โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 263
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.263 – ช่วงเวลาเป็นตาย
ความเสียหายน้อยใหญ่ปรากฏบนกำแพงปราการ มีส่วนหนึ่งถึงขั้นพังทลายลง
บ้างเป็นร่องรอยจากการถูกเผาไหม้ , บ้างก็แตกเป็นเสี่ยงๆ , บ้างหลอมเหลว ทุกสิ่งล้วนเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับปราการศิลาดำ
นี่มันไม่ใช่แค่ผ่านการต่อสู้เฉยๆแล้ว แต่มันผ่านสงครามมาต่างหาก!
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะฝีมือมนุษย์เพียงคนเดียวจริงๆน่ะหรอ?
ในเวลานั้นเอง ณ ตำแหน่งที่ห่างไกล หากเพ่งมองดีๆ จะพบกับร่างสองร่าง หนึ่งในนั้นคือชายตัวสูงใหญ่ กำลังโอบเอวอีกร่างซึ่งเป็นเด็กสาวตัวเล็กแสนบอบบาง
และจู่ๆทั้งสองร่างก็พลันลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิง ทะยานข้ามผืนทะเลตรงเข้ามา
พริบตาเดียว ร่างที่ลุกไหม้ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหยางปิง
สีหน้าของฉินเฟิงแม้เรียบเฉย แต่ท่าทีของเขาดูหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด กล่าวเสียงหม่น “ถ้าใช้เวลานานขนาดนี้คุณไม่ต้องมาก็ได้”
พออยู่ในระยะประชิด หยางปิงพลันสัมผัสได้ว่าบนกายของฉินเฟิง มันฟุ้งไปด้วยกลิ่นอายสังหารรุนแรง และกลิ่นสาบเลือดอันเข้มข้นชนิดเขาไม่เคยสูดดมมาก่อน
เรื่องนี้ทำเอาหยางปิงผงะไปชั่วขณะ
ไม่เจอกันแค่สิบวัน แต่ฉินเฟิงในตอนนี้ ดูเปลี่ยนไป กลายเป็นลึกล้ำยากจะหยั่งถึง
“ผู้ว่าการฉิน คุณก็น่าจะรู้ ว่าบนชายฝั่งตอนนี้ยังหลงเหลือสัตว์ร้ายอีกมาก การเดินเรือเลยไม่ใช่เรื่องง่าย อย่าตำหนิกันเลย”
ฉินเฟิงเยาะหยัน “หยุดแก้ตัวเถอะ ไปกันสักที ถ้ามัวชักช้า คงกลับไม่ได้แล้ว”
หยางปิงก็ยังไม่เข้าใจที่ฉินเฟิงจะสื่ออยู่ดี ถึงกระนั้นเขาก็เร่งพยักหน้ารับ “รับทราบ รับทราบ”
แม้ปากจะขานรับ แต่สายตาของหยางปิงยังคงมองไปยังปราการศิลาดำ ในหัวใจบังเกิดความรู้สึกปวดร้าวเหลือแสน
‘มันเกิดอะไรขึ้นในช่วงสิบวันที่ผ่านมากันแน่นะ? ทำไมปราการศิลาดำถึงตกอยู่ในสภาพนี้ ฉันระเบิดแค่เฉพาะส่วนหลังคาไปมิใช่หรือ? น่ากลัวว่าพอจบภารกิจปราบปรามคลื่นกองทัพสัตว์ทะเล คงต้องเสียค่าซ่อมมันเยอะน่าดู!’
แม้ค่าซ่อมที่ว่า เมืองไห่จะเป็นคนออก อย่างไรก็ตาม เงินที่ว่าจะถูกหักจากเงินปันผลของผู้ใช้พลังเลเวล E นั่นหมายความว่าความมั่งคั่งในกระเป๋าของพวกเขาจะถูกดูดออกไป เลยเป็นธรรมดาที่จะรู้สึกไม่ดี
ในตอนนั้นเอง จู่ๆสภาพแวดล้อมโดยรอบก็ปรากฏเสียงอื้ออึงดังขึ้นทันใด
วู้มมมม!
ครืน …
หยางปิงกำลังใช้ความคิดอยู่ ตกใจไม่อาจรับมือกับสถานการณ์ได้ชั่วขณะ
เลยเป็นฉินเฟิงที่ตะโกนออกไป “รีบเปิดโหมดล่องเวหาเร็วเข้า!”
แต่ทหารชั้นผู้น้อยกลับยังคงนิ่ง เพราะพวกเขาทราบดีว่าฉินเฟิงคือคนที่ทางเมืองไห่ต้องการสังหาร อีกทั้งหัวหน้าของตนยังไม่ได้เอ่ยปากสั่งการ ดังนั้นเป็นธรรมดาไม่เชื่อฟัง
ทางด้านหยางปิง เจ้าตัวหันไปตามทิศทางเสียง จ้องมองมันด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
อันที่จริงพวกเขาเองก็อยู่ห่างจากเกาะพิทักษ์พอสมควร แต่ปราการศิลาดำที่สูงตระหง่านในสายตาของหยางปิง บัดนี้กลับดูเล็กจ้อย ถูกกลบกลืนโดยฉากเบื้องหลังมัน
–ปรากฏกำแพงสีขาวสูงเสียดฟ้า ท่วมทับปราการศิลา
สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนกลับกลาย
กำแพงสีขาวที่ว่ามิใช่ใดอื่น แต่เป็นสึนามิ!
