โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 294
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.294 – ฝันกลางวัน
ครึ่งชั่วโมงต่อมา กระบวนการดูดซับพลังงานจากเมล็ดบัวของโจวฮ่าวก็เสร็จสิ้น ตามตัวเขาปกคลุมไปด้วยตะกอนดำที่ถูกขับออก และมันเยอะกว่าของฉินเฟิงมากนัก
โจวฮ่าวเดินไปที่ลำห้วย กวักน้ำใส่ตัว ขัดๆถูอย่างแรง เมื่อคราบดำถูกสลัดหลุด ก็เผยให้เห็นถึงผิวกระจ่างใส
“เหอ? จู่ๆฉันก็กลายเป็นคนเปล่งประกายมีออร่าซะงั้น หล่อขึ้นแบบนี้สาวๆคงกรี๊ดกันตรึม ท่านปรมาจารย์ว่าไหม?”
แม้โจวฮ่าวจะนำหลายอย่างติดตัวมาด้วย แต่น่าเสียดายที่ไม่มีกระจกรวมอยู่ในนั้น เขาเลยต้องส่องหน้าตัวเองสะท้อนผ่านลำห้วยแทน
ฉินเฟิงเกิดความคิดอยากจะถีบสหายผู้นี้จริงๆ ส่งเสียงห่อหุ้มกำลังภายในไปเตือนให้ระวังคำพูดหน่อย
โจวฮ่าวหันมามองหน้ากากของฉินเฟิง นึกขึ้นได้ก็รีบกลืนคำพูดที่เหลืออย่างรวดเร็ว
ผู้คนเริ่มทยอยกันเข้ามาตามทางเดินมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อมาหยุดอยู่เบื้องหน้าแท่นบูชาดอกบัวพิสุทธิ์ พวกเขาก็กลายเป็นไร้หนทาง
รุ่นเยาว์ที่ผ่านด่านทดสอบแรก ปัจจุบัน ณ ที่นี้มีมากกว่า 30 คน และยังคงเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายนอกหัวมังกรเองก็เริ่มวุ่นวาย เกิดการแก่งแย่งเลือดมังกรกันขึ้นบ้างแล้ว
บรรดาทั้ง 30 คนเหล่านี้ ล้วนเป็นหัวกะทิในหมู่อัจฉริยะ
“การทดสอบรับมรดกเทพสงคราม ช่างยากเย็นจริงๆ”
“อาบเลือดมังกรก่อนหน้านี้ก็ว่าแย่แล้ว แต่นี่อะไรกัน? ดอกบัวพิสุทธิ์ในสระ มันอยู่ไกลเกินไป กำลังภายในของพวกเราจะคว้ามันมาได้อย่างไร?”
“นี่ๆ นายสังเกตไหม ร่องรอยบนดอกบัวใกล้ๆยังใหม่อยู่เลย แต่ข้างในกลับไม่มีเมล็ดบัวแล้ว เห็นได้ชัดว่าเพิ่งถูกนำเอาเมล็ดออกไป”
“ไอ้บัดซบตัวไหนกันที่ทำแบ–”
รุ่นเยาว์คนนั้นเอ่ยปาก แต่ก็เร่งหุบลงอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันสายตาของเขาก็เบนไปตกลงบนร่างของฉินเฟิง
—มองไปยังผู้ครอบครองกำลังภายในที่แข็งแกร่งที่สุดในที่แห่งนี้
นั่นสิ ยังจะเหลือใครอีกที่สามารถทำได้?
