โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 243
Ch.243 – การต่อสู้ระดับราชันย์
Provider : Muntra
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.243 – การต่อสู้ระดับราชันย์
ร่างที่ถูกสะบั้นศีรษะของชิกวนสั่นไหวอย่างรุนแรง วินาทีต่อมา ตามแนวกระดูกสันหลัง ลากยาวไปจนทั้งตัวเขาก็พลันกลายเป็นสีดำ สัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างคล้ายคลึงกับมนุษย์ปรากฏขึ้น
เบ้าตาที่กลวงโบ๋ของมันครอบครองดวงตาอันน่าหลงไหล ร่ายระบำไปด้วยเปลวเพลิงสีเขียวมรกต
“ปีศาจเสพวิญญาณ!” สีหน้าของฉินเฟิงมืดมน เลือดในกายเริ่มตื่นตัว พลังสมาธิพลุ่งพล่านเป็นประวัติการณ์ จ้องเขม็งไปยังชายเบื้องหน้า
เจ้าสิ่งนี้ คือตัวการที่ทำให้ผิงหยุนกลายเป็นหนึ่งในเมืองผี จนกระทั่งหลายปีผ่านมา มันถึงได้รับการฟื้นฟู
เพราะหลังจากดูดซับวิญญาณจากชาวเมืองทั้ง 20,000 จนสิ้นแล้ว ปีศาจเสพวิญญาณตนนี้ก็ได้พัฒนาเป็นเลเวล D
ซึ่งหลังจากมันขึ้นเป็นเลเวล D แล้ว การจะสังหารมัน จำเป็นต้องระดมผู้ใช้พลังจำนวนมากในการปิดล้อม ไม่อย่างนั้นก็ต้องเชิญเลเวล C มาต่อกร
ในขณะที่ชุมชนผิงหยุนไม่ได้สำคัญถึงขนาดนั้น กลุ่มซ่งเฉินเลยตัดสินใจยอมละทิ้งมัน เปลี่ยนไปใช้เส้นทางขนส่งสายอื่นแทน สถานชุมชนผิงหยุนถูกปล่อยทิ้งร้างโดยสิ้นเชิง
จนกระทั่งสองปีต่อมา โชคดีที่มีคนแปลกหน้าบังเอิญเข้ามาสำรวจสถานชุมชนผิงหยุนอย่างไม่ตั้งใจ และพบว่าตามตัวอาคารไม่มีร่องรอยของการถูกใช้งานแต่อย่างใด คาดว่าปีศาจเสพวิญญาณน่าจะออกจากที่นี่ไปแล้ว เมืองถึงได้รับการฟื้นฟูอีกครั้ง
ย้อนกลับมาในปัจจุบัน ดวงตาที่ลุกไหม้ของปีศาจเสพวิญญาณจ้องมองฉินเฟิงอย่างเดือดดาล เปลวไฟสีเขียวพวยพุ่ง
“เก่งดีนี่ ที่สามารถหาฉันพบ!” ปีศาจเสพวิญญาณส่งเสียงคำรามต่ำฟังไม่เป็นภาษา โฉบเข้าหาฉินเฟิง
แต่ในเวลาเดียวกัน การเคลื่อนไหวของฉินเฟิงพลันแปรเปลี่ยน มิได้อยู่ในท่วงท่าเตรียมใช้วรยุทธโบราณอีกต่อไป
“พรมโลกันต์!”
พลันปรากฏทะเลเพลิงขนาดใหญ่ลุกโชติช่วง ปกคลุมไปทั้งพื้นดิน ปีศาจเสพวิญญาณถูกถาโถมด้วยเปลวไฟ
“อ๊ากกก!”
ปีศาจเสพวิญญาณโหยหวนน่าสมเพช เพราะยังไงซะ สิ่งเดียวที่มันหวาดกลัวก็คืออบิลิตี้แสงและไฟ
ดังนั้นแทบไม่ต้องคิด มันหันหลังและวิ่งหนีทันที!
“ลำแสงเปลวเพลิง!”
เส้นแสงเปลวเพลิงหนาขนาดเท่าข้อมือระเบิดออกไป
ตูม!
ปรากฏเสียงหนักทึบของบางสิ่งถูกกระทบ และตามต่อด้วยเสียงโหยหวนของปีศาจเสพวิญญาณที่พยายามจะหลบหนี
ท่าทีของมันดูลุกลี้ลุกลน หันซ้ายแลขวา ทว่าไร้ซึ่งผู้คน สุดท้ายตัดสินใจผลุบหายเข้าไปในตึกหลังหนึ่ง
ตูม!
ฉินเฟิงพุ่งเข้าตามโดยไม่หลบเลี่ยง ทะลุกำแพงนอกตึกเข้ามาโดยตรง ไล่ล่าปีศาจเสพวิญญาณ
พลังสมาธิของฉินเฟิงล็อคลงบนตัวอีกฝ่าย
เปลวไฟโหมกระหน่ำดั่งพายุเฮอริเคน
ในที่สุดปีศาจเสพวิญญาณก็พบร่างของมนุษย์ เป็นหญิงสาวที่กำลังทำอาหารอยู่ในห้องของเธอ มันโผกระโจนเข้าหาทันที มุดเข้าไปในร่างทันที
ฉินเฟิงสะบั้นคมมีดออกไป ตามสังหารอย่างไม่ลังเล!
