โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 18
Ch.18 – ย่างงูในทุ่งล่า
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.18 – ย่างงูในทุ่งล่า
“วางใจเถอะ เธอไม่ใช่สินค้าที่มีไว้ขาย เพราะความสามารถของเธอมีค่ามากเกินไป!” ฉินเฟิงกล่าวอย่างอ่อนโยน “ขอแค่เธอมีใจสู้ ก็สามารถหาเงินมาด้วยตัวเองได้! พ่อเธอต้องการเงินแค่ 80000 เหรียญใช่ไหม เธอก็แค่หาก้อนนั้นมา แล้วไถ่ตัวเองก็เท่านั้น!”
เสี่ยวจิงกัดฟัน พยักหน้าเห็นด้วย
“ใช่แล้ว ฉันต้องหาเงินมาให้จงได้ อย่างร้ายก็ตาย แต่ถ้าฉันรอดชีวิตกลับไปได้ ฉันก็จะเป็นอิสระ!”
ทว่า ความรู้สึกนี้ก็เกิดขึ้นเพียงไม่นาน สุดท้ายเสี่ยวจิงก็ถอนหายใจออกมา
การหาเงิน … มันใช่เรื่องง่ายดายซะที่ไหนกันเล่า?
เงินตั้ง 80000 เหรียญน่ะ ต่อให้เธอไปขายบริการที่ย่านโคมแดงในชุมชน ตลอดทั้งเดือน เธอยังหามาได้ไม่ครบเลย
ไหนจะเรื่องรูปร่างหน้าตาของเธออีก แบบนี้ต่อให้ไปขาย แล้วใครที่ไหนมันจะสนใจซื้อ!
อย่างไรก็ตาม เมื่อดวงตาของเธอตกลงบนร่างของฉินเฟิง มันคล้ายบังเกิดความหวังขึ้นมาอย่างน่าฉงน
แน่นอน ว่าเธอไม่ได้คิดถึงเรื่องที่จะยืมเงินฉินเฟิง หากแต่สังเกตเห็นว่าฉินเฟิงดูสมบูรณ์ขึ้นต่างหาก!
“ฉินเฟิง ช่วงก่อนหน้านี้นายไปเจอวิธีทำเงินดีๆมารึเปล่า ทำไมนายถึงดูอ้วนขึ้นกว่าเดิมมากเลย!”
“ฉันก็ทำในสิ่งที่เธอกำลังต้องการจะทำอยู่ในตอนนี้ไง” ฉินเฟิงตอบ สำหรับเรื่องที่เสี่ยวจิงว่าเขาอ้วนขึ้น นั่นน่าจะหมายถึงบึกบึนซะมากกว่า
“นายหาเงินโดยการล่าอย่างงั้นหรอ? หรือว่านาย … จะสามารถปลุกพลังพิเศษได้แล้ว?”
“เปล่า” ฉินเฟิงยังคงเลือกปฏิเสธ
“โห! ฉินเฟิง! ขนาดพลังพิเศษยังไม่ตื่นขึ้น แต่ก็ออกล่าหาเงินด้วยตัวเองได้แล้ว นายนี่มันน่าทึ่งจริงๆ!” เสี่ยวจิงแสดงความนับถือชื่นชม “บางที นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมนายถึงได้อันดับต้นๆเสมอ … รู้แล้ว! ทั้งหมดนี้เป็นเพราะนายเข้าคลาสต่อสู้เป็นประจำใช่ไหม รู้งี้ในคลาส ฉันน่าจะตั้งใจให้มากๆตั้งแต่แรก”
อย่างไรก็ตาม คลาสต่อสู้น่ะมันเหนื่อย กินพละกำลังกายมากเกินไป เสี่ยวจิงที่มักจะอดมื้อกินมื้อ เคยถึงขั้นเป็นลมระหว่างเรียนมาแล้ว ด้วยเหตุนี้เอง หลังจากนั้น เธอก็เลยไม่ออกกำลังกายหนักๆอีก
“มันยังไม่สายเกินไปหรอกนะที่จะหันมาตั้งใจฝึกฝนในตอนนี้”
ฉินเฟิงเองก็ไม่รู้หรอกว่าเสี่ยวจิงเคยผ่านอะไรมาบ้าง แต่ก่อนที่เขาจะกลับมาเกิดใหม่ เธอเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
