โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 14
Ch.14 – ดูดกลืนรูน
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.14 – ดูดกลืนรูน
ส่วนเหตุที่เฉินหมิงกลับมายังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในครั้งนี้
เป็นเพราะแม้เขาจะริษยาฉินเฟิง และเกลียดชังลึกเข้าไปถึงหัวใจ แต่เจ้าตัวก็ยังนับถือผู้อำนวยการ
อย่างไรก็ตาม แม้จะนับถือคนๆเดียวกัน แต่ในชีวิตนี้ ฉินเฟิงก็ได้กำหนดเป้าหมายเอาไว้แล้ว ว่าจะเป็นศัตรูกับเขา
ไม่ว่าจะเป็นการถูกรังแก หรือกดขี่ข่มเหงจากองค์กรร้ายในชีวิตก่อนหน้า เขาจะไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้นกับชีวิตนี้อีก!
หลังจากผ่านพิธีการ ฉินเฟิงก็เก็บกระเป๋าเดินทางออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ทว่าเขาช่างน่าสงสารจริงๆ เนื่องจากภายในกระเป๋ามีเสื้อเพียงสามตัวเท่านั้น
คราวนี้ … เขาไม่มีที่ไปจริงๆแล้วสินะ
ยังไงก็ตาม ตราบใดที่เขามีเงิน เจ้าตัวก็ไม่หวาดเกรงใดๆ ฉินเฟิงเริ่มคิดถึงโรงแรมห้าดาวในชุมชนทางตอนเหนือ ที่พรั่งพร้อมไปด้วยระบบรักษาความปลอดภัย มีสิ่งแวดล้อมที่ดี สุดท้ายก็ตัดสินใจไป
หากต้องการพักที่นี่ จำเป็นต้องจ่าย 200 เหรียญต่อวัน ทว่าสิ่งอำนวยความสะดวกมันก็คุ้มค่ากับเงินที่จ่าย
หากเทียบเปรียบกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ที่นี่ราวกับสวรรค์เลยทีเดียว ไหนจะมีเตียงขนาดใหญ่ , ห้องอาบน้ำส่วนตัว , ห้องครัว , ตู้เย็น ,อุปกรณ์ฝึกฝน , เครื่องมือทดสอบขนาดเล็ก ฯลฯ
นี่เป็นห้องที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้สำหรับคนที่ผู้ที่มีพลังพิเศษ และตอนนี้พลังของเขาเพิ่งจะตื่นขึ้นมา ดังนั้นมันจึงสำคัญมาก
กล่าวได้ว่าหากเลือกจ่ายเงินเพื่อเข้าศูนย์ฝึกของมืออาชีพ ที่มีอุปกรณ์พรั่งพร้อม ราคาของมันก็ไม่ได้น้อยไปกว่ากันเลย
“เอาล่ะ ออกไปสำรวจรอบๆซะ แล้วถ้าอยากถ่ายหนักเบา ก็อย่าลืมไปห้องน้ำ ฉันรู้นะว่าแกเข้าใจ ” ฉินเฟิงวางเสี่ยวไป๋ลงบนพื้น และปล่อยให้เจ้าตัวน้อยเดินเล่นด้วยตัวเอง
เมื่อได้พบเจอกับสถานที่กว้างขวางและสิ่งแปลกใหม่ เสี่ยวไป๋ก็เริ่มตื่นตัว และกระโดดไปมารอบๆ
ฉินเฟิงดึงอุปกรณ์สื่อสารออกมา คิดอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายกดหมายเลขโทรหาโจวฮ่าว
“ฉินเฟิง การฝึกฝนเมื่อวานของนายเป็นยังไงบ้าง? ฉันได้ใช้ยาเสริมแกร่งแล้วนะ รู้สึกว่าตอนนี้ฉันจะสามารถโจมตีได้ด้วยความแรงตั้ง 80 แน่ะ!”