ช่วงเวลานั้นเอง เสียงสนั่นก็ดังสะท้อนตามมา
โครม!
ในพริบตาเดียว ปราการศิลาดำที่ไม่เคยพังทลายลงเลยในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา บัดนี้ล่มสลายลงอย่างสิ้นเชิง
คลื่นทะเลทะลักผ่านกำแพงปราการ ระลอกแรกแตกกระเจิงลดทอนอานุภาพลง
ทว่าแม้ลดทอนลงแล้ว แล้วคลื่นที่กำลังโถมเข้าหาเรือของพวกเขา มันกลับเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
“เร็วเข้า! เปิดโหมดล่องเวหา และบินหนีกลับเข้าฝั่ง!” หยางปิงตะโกนเสียงแหบแห้ง
ทหารชั้นผู้น้อยได้ยินก็เร่งปฏิบัติตาม เรือเร็วเริ่มเปิดโหมดล่องเวหา นอกจากนี้ยังปรากฏเสียงไซเรนแจ้งเตือนจนแสบหู
–เป็นเสียงไซเรนแจ้งเตือนถึงการปรากฏตัวของนายพลสัตว์ร้าย และพวกมันมีทั้งสิ้นกว่า 7 ตน! กำลังถูกพัดพามาตามคลื่นเบื้องหลังพวกเขา
ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ทุกคนในฝ่ายหยางปิงกลายเป็นตื่นตัว ทั้งยังหวาดกลัวสุดแสน
เพราะตราบใดที่ถูกสัตว์ร้ายจับได้ เรือลำน้อยของพวกเขาคงไม่พ้นไปตกอยู่ในกระเพาะของพวกมัน
ระบบพลังงานจลน์ถูกเร่งเร้าจนเกือบถึงระดับสูงสุด เรือลอยตัวขึ้นในอากาศ และพุ่งกลับเมืองไห่อย่างบ้าคลั่ง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบกับคลื่นทะเลแล้ว ความเร็วของพวกเขาเทียบมันไม่ได้เลย
โครม!
แม้เรือเร็วจะเปิดโหมดล่องเวหาอยู่ก็ตาม แต่ทั้งลำกลับถูกคลื่นซัดขึ้นมาถึง ถูกกระแทกเหวี่ยงไปข้างหน้า
“เปิดโล่พลังงาน!”
ชั้นฟิล์มโปร่งใสปกคลุมรอบเรือเร็ว
โครม!
คลื่นทะเลท่วมทับเรือเร็วอีกรอบ ทั้งลำจมอยู่ใต้กระแสน้ำ โล่พลังงานถูกปกคลุมไปด้วยน้ำเค็ม โดนกระแทกอย่างรุนแรง แต่สุดท้ายก็สามารถลอยลำขึ้นมาได้อีกครั้ง
สำหรับเกาะพิทักษ์ที่อยู่เบื้องหลัง เวลานี้จมอยู่ใต้คลื่นไปแล้ว ประจวบกับกำแพงปราการศิลาดำที่พังทลาย เลยเปิดช่องว่างให้คลื่นทะลักเข้ามาได้เรื่อยๆ โดยไม่มีอะไรบดบัง
เรือเร็วทั้งลำถูกเหวี่ยงไปกับคลื่นที่ถาโถม จมลงอีกครั้ง ก่อนจะผุดขึ้นมาอีกที แต่โผล่มาคราวนี้ ยามเมื่อเหลียวมองเบื้องหลัง ก็ปรากฏคลื่นยักษ์สูงกว่า 10 เมตร กำลังโถมทับลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
เปรี๊ยะ!
โล่พลังงานแตกร้าว ประกายเริ่มริบหรี่ ติดๆดับๆ
คนขับเรือเร็วเป็นแค่ผู้ใช้พลังเลเวล G8 เวลานี้เมื่อต้องเผชิญกับความโกรธเกรี้ยวของธรรมชาติ ใบหน้าของเขาก็ขาวซีด ร้อนรนทำอะไรไม่ถูก
หากโดนคลื่นอีกลูกซัดเข้าใส่ โล่พลังงานคงเอาไม่อยู่ เรือทั้งลำคงถูกทำลาย!
ยังไม่พอ รอบบริเวณนี้ยังเต็มไปด้วยสัตว์ทะเลอีก!
แม้ฉินเฟิงกับหยางปิงจะไม่หวาดกลัว แต่คนขับเรือจะไม่หวาดกลัวได้อย่างไร? เพราะยังไงซะเขาก็อ่อนแอที่สุดบนเรือลำนี้
“อ๊าาา มันจบแล้ว! พวกเรากำลังจะตาย!”