“แอ๊ แอ๊!” ดูเหมือนว่าจะถูกขังไว้ในกระเป๋าสะพายนานเกินไป เสี่ยวไป๋ทนไม่ไหว ต้องโผล่หัวออกมา
สายตาของเสี่ยวจิงถูกดึงดูดโดยเสี่ยวไป๋ทันที
“นั่นตัวอะไรกัน? มันน่ารักมากเลย!” เสี่ยวจิงอดไม่ได้ อยากจะยื่นมือไปสัมผัสมัน
“แฮ่!” เสี่ยวไป๋แม้จะยังไม่เติบโตเต็มที่ แต่ก็พอจะมีฟันขึ้นมาบ้างแล้ว มันแยกเขี้ยว แสดงออกถึงความเป็นปรปักษ์ต่อเสี่ยวจิงทันที
ฉินเฟิงเองก็ประหลาดใจเล็กน้อยกับท่าทีของมัน เขาเอื้อมมือไปปลอบประโลมให้สงบลง
“ไม่เป็นไรน่า เธอเป็นสหายของพวกเรา!”
ดวงตาสีดำขลับของเสี่ยวไป๋จดจ้องเสี่ยวจิง ดูคล้ายกับว่าจะไม่พอใจที่มีสหายอ่อนแอ
อย่างไรก็ตาม จู่ๆมันก็ละความสนใจจากเธออย่างรวดเร็ว
“แอ๊!” เสี่ยวไป๋เผยท่าทีระมัดระวัง และมองไปยังทิศทางหนึ่ง
ฉินเฟิงบังเกิดความตกใจเล็กน้อย เขาไม่เคยเห็นเสี่ยวไป๋แสดงท่าทีระแวดระวังแบบนี้มาก่อนเลย
เสี่ยวไป๋โน้มตัวลง หลุดออกจากกระเป๋าสะพาย และในพริบตา วูบบบบ! มันพลันเปลี่ยนเป็นกระแสแสงสีขาว วาบหายไปชนิดที่ว่าคนธรรมดามิอาจมองตามได้
“เสี่ยวไป๋!” ฉินเฟิงเกิดความกังวลขึ้นทันที เขาเอื้อมมือไปคว้าปืนพลังงาน และไล่ตามไปยังทิศทางเดียวกันอย่างร้อนรน
และค้นพบว่ามีงูชายแดนอยู่ที่นั่น!
ขนาดตัวของมัน มีความหนาเท่ากับข้อมือ ความยาวมากกว่าสามเมตร ดังนั้นหากเทียบกับร่างเล็กๆของเสี่ยวไป๋ มันสามารถฉกกินทั้งตัวได้เลยในครั้งเดียว
“วิซซซ!” เมื่อพบเหยื่อ งูชายแดนก็เกร็งลำตัว อ้าปากโฉบเข้าฉกเสี่ยวไป๋ทันที
ฉินเฟิงไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยที่จะยกปืนพลังงานขึ้นเล็ง และยิง!!
“วี้—”
ปืนพลังงานระเบิดกระสุนแสงออกมาอย่างเงียบงัน แทบจะในทันที รังสีของมันก็เจาะทะลุเข้าหัวของงูชายแดน
แต่ก่อนหน้านั้น เสี่ยวไป๋ก็ได้หายวับไปจากสถานที่เดิมอย่างน่าฉงน
“นั่นมันเทเลพอร์ต!” ฉินเฟิงตะลึง เฝ้ามองฉากตรงหน้าอย่างทำอะไรไม่ถูก ในช่วงเวลาที่เสี่ยวไป๋ใช้พลังนี้ ขนสีขาวพลันสาดแสงสีเงินออกมา เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเอกลักษณ์ของรูนธาตุมิติ
สำหรับช่องว่างมิติ สิ่งมีชีวิตที่จะสามารถครอบครองมันได้คือสัตว์กลายพันธ์เท่านั้น แม้มนุษย์จะสามารถปลุกพลังพิเศษให้ตื่นขึ้นมาได้ แต่ไม่มีธาตุมิติรวมอยู่ด้วย ดังนั้น พลังนี้จึงมีค่าเป็นอย่างยิ่ง
ไม่คาดคิดเลย ว่าเสี่ยวไป๋จะสามารถปลุกพลังที่ว่าได้อย่างกระทันหัน!
