โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 166
Ch.166 – รับรองเลเวล F
Provider : Muntra
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.166 – รับรองเลเวล F
ระหว่างนั้นเอง ไป๋หลีก็ส่งวิดีโอของตัวเองให้กับพนักงานดูแล
【ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด! การตรวจสอบเสร็จสิ้น แต้มสงครามปัจจุบันของคุณคือ : 3288!】
โจวฮ่าวหันขวับ! มองไปทางไป๋หลีอย่างไม่คาดฝัน
‘อ่าว .. ไหงวันนี้ไป๋หลีก็เอากับเขาด้วยล่ะ?’
เจ้าหน้าที่โถงเก็บสถิติแต้มสงครามกวาดตามองไป๋หลีขึ้นๆลงๆ ก่อนจะเริ่มตรวจสอบวิดีโออีกครั้ง และพบว่ามันไม่ได้ปลอมแปลงใดๆ —
–เด็กสาวคนนี้เป็นผู้ใช้พลังจริงๆ แต่ทว่า …
“คุณผู้หญิง เนื่องจากคุณยังไม่ได้ผ่านการรับรองผู้ใช้พลัง ดังนั้นทางเราไม่สามารถแจกเงินอุดหนุนในการเข้าร่วมได้ ฉันหวังว่าคุณจะเข้าใจ”
ไป๋หลีแน่นอนว่าไม่เข้าใจอะไรที่ดูยุ่งยากแบบนี้ แต่เธอก็ยังผงกหัว
ฉินเฟิงเอ่ยปาก “ไม่ๆ ก่อนจะเข้าร่วมกับภารกิจของเมืองเฉิงเป่ย พวกเราผ่านการรับรองผู้ใช้พลังอย่างถูกต้องเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่การทดสอบขั้นสุดท้าย ”
เนื่องจากมีผู้คนจำนวนมากมาที่นี่เพื่อทำภารกิจรับตราสัญลักษณ์ผู้ใช้พลัง ดังนั้นคำกล่าวของฉินเฟิงจึงสามารถตรวจสอบผ่านโถงสถิติได้โดยตรง และมอบโลโก้ให้คนที่ผ่านการทดสอบได้ในทันที
แต่ประเด็นสำคัญก็คือ เงินอุดหนุนสำหรับผู้ใช้พลังนี่แหละ!
ผู้ใช้พลังเลเวล F ที่มีส่วนร่วมในการกู้คืนเมืองหาน ตราบใดที่สามารถได้รับ 1,000 แต้มคะแนนต่อวัน คุณจะได้รับเงินอุดหนุนเป็นจำนวน 100,000 เหรียญ และเปอร์เซ็นส่วนลดสำหรับใช้แลกเปลี่ยนแต้มสงคราม
ซึ่งแต้มยิ่งมาก คุณก็จะสามารถใช้แลกเปอร์เซ็นส่วนลดได้มาก
“เข้าใจแล้ว โปรดรอสักครู่”
พนักงานทำการตรวจสอบอีกครั้ง เมื่อปรากฏว่าทั้งสองผ่านการทดสอบอื่นๆครบแล้วจริงๆ เขาก็ฉีกยิ้มออกมา และมอบโลโก้เลเวล F ให้แก่ทั้งสอง
“ขอแสดงความยินดีกับการยกระดับขึ้นเป็นผู้ใช้พลังเลเวล F นี่คือตราสัญลักษณ์ของคุณ ข้อมูลถูกเปลี่ยนแปลงแล้ว หวังว่าคุณจะเพลิดเพลินกับสิทธิและผลประโยชน์ที่มากขึ้น”
ฉินเฟิงรับสองตรามา หยิบออกไปอันหนึ่งให้ไป๋หลี อีกอันกำลังจะแนบลงบนหน้าอกเขา
“แบบว่ามันดูน่าเกลียดจัง ไม่เข้ากับชุดของฉันเลย!” ไป๋หลีดูไม่ค่อยชอบมันสักเท่าไหร่
“พกมันไว้เถอะ มันมีประโยชน์มากนะ”
“ประโยชน์? ใช้ทำอะไรได้บ้าง?” ไป๋หลีเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ก็อย่างเช่น … มันสามารถช่วยให้ใครบางคนไม่กล้าเข้ามายุ่งกับเธอ!” ฉินเฟิงกล่าว
ไป๋หลีพยักหน้า หยิบตราในมือของฉินเฟิงแล้วใส่มันให้แก่เขา
“งั้นที่รักก็ต้องใส่ด้วย จะได้ไม่มีใครกล้ามายุ่งกับคุณ!”