ได้ยินคำกล่าวนี้ ฉินเฟิงตอนแรกประหลาดใจ แต่พอนึกดูดีๆก็คิดว่ามันสมเหตุสมผล
“ฟังดูเยี่ยมไปเลย แต่อย่าลืมล่ะ ว่าต้องฝึกฝนการทำสมาธิด้วย!”
“ฉันรู้หรอกน่า แต่การฝึกสมาธิมันน่าเบื่อเกินไปนี่นา!” ตามนิสัยของโจวฮ่าว เขาเป็นพวกนั่งนิ่งๆไม่ได้
“หากเทียบกับผู้ใช้วรยุทธโบราณ ผู้ใช้อบิลิตี้ยังไงซะย่อมแข็งแกร่งกว่าเสมอ จดจำไว้ให้ดี ว่าถ้านายสามารถปลุกพลังพิเศษขึ้นมาได้แล้ว อย่าได้ไปพูดให้ใครฟัง เพราะฉันได้ยินมาจากรองหัวหน้าซู ว่าในสถานที่ชุมชน มีองค์กร์มืดแฝงตัวอยู่ และไม่นานมานี้มันกำลังเริ่มทำการลักพาตัวคนที่เพิ่งจะปลุกพลังให้ตื่นขึ้น!”
ประโยคเหล่านี้ คือคำโกหกที่ฉินเฟิงคิดขึ้นมา
“ว่าไงนะ!?” โจวฮ่าวเริ่มจะกลัวจริงๆ “สถานที่ชุมชนเพิ่งจะประสบเคราะห์ร้ายเมื่อเร็วๆนี้เอง เอ๊ะ? อย่าบอกนะว่านายกำลังคิดว่าที่อุปกรณ์มิติเกิดความเสียหาย ก็เป็นฝีมือของพวกองค์กรร้ายเหมือนกัน?”
ฉินเฟิง “ … อาจจะนะ”
“ถ้างั้นนายไม่ต้องไปโรงเรียนแล้ว มาอยู่ที่บ้านฉันเหอะ ฉันจะพานายไปที่แผนกฝึกฝนเอง!”
พ่อของโจวฮ่าวทำงานในแผนกฝึกฝน โจวฮ่าวเลยพลอยได้อานิสงส์ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ก็สามารถออกกำลังกับเครื่องจักรต่างๆได้ ไหนจะได้รับคำแนะนำจากคนที่แข็งแกร่งจำนวนมากอีก
“ไม่เป็นไรหรอก อุปกรณ์ฝึกในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก็เพียงพออยู่แล้ว นายดูแลตัวเองให้ดีเถอะ เอาไว้อีกหนึ่งเดือนพวกเราค่อยเจอกัน!”
“เอางั้นก็ได้!” โจวฮ่าวไม่บังคับฉินเฟิง เขารู้ดีว่าฉินเฟิงมีความภาคภูมิในตนเอง ไหนจะยังมีหลายเรื่องที่อีกฝ่ายแบกรับเอาไว้อีก
ทั้งสองวางสายสนทนา ฉินเฟิงพอได้เตือนเพื่อนก็รู้สึกโล่งใจ
ดวงตาของเขาตกลงบนเครื่องทดสอบในโรงแรม และวินาทีต่อมา ร่างกายของเขาก็เริ่มวูบไหว
สองเท้าหยั่งรากกับพื้น เอวบิดเป็นเกลียว หนึ่งแขนถูกเหวี่ยงออกไป กระแทกกำปั้นเข้าใส่เครื่องทดสอบอย่างแรง
“ตูม!”
เครื่องทดสอบมีความยืดหยุนเป็นพิเศษ มันถูกปะทะจนหงายไปด้านหลัง พร้อมกันกับตัวเลขที่เด้งขึ้นมา
【ข้อมูลการทดสอบโจมตีในครั้งนี้คือ : 1213】
“ฟู่วววว!”