แต่เมื่อย้อนนึกไปถึงเรื่องที่เสี่ยวไป๋ปรากฏตัวขึ้นจากในช่องว่างมิติ เขาก็พอจะเดาได้ว่านี่น่าจะเป็นพลังที่เสี่ยวไป๋ได้รับการถ่ายทอดมาจากแม่ของมัน
แบบนี้ใช่ว่าเสี่ยวไป๋เป็นสัตว์กลายพันธ์ธาตุมิติหรือไม่?
เรื่องนี้ทำให้ฉินเฟิงรู้สึกตื่นเต้นจริงๆ
“แอ๊!” เสี่ยวไป๋โผล่ออกมาจากช่องว่างมิติ และเมื่อเห็นว่างูชายแดนตายแล้ว มันก็เกิดความไม่พอใจขึ้นมาทันที เจ้าตัวน้อยกระโดดไปรอบๆตัวงู เมื่อค้นพบว่าไม่มีสิ่งใดที่มันชมชอบจากตัวงูใหญ่ หรือไม่ตัวงูก็ใหญ่เกินกว่าจะกินได้ มันจึงละความสนใจไป
“มันอันตรายนะรู้ไหม!” ฉินเฟิงตำหนิเล็กน้อย น้ำเสียงเชิงดุ ดวงตาของเสี่ยวไป๋เริ่มชื้นคล้ายบังเกิดหมอกหนา มันก้มหัวลงสำนึกผิดทันใด
“เอาเถอะๆ” ฉินเฟิงอดไม่ได้ต้องวางมือสัมผัสลงบนหัวของเสี่ยวไป๋ จากนั้นก็หยิบมีดสั้นออกไป แล้วเริ่มชำแหละงู
คราวนี้ เขาเอาถุงบรรจุมาด้วยมากมาย เจ้าตัวเริ่มจากการหักเขี้ยวพิษของมัน , เก็บถุงน้ำดีงู และเลาะหนังงูออกทั้งหมด
“นี่เธอกลัวงูหรอ?” ฉินเฟิงเอ่ยถาม
เสี่ยวจิงในเวลานี้ขาสั่นผับๆ ทว่าเมื่อได้ยินคำกล่าวของฉินเฟิง เธอก็กัดฟันตอบกลับไป “ไม่ได้กลัวซักหน่อย!”
ฉินเฟิงพยักหน้า หันกลับมา แล้วเริ่มลากร่างงูไปยังอีกทิศทางหนึ่ง
เสี่ยวจิงตามติดเขาไป แต่ก็ยังไม่รู้ว่าฉินเฟิงคิดจะทำอะไร
ฉินเฟิงหั่นร่างงู ใช้แท่งเหล็กทิ่มลงไปในชิ้นเนื้อของมัน เริ่มเติมถ่านและจุดไฟ
ถ่านไฟปะทุขึ้นในฉับพลัน ฉินเฟิงหยิบเอากิ่งไม้ใส่ลงไป แล้ววางเนื้องูลงด้านข้าง
ไม่นานนัก กลิ่นหอมออกเนื้องูก็เริ่มโชยออกมา
“อึก!”