ปีศาจเสพวิญญาณโผล่ออกมาอีกครั้ง หลบหนีจากร่างศพไร้วิญญาณ และตำแหน่งด้านหลังที่เคยถูกฟันโดยฉินเฟิง บาดแผลได้ถูกฟื้นฟูโดยสมบูรณ์
หลังจากกลืนกินวิญญาณของผู้คน มันก็กลับคืนสู่สภาพเดิม
วูซซซ!
ปีศาจเสพวิญญาณเดินทะลุกำแพงหายไปอีกครั้ง
โครม! ฉินเฟิงพุ่งทะลุกำแพงตามในฉับพลัน ก่อเป็นหลุมขนาดรูปทรงมนุษย์ ไล่ล่าอย่างบ้าคลั่ง
เปลวเพลิงยังคงถูกยิงอย่างต่อเนื่อง สร้างบาดแผลแก่ปีศาจเสพวิญญาณ
“แกเป็นคนบังคับให้ฉันทำเองนะ!” ปีศาจเสพวิญญาณกระโจนกลับเข้าหาฉินเฟิง
วินาทีต่อมา ภายในจิตสำนึกของฉินเฟิงก็รู้สึกได้ว่ากำลังถูกบางสิ่งบางอย่างเข้ารุกราน
มันเป็นความรู้สึกน่าขยะแขยงยากจะบรรยาย
“ไสหัวออกไป!”
พลังสมาธิของฉินเฟิงแปรเปลี่ยนเป็นลูกศรขนาดเล็ก ทิ่มแทงตอบโต้อย่างบ้าคลั่ง
“อ๊ากก!”
ปีศาจเสพวิญญาณกรีดร้องน่าสงสาร มันถอนตัวออกจากพื้นที่จิตสำนึกของฉินเฟิง
ทั้งยังจ้องมองฉินเฟิงด้วยความโกรธเกรี้ยวระคนประหลาดใจ
ฉินเฟิงในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นด้านความแข็งแกร่งทางกาย หรือพลังสมาธิ ทั้งหมดล้วนอยู่ในระดับราชันย์สัตว์ร้าย ขณะที่ปีศาจเสพวิญญาณก็เป็นสัตว์ร้ายเช่นกัน กล่าวได้ว่าทั้งสองมีความแข็งแกร่งเท่าเทียม ทว่าธาตุไฟของฉินเฟิงเป็นปรปักษ์ต่อมัน ดังนั้นถือว่าได้เปรียบ
ปีศาจเสพวิญญาณเลยไม่สามารถสิงฉินเฟิงได้
ขณะนี้ ปรากฏเสียงดังลอยเข้ามาจากนอกตึก มันคือเสียงไซเรนอันเป็นเอกลักษณ์ของรถลาดตระเวน
–เป็นหน่วยลาดตระเวนของสถานชุมชนผิงหยุน!
พอได้ยินเสียงนี้ รอยยิ้มร้ายกาจก็พลันผุดขึ้นบนใบหน้าของปีศาจเสพวิญญาณมันหันหลังกลับและออกจากตัวอาคารไปทันที
สีหน้าของฉินเฟิงแปรเปลี่ยนกลับกลาย
ปัง!
เขาทะลุออกจากอาคาร
ภายนอก ผู้ใช้พลังเลเวล G บางส่วนกำลังรวมตัวกัน ตรวจสอบศพของชิกวน กำลังถึงสอบถามเรื่องคู่กรณี
“ถ้าไม่อยากตาย จงไสหัวไปจากที่นี่ให้หมด!!”
เมื่อเห็นว่าเฉียนหยวนและคนอื่นๆยังอยู่ที่นี่ กระทั่งคนจากหน่วยลาดตระเวนก็มาสมทบ ฉินเฟิงก็แทบไม่อาจหักห้ามความโกรธเกรี้ยวของตนเอง
พลังสมาธิของฉินเฟิงล็อคลงบนร่างๆหนึ่งอย่างรวดเร็ว มันคือร่างของสมาชิกหน่วยลาดตระเวนเลเวล G5
“หลีกทางให้แก่บิดา!” ฉินเฟิงคำรามเกรี้ยวกราด พุ่งเข้าโจมตีเจ้าหน้าที่ลาดตระเวน ชายคนนั้นกรีดร้องทันที
“นั่นคุณคิดจะทำอะไรน่ะ? ช่วยด้วยเขาบ้าไปแล้ว ช่วยด้วย!” คนอื่นๆชักอาวุธปืนเล็งมาทางฉินเฟิงโดยไม่รู้ตัว แต่ฉินเฟิงไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแม้แต่น้อย หน่วยลาดตระเวนคนอื่นๆตัดสินใจยิงทันที
ปังปังปังปังปัง!
เสียงกระสุนระรัวอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาทั้งหมดคิดว่าฉินเฟิงน่าจะเป็นสมาชิกขององค์กรมืด และมาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา
“อย่ายิงนะ!” เฉียนหยวนเห็นถึงฉากนี้ ก็เร่งตะโกนด้วยความตื่นตระหนก
เพราะเขาทราบถึงสถานการณ์ทุกอย่างในที่เกิดเหตุ แต่ยังไม่ทันได้อธิบาย ฉินเฟิงก็โผล่มาและสู้กับคนอื่นอีกแล้ว
ฉินเฟิงเผชิญหน้ากับกระสุนทั้งหมดอย่างไม่ลังเล เขาไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆ
ห่ากระสุนพลันหยุดนิ่งห่างจากเขาในระยะ 1 เมตร ก่อนจะร่วงตกลง ส่งเสียงกริ๊งกรั๊งกระทบกับพื้น
ในดวงตาของฉินเฟิง จดจ้องอยู่แค่เพียงสมาชิกหน่วยลาดตระเวนเลเวล G5 เท่านั้น
วินาทีถัดมา ทั้งคนทั้งร่างของฉินเฟิงก็ลุกท่วมไปด้วยเปลวเพลิงอันน่าหวาดกลัว
“เทคนิคมังกรไฟ!”
โฮกกกก!
มังกรไฟทรงอำนาจทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า
แรงกดดันอันมหาศาลของมัน ทำให้ฝูงชนรอบบริเวณตื่นกลัว ไม่กล้าขยับร่างกาย
ฉินเฟิงก้าวไปข้างหน้า
“ฆ่ามัน!”
เพลิงทรงพลานุภาพโถมเข้าห่อหุ้มสมาชิกหน่วยลาดตระเวนทันใด กายมนุษย์ที่อ่อนแอ ไม่สามารถทานทนต่ออบิลิตี้ระดับสูงได้ ถูกแผดเผากลายเป็นขี้เถ้าทันที
ภายในร่างกายที่ถูกแผดเผาของมนุษย์ เปิดเผยให้เห็นถึงร่างของปีศาจเสพวิญญาณอีกครั้ง
มังกรขดเป็นเกลียวพันร่างของปีศาจเสพวิญญาณ
อ๊ากกก!
ปีศาจเสพวิญญาณกรีดร้องขมขื่น มันสะบัดตัวแยกร่าง กระจายออกเป็นห้าเงา
วูซ วูซ วูซซซ!
ห้าร่างเงากระโจนเข้าสิงฝูงชนในพริบตา และแทบจะในทันที กว่า 5 ชีวิตก็ถูกควบคุม
อีกทั้งห้าชีวิตที่ว่า ยังวิ่งแตกกระเจิงไปคนละทิศทาง
“ต้องหยุดพวกมันให้ได้!” ฉินเฟิงคำรามเกรี้ยวกราด
“ลำแสงเปลวเพลิง!”
เส้นรังสีแสงกว่า 5 สาย แยกออกจากฉินเฟิง ไล่ตามทั้งหมดไป ทว่ามีเพียงสามร่างเท่านั้นที่ถูกโจมตี มังกรไฟฉวยโอกาสที่อีกฝ่ายชะงัก โฉบออกไปสังหารทั้งสามคนในพริบตา อีกหนึ่งในสองที่ยังรอดเป็นหน่วยลาดตระเวน ฉินเฟิงสังเกตเห็นได้ทัน
ฉินเฟิงพรวดเข้าไปและตัดคออีกฝ่ายในคมมีดเดียว
แต่ทว่า หลังจากฆ่าไปแล้ว ร่างของปีศาจเสพวิญญาณก็ยังไม่ตาย มันคืบคลานออกมาจากด้านหลังศพ และทั้งหมดฉีกยิ้มร่าน่าหวาดกลัว
“หึฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! เดิมทีฉันคิดว่ามิตินี้จะมีแต่พวกอ่อนแอ แต่ดูเหมือนมันชักจะน่าสนุกซะแล้วสิ!”
น้ำเสียงของมันแหบแห้ง ทั้งยังฟังดูแปร่งๆ คล้ายกับการใช้แอพพลิเคชั่นพูดออกมา แต่ทั้งเสียงและภาษานี้ คือความสามารถของปีศาจเสพวิญญาณที่ได้รับมา หลังจากกินวิญญาณของชิกวนและคนอื่นๆ
“ก็ได้ งั้นฉันจะเล่นสนุกกับแกเอง!”
ขณะกล่าว ร่างของปีศาจเสพวิญญาณก็แปรสภาพเป็นควันดำ และหายไปจากที่เกิดเหตุในทันใด
สีหน้าฉินเฟิงกลายเป็นซีดเผือด
นั่นเพราะปีศาจเสพวิญญาณได้หลบหนีไปแล้ว
ในพลังสมาธิของฉินเฟิง ไม่อาจค้นพบถึงกลิ่นอายของปีศาจเสพวิญญาณโดยสิ้นเชิง