ฉินเฟิงยิ้ม
โจวฮ่าวถึงกับต้องยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดตาของเขา ตนรู้สึกราวกับได้รับดาเมจนับ 10,000!
ฉากรักหวานซึ้งนี่มันอะไรกัน? ช่างบีบคั้นและทำร้ายหมาป่าเดียวดายที่ยังโสดสนิทอย่างเขาซะจริง!
ฉินเฟิงพาไป๋หลีออกจากโถงสถิติ เมื่อสองโลโก้ผู้ใช้พลังเลเวล F เผยโฉมออกมา หลายคนที่ไม่รู้จักฉินเฟิงและเอาแต่คอยลอบมองดูไป๋หลีก็หน้าซีดขาว พากันแยกย้ายจากไป
ในตอนนั้นเอง เสียงของคนกลุ่มหนึ่งที่อยู่ข้างๆกับโถงสถิติก็ตะโกนดังขึ้น เจ้าของเสียงเหล่านั้นเป็นพ่อค้ารับซื้อวัตถุดิบ
“รับซื้อเนื้อมังกรดิน 1 จิน ต่อราคา 20 เหรียญ!”
“รับซื้อถุงเลือดของด้วงกระหายเลือดชิ้นละ 15,000 เหรียญ!”
“รับซื้อกระดองของหอยทากเหล็กดำ 30,000 เหรียญ!”
ราคาที่พวกเขาตะโกนความจริงต่ำกว่าราคาขายตามปกติ สำหรับในส่วนของสัตว์ร้ายเลเวล G มันถูกกว่าถึงครึ่งหนึ่ง เคยมีคนรับซื้ออย่างน้อย 4,000 – 5,000 ในสถานชุมชนเฉิงเป่ย แต่ที่นี่รับเพียง 1,000 ถึง 2,000 เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แม้เห็นได้ชัดว่าพ่อค้าเหล่านี้กดราคาซื้อต่ำกว่ามาตรฐาน แต่ผู้คนจำนวนมากก็ยังตัดสินใจขายวัตถุดิบให้แก่พวกเขา
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ไม่ใช่ทุกคนที่มีอุปกรณ์รูนมิติ ดังนั้นการสะสมวัตถุดิบจนกองพะเนิน มันจะกลายเป็นไม่มีที่ว่างในการจัดเก็บสิ่งของอื่นๆ
ไม่นานเกินรอ ฉินเฟิงก็ได้ยินเสียงของชายคนหนึ่งตะโกนซื้อวัตถุดิบของมดเหล็กดำ
“รับซื้อเปลือกของมดหเหล็กดำงั้นหรอ คุณให้ราคาเท่าไหร่?” ฉินเฟิงเอ่ยถาม
ดวงตาของพ่อค้าเปล่งประกายขึ้นทันใด เขามองฉินเฟิงและไป๋หลีที่สวมตราสัญลักษณ์เลเวล F บนอก นั่นหมายความว่าย่อมสามารถล่ามดเหล็กดำได้ –ผลกำไรลอยมาอยู่ตรงหน้าแล้ว!
“12,000 เหรียญ!”
ฉินเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อยกับราคานี้ เอ่ยถามอีกครั้ง “แล้วฉันสามารถขายให้ได้เท่าไหร่?”