ยิ่งไปกว่านั้น จุดสังเกตยังมีกระเป๋าที่ฉินเฟิงสะพาย ไม่ต้องนึกก็พอจะรู้ ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน
“ลืมมันเหอะ สุสานเทพสงครามพื้นที่กว้างใหญ่ บางทีอาจจะมีบททดสอบอื่นๆไว้ให้พวกเราเก็บเกี่ยวอีกก็ได้ ไปสำรวจทางอื่นกันเถอะ”
เหล่าอัจฉริยะล้วนเกิดความผิดหวัง แยกย้ายกระจัดกระจายกันไปตามทางแยกในสวน ทั้งหมดรู้สึกว่าฉินเฟิงไม่น่าปรากฏตัวขึ้นที่นี่เลย
“นายตามฉันมา” ฉินเฟิงแสร้งเอ่ยเสียงเย็นชา
โจวฮ่าวรีบตามฉินเฟิงไป
ภายในสวนปูไปด้วยหินหยกขาว ลากยาวไปในทิศทางที่แตกต่างกัน แต่ละเส้นทางก็นำไปสู่หนทางที่แตกต่างกันออกไปเช่นกัน
ฉินเฟิงเลือกทิศทางหนึ่ง มุ่งตรงไปข้างหน้า
“ที่นี่มีพลังงานจิตวิญญาณหนาแน่นมาก ดูจากดอกบัวพิสุทธิ์เมื่อกี้ คิดว่าน่าจะมีสมุนไพรอื่นขึ้นอยู่เหมือนกัน” โจวฮ่าวกล่าว
เวลานี้รอบข้างไม่เหลือใครอีกแล้ว ดังนั้นไม่จำเป็นต้องแสดงละครอีกต่อไป
“ก็อาจจะมี แต่มันไม่น่าสนใจหรอก บททดสอบด่านต่อไปต่างหากที่น่าสนใจ” ฉินเฟิงตอบกลับ
โจวฮ่าวร้อง อ้อ พยักหน้าเห็นด้วย แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยประโยคต่อไป วิสัยทัศน์ของเขาก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง
กลิ่นหอมจางๆลอยเข้ามาแตะจมูก
“นี่มันพิษ!”
ฉินเฟิงขมวดคิ้วทันที
โจวฮ่าวได้สติ ยกมือขึ้นปิดจมูกอย่างรวดเร็ว แต่พิษกลับแพร่กระจายไปทั่วทั้งทางเดิน
“รีบไปกันเร็ว” ฉินเฟิงกล่าวเสียงหม่น
ทั้งสองเร่งฝีเท้า แต่ยิ่งวิ่งลึกเข้าไปตามทาง พิษในอากาศก็ยิ่งหนาแน่นขึ้น หัวของโจวฮ่าวเริ่มรู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย
ต่อมา วิสัยทัศน์เบื้องหน้าของเขาก็กลายเป็นพร่าเบลอ ฉากรอบตัวเปลี่ยนแปลงไป ทุกอย่างราวกับเป็นเรื่องจริง เริ่มแสดงท่าทีแปลกๆออกมา
โจวฮ่าวพบว่าตนเองสามารถออกมาจากสุสาน , เป็นผู้คว้ามรดกเทพสงคราม , สามารถยกระดับขึ้นเป็นเลเวล E และมีเงินทองมากมาย
“ถูกหลอนประสาทงั้นหรอ?” ฉินเฟิงมองไปยังโจวฮ่าวที่กำลังเมาพิษ
โชคยังดี ที่เมล็ดบัวมีคุณสมบัติขับพิษรวมอยู่ด้วย ฉินเฟิงเปิดกระเป๋าสะพาย และรีบค้นหาเมล็ดบัวให้โจวฮ่าว
แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆโจวฮ่าวก็คุกเข่าข้างหนึ่งลงต่อหน้าฉินเฟิง ทำท่าทีคล้ายถืออะไรบางอย่างในสองมือ ปากเริ่มพร่ำเพ้อออกมา
“เหมิงเหมิงจ๋า ตอนนี้ฉันรวยแล้ว ฉันรวยที่สุดในเฉิงเป่ย รวยกว่าพ่อของเธออีก มาแต่งงานกันเถอะ!”