คนขับเรือกรี๊ดลั่น
ในเวลานั้นเอง กำลังภายในของฉินเฟิงถูกปลดปล่อยสู่ภายนอกทันใด
หยางปิงและคนขับเรือรู้สึกได้ถึงกำลังภายในอันแข็งแกร่งเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน มันกระจายออกไปด้านนอกเรือเร็ว ก่อรูปขึ้นเป็นเกราะคุ้มภัยอันใหม่
—เป็นโล่ที่โปร่งใสราวกับหมอก และอย่างที่ทุกคนรู้กัน ว่าผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล E จะครอบครองกำลังภายใน ในรูปแบบทะเลเมฆ
ดังนั้น โล่หมอกนี้ แน่นอนว่าย่อมเป็นกำลังภายในของฉินเฟิง
โครม!
คลื่นน้ำซัดสาดเรือเร็ว แต่ก็ถูกสกัดกั้นไว้ด้วยกำลังภายใน เรือที่กำลังล่องเวหาไม่ได้รับผลกระทบใดๆ
หลังจากถูกคลื่นยักษ์โถมทับลง เรือเร็วก็ปรากฏอยู่กลางอากาศอีกครั้ง
ฉินเฟิงกล่าวเสียงทุ้ม “มัวรออะไรอยู่ ทำไมยังไม่รีบไปอีก!”
คนขับได้สติกลับคืน เร่งควบคุมเรือ มุ่งกลับเมืองสุดกำลัง
และโชคยังดี เพราะหลังจากถอยกลับมาได้หลายไมล์ทะเล กระแสคลื่นก็ไม่ได้รุนแรงเหมือนช่วงแรกๆอีกต่อไป เรือเร็วถูกคลื่นซัดอีกแค่ 2 – 3 ครั้ง ในที่สุดก็สามารถลอยลำอยู่เหนือคลื่นได้ เคลื่อนที่ได้อย่างสะดวก
ตลอดการเดินทางบนทะเลที่แต่เดิมต้องใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง ท่ามกลางการหลบหนีอย่างบ้าคลั่ง ผ่านไปเพียงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงหาดเมืองไห่
ตอนนี้บนชายฝั่งมีแค่สัตว์ร้ายเลเวล G และผู้ใช้พลังเลเวล G ก็กำลังล่าสังหารพวกมันอย่างเพลิดเพลิน!
ฉินเฟิงกล่าว “ผู้บัญชาการหยาง คุณก็เห็นคลื่นเมื่อกี้แล้ว มันจะดีกว่าถ้าแจ้งให้พวกเขาทราบ บอกให้ทั้งหมดล่าถอยกลับกันไปก่อน”
หยางปิงยังคงผวากับเหตุการณ์เมื่อครู่ เขารู้สึกเหมือนเพิ่งหลุดรอดจากเงื้อมมือมัจจุราช หลังจากได้ยินคำพูดของฉินเฟิง ก็พยักหน้ารับคำสั่งโดยไม่รู้ตัว
“รับทราบ รับทราบ ฉันจะทำตามทันที!”
ต้องรู้นะว่า หากไม่มีฉินเฟิง เมื่อครู่หยางปิงคงจมลงท่ามกลางทะเลไปแล้ว และเขาคือมือปืน เมื่อต้องเผชิญกับคลื่นทะเลที่รุนแรงเช่นนี้ คงไม่อาจว่าหลบหนีไปไหนได้ สุดท้ายจมลงกลายเป็นอาหารในปากของสัตว์ร้ายต่างมิติ
หยางปิงเปิดไซเรนแจ้งเตือนอย่างรวดเร็ว ประกาศออกไปว่าคลื่นยักษ์กำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า ทั้งยังส่งกองทัพของตนเองมาเฝ้าระวัง เนื่องจากมันกระทันหันเกินไป เขาเลยไม่มีเวลาขออนุญาตแก่หวังจื่อเฉาก่อน
ส่วนฉินเฟิง แน่นอนไม่เข้าร่วม คนขับเรือเร็วคนเดิมพาเขามาส่งที่โรงแรมสุดหรูประจำเมืองไห่ด้วยความเคารพนับถือ
“ในที่สุด ก็ได้กลับมาใช้ชีวิตในฐานะมนุษย์อีกครั้งสักที”
ล่าสังหารมาตลอดทั้งสิบวัน หมกตัวอยู่แต่กับซากศพเน่าเปื่อย ฉินเฟิงยังรู้สึกคลื่นไส้ไม่หาย กระทั่งอารมณ์ยังพลอยหดหู่
ณ ขณะนี้ เมื่อกลับมายังโรงแรมหรูที่แสนสะดวกสบาย เขาจึงรู้สึกผ่อนคลายลง
“อาบน้ำกันเถอะ! ฉันอยากจะตีสบู่เป็นฟองในอ่างน้ำ!” ไป๋หลีตะโกน
“ที่รักก็มาอาบด้วยกัน!”
ฉินเฟิงรู้สึกว่าเลือดลมเริ่มพลุ่งพล่านไปทั้งตัว
“จิ้งจอกน้อย ชวนกันแบบนี้จะดีหรือ อย่ามาคิดเล่นกับไฟนะ!”