กล้ามเนื้อที่เกร็งแน่นของฉินเฟิง เริ่มคลายตัวลง
ตัวเลขนี้ บ่งบอกว่าร่างกายของฉินเฟิงในปัจจุบัน แข็งแกร่งยิ่งกว่าโจวฮ่าวถึง 15 เท่า!
ยังไงก็ตาม พรสวรรค์ของโจวฮ่าวก็ยังคงดีมาก
ตามข้อมูลระบบมาตรฐานของรัฐบาล ในการวัดระดับความแข็งแกร่ง ระบุว่าเด็กอายุสิบหกที่ยังไม่ถูกฉีดยากระตุ้น จะมีพลังการโจมตีราวๆ 10 เท่านั้น
นอกจากนี้ แม้จะมีช่องว่างอยู่นิดหน่อยระหว่างชายหญิง แต่หากสามารถผ่านการออกกำลังกายอย่างหนักและต่อเนื่อง ก็ย่อมเป็นธรรมดาที่ช่องว่างเหล่านั้นจะหายไป
ก่อนหน้านี้ในโรงเรียนมัธยม ฉินเฟิง , โจวฮ่าว และเฉินหมิง คือผู้ที่มีพรสวรรค์มากที่สุด ในบรรดาพวกเขา สามารถโจมตีได้ในระดับไล่เลี่ยกันอยู่ที่ 20
ซึ่งหมายความว่า ในโรงเรียนมัธยม หากเทียบกับคนอื่นๆแล้ว ประสิทธิภาพในการต่อสู้ของทั้งสามจะเหนือกว่าคนอื่นๆถึงสองเท่า
ตัวเลขนี้ มิเพียงบ่งบอกว่าฉินเฟิงมีพลังมากกว่าคนปกติถึงสองเท่า แต่ยังบอกว่า เขาสามารถรับมือกับคนระดับทั่วไปได้ถึงสิบคนด้วยตัวคนเดียว
อย่างไรก็ตาม หลังจากฉีดยากระตุ้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพศชายหรือหญิง ค่าเฉลี่ยก็จะอยู่ที่ประมาณ 50 เป็นอย่างน้อย
ภายในหนึ่งเดือน ตราบใดที่มีค่าโจมตีถึง 100 ก็จะสามารถได้รับคุณสมบัติเป็นมือปืนได้
สำหรับผู้ใช้วรยุทธโบราณ มันยังต้องใช้เครื่องมือพิเศษเพื่อตรวจวัดลมปราณ และต้องทดสอบฝึกฝนกำลังภายในด้วยเทคนิคของชี่กง จากนั้น ต้องผ่านการมาตรวัดด้วยเครื่องมืออย่างละเอียด จึงจะสามารถระบุได้ว่าเป็นผู้ใช้วรยุทธจริงหรือไม่
แต่ผู้ใช้อบิลิตี้ จะแตกต่างจากทั้งสองกลุ่มที่กล่าวมานี้อย่างสิ้นเชิง
เพราะตราบใดที่แก่นอบิลิตี้ของพวกเขาตื่นขึ้น แม้ว่าระบบจะคำนวณว่าเขาเป็นขยะที่โจมตีได้เพียง 10 แต่ก็ยังคงได้รับฐานะผู้ใช้อบิลิตี้อยู่ดี
“อันดับแรก คงต้องพยายามฝึกสมาธิก่อน!” สำหรับกำลังภายในนั้น ฉินเฟิงรู้ว่าเขามีมันอยู่แล้ว เอาไว้ทดสอบมันเมื่อไหร่ก็ได้
อย่างแต่ก็ตาม ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา
ฉินเฟิงใช้อุปกรณ์สื่อสาร ทำการเชื่อมต่อกับเครือข่ายพันธมิตรที่เป็นเครือข่ายสำหรับนักสู้ เขายืนยันตัวตน และแน่นอน ว่าที่ดาวโหลดมาย่อมเป็นข้อมูลวิธีการฝึกสมาธิ รวมไปถึงการฝึกลมปราณชี่กงระดับต้น เพราะถึงแม้ว่าในชีวิตก่อนหน้า ช่วงที่เลเวลผู้ใช้วรยุทธของเขาไปไกลถึง B3 แต่กำลังภายในของเขากลับหยุดอยู่แค่ เลเวล C เท่านั้น
ฉินเฟิงนั่งขวาทับซ้ายเริ่มทำสมาธิอย่างเงียบๆในจิตใจอีกครั้ง เฝ้ารอจนกระทั่งความมืดมิดโอบล้อมเข้ารอบตัว ดาวเคราะห์เพชรเริ่มปรากฏขึ้นในใจของเขา
นี่คือแก่นอบิลิตี้!