“เท่าไหร่ก็ได้ ฉันรับเท่าที่มีเลย!” ชายคนนั้นยกสองมือขึ้นกอดอก พยักหน้าด้วยความมั่นใจ ทำทีว่าตนมิใช่ผู้ขลาดแคลนเงินทอง
ฉินเฟิงเองก็มองว่าอีกฝ่ายน่าจะมั่งคั่ง ดังนั้นตบที่เอวของไป๋หลีบอกใบ้ให้เธอ ไป๋หลีวาดมือออกทันใด
ในพริบตา เปลือกมดจำนวนมหาศาลพลันร่วงตกลงมากองเป็นภูเขาขนาดย่อม
ฝูงชนรอบข้างที่กำลังวุ่นอยู่กับกิจการซื้อขาย ทั้งหมดชะงักงัน จ้องค้างมายังจุดนี้เป็นสายตาเดียว
“งั้นก็นับมันแล้วส่งเงินมาให้ฉันด้วยนะ” ฉินเฟิงกล่าว
ลำคอของพ่อค้ากลายเป็นแห้งผาก กลืนน้ำลายลงอย่างยากลำบาก สีหน้าเริ่มแดง ปากพูดติดอ่าง “เอ่อ … ลูกพี่ครับ พอจะขายให้คู่ค้ารายอื่นด้วยได้ไหม? เจ้าพวกนี้ … มันเยอะเกินไป!”
“ลูกพี่ คุณอยากจะขายมันงั้นหรอ? ทางฉันต้องการสินค้าเพิ่มเติมพอดี ฉันจะรับมันในราคา 12,600 เหรียญ!”
“ส่วนฉันให้ 12,700 เหรียญ!”
“ผม 13,000 เหรียญ!”
พ่อค้าคนแรกที่กำลังจะรับซื้อเขาเหงื่อแตกพลั่ก แล้วเกิดความกระวนกระวาย ร้อนรุ่มราวกับตกนรก
“เพ้ย! อย่าแหกกฏสิ แบบนี้มันปล้นกันชัดๆ!”
อย่าคิดแย่งเชียว นี่มันลูกค้าของเขานะ!
แม้ในที่แห่งนี้ ชิ้นหนึ่งจะสามารถทำกำไรให้เหล่าพ่อค้าได้ราวๆ 2,000 เหรียญ แต่หากเขานำพวกมันไปขายต่อที่อื่น จะสามารถทำกำไรได้มากกว่า 10,000 เหรียญต่อชิ้น!
ฉินเฟิงไม่ยินยอมปล่อยให้ตนเป็นฝ่ายเสียเปรียบเช่นกัน
“13,000 เหรียญ! ใครให้ราคานี้ ก็เอาทั้งหมดไปนับได้เลย” ฉินเฟิงกล่าว
พริบตานั้นกลุ่มพ่อค้าก็ผุดลุกขึ้นมาแย่งชิงกัน
ผลปรากฏว่าฉินเฟิงล่าและสังหารมดเหล็กดำได้มาก 1,200 ตัวโดยใช้เวลาแค่ช่วงบ่ายถึงหัวค่ำ! วัตถุดิบนายพลสัตว์ร้ายเขาไม่ได้ขาย ส่วนวัตถุดิบอื่นๆขายกระจายๆออกไป ได้รับเงินมามากกว่า 16 ล้าน
ผลเก็บเกี่ยวที่มากถึงขนาดนี้ มันถึงขั้นสามารถทำให้กลุ่มทหารรับจ้างเลเวล F เกิดความรู้สึกอิจฉา
อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนรอบกองไฟที่ติดตามฉินเฟิงมา เวลานี้ทั้งหมดต่างประหลาดใจ
“ฉินเฟิงเปลือกมดมากมายขนาดนี้ ตกลงแล้วนายฆ่ามดเหล็กดำไปกี่ตัวกันแน่?” จ้าวหยูเอ่ยปาก “แล้วทำไมนายถึงไม่ได้บันทึกวิดีโอเพื่อขอรับแต้มสงครามจากพวกมันล่ะ?”
จางเทียนดูจะเป็นคนใส่ใจและระมัดระวังเป็นพิเศษ เขาทราบดีถึงความแข็งแกร่งของฉินเฟิง มันไม่ธรรมดาเลย แต่บางทีอีกฝ่ายอาจจะแค่ไม่อยากเปิดเผยมันออกมามากจนเกินไป!
“คิดว่าคงเพราะวิดีโอถ่ายในที่มืดได้ไม่ค่อยดีน่ะ ฉินเฟิงก็เลยไม่ได้เปิดมัน” จางเทียนช่วยฉินเฟิงหาเหตุผล จ้าวหยูเกิดความรู้สึกเสียดายขึ้นมาทันที “แย่จัง นั่นมันแต้มสงครามมหาศาลเลยนะ … ”
เกาหลิงฮานที่กำลังรับฟังอยู่ รู้สึกแค่เพียงใบหน้าของตัวเองร้อนฉ่า ก่อนหน้านี้ตนเอ่ยว่าฉินเฟิงได้รับแต้มสงครามน้อยนิด แต่วัตถุดิบที่ถูกโยนออกมาในคราวเดียว ดันมีปริมาณมากกว่าแต้มสงครามที่เพิ่งแลกไปนับหลายสิบเท่า!