ฉินเฟิงเห็นเพื่อนเพ้อถึงสาวก็หลุดหัวเราะออกมา
อย่างไรก็ตาม หากสังเกตดูดีๆ ดวงตาของโจวฮ่าวยังไม่สิ้นสติลงโดยสิ้นเชิง ฉะนั้นพิษไม่น่าจะลึกเกินไป ดังนั้นเรียกสติมันเล็กๆน้อยก่อนก็แล้วกัน
เพี๊ยะ! ฉินเฟิงตบกบาลโจวฮ่าว เอ่ยปากกล่าว “ เลิกฝันกลางวันได้แล้ว! ”
โจวฮ่าวถูกขัดจังหวะโดยฝ่ามือของฉินเฟิง ได้สติขึ้นมาทันใด ส่ายศีรษะอย่างแรง
“เกิดอะไรขึ้น? เมื่อกี้เป็นภาพลวงตางั้นหรอ?” โจวฮ่าวเบิกตากว้าง เมื่อครู่เขารู้สึกได้อย่างเลือนลางก็จริงว่านั่นเป็นความฝัน แต่ตนก็ยินยอมจมอยู่กับมัน เพราะนั่นคือสิ่งที่เขาถวิลหาอยู่ทุกวี่วัน!
“โจวฮ่าว แกนี่มันจริงๆเลย มาเก็บเกี่ยวในสุสานเทพสงครามแล้วยังเอาแต่คิดถึงพี่ ‘สาวลู่เหมิง’ ” ฉินเฟิงจงใจเน้นเสียงตรงพี่สาวลู่เหมิง ล้อเลียนโจวฮ่าว
โจวฮ่าวหน้าแดงทันที ไม่คิดเลยว่าฉินเฟิงจะค้นพบความลับของเขา
“เฮ้ๆ ฉินก็แค่ละเมอหรอกน่า นายไม่ใช่บอกเองว่ามันเป็นฝันกลางวันหรอกหรอ? ไปต่อเหอะ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว” อย่างไรก็ตาม พอได้ยิน สีหน้าของฉินเฟิงก็กลายเป็นเคร่งขรึม แม้จะสวมหน้ากากอยู่ แต่น้ำเสียงของเขาฟังดูจริงจัง “ตอนนี้มันอาจเป็นแค่ฝันกลางวัน แต่ความฝันนี้ ถ้านายสามารถกลับออกไปได้ มันจะต้องกลายเป็นจริงแน่นอน อย่าดูถูกตัวเองจนเกินไป นายยังเด็ก ฉันให้เวลานาย ไม่ต้องถึงหนึ่งปีด้วยซ้ำ แล้วนายจะได้ทุกสิ่งที่ต้องการมาครอบครอง”
หลังเกิดใหม่ ฉินเฟิงสามารถช่วยเหลือโจวฮ่าวหลุดพ้นจากความตายมาได้
โจวฮ่าวในปัจจุบันกำลังมีอนาคตที่สดใส ไร้ขีดจำกัดเฝ้ารออยู่ แต่ต้องการแค่เวลาอีกแค่นิดๆหน่อยๆก็เท่านั้น!
บางที อาจเป็นเพราะครอบครัวของโจวฮ่าวยากจน ตอนนี้เขาเลยเกิดความรู้สึกมีปมด้อย แต่ตราบใดที่เขาทุ่มเทพยายามอย่างหนัก ตั้งใจปีนป่ายขึ้นมา เขาย่อมสามารถได้รับทุกสิ่งที่ตนต้องการ
โจวฮ่าวไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆฉินเฟิงถึงจริงจังขึ้นมา เขาหลุดหัวเราะ “หมายความว่ายังไงที่บอกฉันยังเด็ก? แกเป็นคนยุค 80 , 90 รึไง? ไปๆๆ ไปต่อได้แล้ว อย่ามาดุฉันที่นี่ เดี๋ยวก็สูดพิษเข้าไปอีก ฉันไม่อยากเปิดเผยอีกความฝัน อย่างการจะเปิดฮาเร็มให้แกรู้อีกแล้ว!”
