุ้งซ่าน
โดยปกติแล้ว ไป๋หลีมักจะขี้เกียจ หากเป็นไปได้เธอก็จะนอนอยู่บนเตียงตลอดเวลาไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมตอนนี้ถึงหายไป?
ฉินเฟิงกวาดพลังสมาธิออกไป จนในที่สุดก็พบตำแหน่งของไป๋หลี ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอไปอยู่ชั้นบนฝั่งตรงข้าม
‘เธอไปทำอะไรที่ชั้นบนหรอ?’ ฉินเฟิงส่งความคิดสื่อสารกับอีกฝ่าย
“ที่รัก คุณตื่นแล้ว!” น้ำเสียงร่าเริงของไป๋หลีดังสวนกลับมา ไม่เพียงแค่นั้น เธอยังเผยโฉมตัวเองผ่านวิดีโอของอุปกรณ์สื่อสารอีกด้วย
ภายในวิดีโอของฉินเฟิง ปรากฏให้เห็นถึงคู่สนทนาที่กำลังสวมชุดชั้นในเซ็กซี่อย่างกระทันหัน
พรวดดดด!
ฉินเฟิงรู้สึกว่าดาเมจนี้รุนแรงเกินไปในยามเช้า เลือดกำเดาของเขาแทบพุ่ง!