ช่องว่างมันกว้างเกินไป มากซะจนเกาหลิงฮานรู้สึกหมดหวัง!
เขาไม่สามารถเทียบกับฉินเฟิงได้เลย ไม่อยู่ในระดับที่จะสามารถต่อกรได้ด้วยซ้ำ!
เกาหลิงฮานผุดลุกขึ้น เขาไม่ต้องการจะเห็นหน้าของฉินเฟิงอีกแม้แต่วินาทีเดียว “ทุกคนแยกย้ายไปพักผ่อนกันเถอะ พวกเราจะต้องเตรียมสู้ศึกในวันพรุ่งนี้”
สิ้นเสียง เกาหลิงฮานก็ฉีกตัวเปิดออกไปก่อนทันที เข้าไปนอนในที่พักชั่วคราว
พอฉินเฟิงกลับมานั่งลงหน้ากองไฟ มันก็เหลือแค่คนของทีมเขาเท่านั้น แน่นอนว่าเขาคงไม่รู้หรอก ว่าอดีตอัจฉริยะประจำสถาบันรู้สึกโศกเศร้าและขุ่นเคืองตนมากมายขนาดไหน!
สนทนากันอยู่นาน จนสุดท้ายแยกย้ายกลับเข้าห้องของตน
ฉินเฟิงพบว่าห้องพักชั่วคราวมีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด มันถูกสร้างอย่างเรียบง่าย แต่อย่างน้อยก็โชคดีที่หาแหล่งน้ำไว้สูบมาใช้สอยได้ หลังจากฉินเฟิงล้างเนื้อล้างตัว เขาก็นอนลงบนเตียงแผ่นเหล็กกับไป๋หลี
ช่วงกลางดึกอันเงียบสงัด คล้ายมีเสียงอื๊ออ๊าบางอย่างแว่วเข้ามาในห้องของเขา
หูของไป๋หลีตั้งตรงทันที
มุมปากของฉินเฟิงอดกระตุกไม่ได้ เขารีบห่อหุ้มหูของไป๋หลีด้วยกำลังภายในและกล่าว “ไม่ต้องสนใจ หลับเถอะ!”
“อา”
ไป๋หลีอ้าปากหาวเล็กน้อย และผล็อยหลับลงอย่างรวดเร็ว
แม้ฉินเฟิงจะอุดหูตนเองด้วยกำลังภายในแล้วเช่นกัน แต่เมื่อมองมายังเด็กสาวที่แสนงดงามในอ้อมแขน ลำคอของเขาก็อดแห้งผากไม่ได้
“พลังงานเหลือล้นกันจริงๆนะ!” ฉินเฟิงลอบด่าทอในใจ
เนื่องจากที่พักชั่วคราวไม่มีฉนวนเก็บเสียง และผู้คนในแนวหน้าต้อง ‘ฝ่าฟัน’ ประสบการณ์ต่อสู้กันมาทั้งวัน ดังนั้นเมื่อกลับมาที่นี่ เลยเป็นธรรมดาที่ต้องหาทางระบายความเครียด ไป ‘ฟัน’ อย่างอื่นต่อ
แต่นี่จะโทษพวกเขาก็ไม่ได้
เพราะเมืองหานตกอยู่ในกำมือของศัตรู และกลุ่มแรกที่ช่วยเหลือออกมาได้ แน่นอนว่าต้องเป็นคนจากสลัมที่มักจะอาศัยอยู่รอบนอกของเมือง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สามารถหลบหนีได้ง่ายที่สุด
แต่หลบหนีมาได้แล้วยังไง? พวกเขายากจน หาอาหารกินให้ครบ 3 มื้อต่อวันยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ ดังนั้น เพื่อความอยู่รอด จึงจำเป็นต้องละทิ้งศักดิ์ศรี ยอมขายเรือนร่างเพื่อแลกกับมันมา
นี่คือเรื่องปกติยุคโลกาวินาศ …. !!