โจวฮ่าวรู้ว่าอาจมีโอกาสเลอะเลือนอีก ดังนั้นคราวนี้ชิงบอกความฝันตัวเองออกไปล่วงหน้า ถึงเวลาจะได้ไม่ถูกหัวเราะใส่
ฉินเฟิงยิ้ม “เออ ไปก็ไป”
ทั้งสองมุ่งหน้าต่อ อ้อมเส้นทางอีกสองสามสาย ก็เจอกับรุ่นเยาว์คนแรกที่แยกย้ายกันไปตามทางจากสวนสระบัว
หลังจากเห็นฉินเฟิง สองตาของวัยรุ่นคนนั้นก็กลายเป็นแดงฉาน อ้าปากหัวเราะ
“บลัดฮันเตอร์ ยอมจำนนต่อฉันซะ และมอบเมล็ดบัวทั้งหมดมา ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
ขณะพร่ำเพ้อ วัยรุ่นก็ง้างชูอาวุธในมือ กระโจนฟาดเข้าใส่ฉันเฟิง
ฉินเฟิงไม่คิดแม้จะหลบเลี่ยงอาวุธนั้น เขางัดเท้าออกไป เตะเข้าใส่ลำตัวของวัยรุ่น
“ว๊ากกก” วัยรุ่นโหยหวนน่าเวทนา ปลิวกลับไปยังทิศทางเดิมที่โผล่มา ร่วงตกลงกระอักเลือดคำโต
“คิดจะฝันเฟื่องอะไร ก็ต้องมีขีดจำกัดกันบ้าง ไม่อย่างนั้น รู้สึกตัวอีกที จะตายโดยไม่มีดินกลบฝัง!” ฉินเฟิงหัวเราะเย็นชา
ความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ทำได้อีกฝ่ายได้สติ หลังจากเห็นฉินเฟิงอีกครั้ง ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้าน
“ขออภัย ขออภัยจริงๆ ฉันแค่กำลังสับสน!”
วัยรุ่นชายกล่าว รีบวิ่งหนีไปทันที เพราะเกรงว่าฉินเฟิงจะไล่ตามเขาไป
ฉินเฟิงขยายพลังสมาธิ ตรวจสอบบริเวณโดยรอบ ไม่นานก็พบกับผู้ใช้วรยุทธโบราณหลายคนกำลังติดอยู่ในภาพลวงตา
บ้างก็กำลังต่อสู้ , บ้างก็เอาแต่หัวเราะ , บ้างคนเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟาย
บางคนก็วิ่งกลับไปที่สระบัว และหัวเราะร่า “ฮ่าฮ่า ฉันขโมยบัตรหยกอีกใบมาได้แล้ว ฉะนั้นยังมีโอกาสอีกครั้ง!”
ว่าจบก็พุ่งไปคว้าลูกปัดหยกทันใด แต่ตามกฏ เมื่อจับลูกปัดหยกเม็ดที่สอง เขาก็ถูกส่งออกจากสุสานเทพสงครามโดยรูนมิติทันที พลาดโอกาสแข็งแกร่งไปอย่างน่าเสียดาย!
“นายเอาเมล็ดบัวไปอีก 10 เม็ด รีบกินมันทันทีที่รู้สึกว่าตาเริ่มพร่ามัว” ฉินเฟิงส่ายหัว เขาเกรงว่าโจวฮ่าวจะหลุดเข้าไปในโลกแห่งความฝัน แล้วทำอะไรบ้าๆบอๆอีกครั้ง
“อ่าๆ รู้แล้วๆ รีบไปกันต่อเหอะ”
กลิ่นหอมและหมอกพิษเหล่านี้ผุดออกมาจากตามต้นไม้ ฉินเฟิงไม่จำเป็นต้องเสียเวลาสำรวจเส้นทาง เนื่องจากพลังสมาธิของเขาสำรวจออกไปล่วงหน้าแล้ว ฉะนั้นย่อมรู้ถึงเส้นทางที่แท้จริง
ทั้งสองก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เดินผ่านสวนอีกแห่งหนึ่งและเข้าสู่ซุ้มประตูใหญ่
เบื้องหลังซุ้มประตู ปรากฏสองช่องทางเดินและอักษรบางอย่าง ใจความว่า
“ใครก็ตามที่สามารถมาถึงที่นี่ได้ นั่นหมายความว่าพวกเจ้ามีคุณสมบัติขั้นพื้นฐานมากพอที่จะเรียนรู้มัน!”
ส่วนอีกบานประตู ยังถูกสลักไว้ด้วยอักขระจีนดั้งเดิม แต่ไม่ใช่ประโยคเรียบง่ายอย่างครั้งแล้วๆมา …