เสี่ยวจิงกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่ได้กินอะไรเลยในเช้านี้
“เอ้านี่!” ฉินเฟิงยื่นชิ้นเนื้องูให้เสี่ยวจิง จากนั้นก็เริ่มย่างชิ้นถัดไป เพราะอย่างไรเสีย งูชายแดนก็ตัวใหญ่พอที่จะให้คนๆหนึ่งกินได้จนพุงกางอยู่แล้ว
“อา ขอบคุณ!” เสี่ยวจิงไม่คิดมากมารยาท รับเนื้อไปกินทันที
“กินเข้าไปเยอะๆ มันจะช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แก่เธอ ถ้าหากเธอต้องการต่อสู้ จงอย่าลืมว่าพละกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญ”
“อื้อ อื้อ” เสี่ยวจิงตอบรับ ทั้งๆที่ยังเคี้ยวอยู่
เนื้องูชายแดนไม่เพียงอร่อย แต่มันยังช่วยเพิ่มความอบอุ่นในกระเพาะอาหาร ไม่ทราบเหมือนกันว่านี่เกิดจากผลกระทบทางจิตวิทยาจากคำพูดของฉินเฟิงหรือไม่ เวลานี้ เสี่ยวจิงรู้สึกได้ว่าร่างกายของเธอเริ่มเปี่ยมไปด้วยพละกำลังจริงๆ
เสี่ยวจิงยังอยู่ในช่วงเวลาปลุกพลัง ทว่าเนื่องจากต้องอดมื้อกินมื้อ เธอเลยไม่มีแรงมากพอที่จะออกกำลังกายมาหลายวันแล้ว ดังนั้น เมื่อเนื้องูของฉินเฟิงเข้าสู่กระเพาะอาหาร มันก็สลายตัวเป็นพลังงานทันที เติมเต็มในส่วนที่ขาดหายมันไปหลายวัน
“แอ๊!” เสี่ยวไป๋ร้องอีกครั้ง
“เธอช่วยลดเสียง กินเบาๆลงหน่อย” ฉินเฟิงยกหน้าไม้กับลูกศรขึ้น
เสี่ยวจิงหันไปมองรอบๆ แต่แล้วดวงตาของเธอก็ต้องเบิกกว้าง เนื่องจากพบว่างูชายแดนสามตัวกำลังเลื้อยเวียนล้อมรอบ เริ่มขยับตีวงเข้ามาหาทั้งสอง
“ใช่แล้วล่ะ จงจดจำเอาไว้ให้ดี ว่าถ้าเธออยู่คนเดียวลำพัง จงอย่าย่างงูในทุ่งล่า!”
ฉินเฟิงเตือนเสี่ยวจิงที่กำลังกลืนเนื้อของมันลงไปอีกครั้ง
ทันใดนั้นเอง เธอก็คล้ายจดจำได้ว่า ในโรงเรียนมัธยม มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เธอเคยเรียนรู้เกี่ยวกับการเอาชีวิตรอดในทุ่งล่า อาจารย์ได้บอกว่าแม้เนื้องูจะอร่อย แต่จงอย่าย่างมันไปในทุ่งล่าโดยเด็ดขาด เพราะกลิ่นหอมของมันจะแพร่กระจายไปไกลกว่าหนึ่งกิโลเมตร และจะดึงดูดงูทุกตัวมาตามกลิ่นนี้
แล้วในรัศมีรอบๆ 1 กิโลเมตร … มันมีงูมากมายขนาดไหนกัน?
เมื่อคิดถึงจุดนี้ เสี่ยวจิงก็รู้สึกขนลุก เธอหันขวับไปมองอีกฝ่ายคล้ายกำลังดูคนบ้า
แน่นอน ว่าฉินเฟิงน่ะไม่ได้บ้า
เพราะที่นี่น่ะคือทุ่งล่าที่อยู่ใกล้กับพื้นที่เพาะปลูก สภาพแวดล้อมกว่าครึ่งจึงเป็นสถานที่ปลอดภัย หากต้องการล่าสัตว์ในบริเวณนี้ การหาเหยื่อน่ะยากเย็นยิ่งกว่าการต่อสู้ซะอีก ในกรณีนี้ มันจะไม่ดีกว่าเหรอ หากจะใช้วิธีที่ง่ายที่สุด เรียกพวกมันมาหาเองเลยโดยตรง
ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็กำลังต้องการที่จะทดสอบทักษะลับกลืนดาราอยู่พอดี!