ฉินเฟิงใช้พลังสมาธิควบคุมแก่นอบิลิตี้ แก่นอบิลิตี้ค่อยๆเริ่มหมุนวน โคจรอย่างช้าๆ
สำหรับคนที่ยังไม่สามารถปลุกพลังพิเศษให้ตื่นขึ้น พวกเขาจะรู้สึว่าการทำสมาธิเป็นเพียงเรื่องไร้สาระ และนั่นเองคือเหตุผลที่โจวฮ่าวไม่ยินยอมฝึกสมาธิ เพราะเขายังไม่สามารถปลุกพลังพิเศษขึ้นมาได้ เลยมิอาจตระหนักถึงความยอดเยี่ยมของมัน
ด้วยการโคจรของแก่นอบิลิตี้ จุดสีเทาแปลกๆก็เริ่มปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าอันมืดมิด
แม้จะกล่าวว่าเหล่านี้เป็นจุดเทาๆ แต่ในความเป็นจริง มันคือสัญลักษณ์อันคลุมเครือ
-เป็นรูนธาตุ
แก่นอบิลิตี้มีความสามารถในการดึงดูดรูนธาตุเข้าไปในดาวเคราะห์ ยิ่งได้รับรูนมากเท่าใด อำนาจของผู้ใช้อบิลิตี้ก็จะมากขึ้นเท่านั้น
ทว่าพลังสมาธิของฉินเฟิงยังคงอ่อนแอ ผ่านไปได้เพียงสิบนาที เขากลับดึงดูดรูนธาตุสีเทามาได้เพียงสิบตัวเท่านั้น แบบนี้มันแทบจะเรียกได้เลยว่าไม่มีประโยชน์ใดๆ
“ฟู่ววว!”
คราวนี้ดูเหมือนว่าจะเหนื่อยยิ่งกว่าเมื่อคืน ฉินเฟิงทิ้งตัวลงนอนอย่างวางใจ เพราะปัจจุบัน เขาอยู่ในโรงแรม อย่างน้อยก็หมดกังวลเรื่องความปลอดภัย
ข้างกายเขา เสี่ยวไป๋ที่เล่นอยู่เพียงลำพัง เมื่อเห็นฉินเฟิงทิ้งตัวนอนลงบนเตียงใหญ่ มันก็อดไม่ได้ที่จะกระโดดตามขึ้นไป
เจ้าสัตว์ตัวน้อยเพิ่งลืมตาดูโลกได้เพียงหนึ่งวัน แต่กลับมีการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วว่องไว เขาสามารถจินตนาการได้เลยว่า ในอนาคตมันจะเติบโตขึ้นได้ขนาดไหน
ฉินเฟิงนอนหลับไปเพียงสองชั่วโมง เขาก็ตื่นขึ้นมา และเริ่มทำสมาธิต่อ ในระหว่างนั้นก็มีหยุดพักกินอาหารบ้าง
เกี่ยวกับอบิลิตี้ของเขา ฉินเฟิงยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังสงสัย
แต่ทั้งหมดทั้งมวล มันเกิดจากการที่ตนอยากจะแก้แค้นนั่นเอง เขาถึงได้ทุ่มเทมากมายถึงเพียงนี้