โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 336
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.336 – ตราเลเวล D
พนักงานบนเคาท์เตอร์ คือคนๆเดียวกับที่มอบภารกิจให้แก่ฉินเฟิงก่อนหน้านี้
เขาต้องรู้แน่ๆว่าภารกิจของฉินเฟิงยากเย็นเพียงใด
ปราการชาตงน่ะ คือเมืองเล็กที่อยู่ในแนวหน้า ดังนั้น ขอแค่มีลมพัดผ่านยอดหญ้าจนเกิดการสั่นไหวแม้เพียงน้อย มันก็อาจลุกลามถึงขั้นก่อให้เกิดวิกฤตทำลายเมืองได้
ข่าวเรื่องของฉินเฟิงแทบจะแพร่สู่สาธารณชนแล้ว
“ขะ เข้า เข้าใจแล้วท่านผู้ใหญ่ ทางเราจะรีบประมวลผลให้คุณในทันที” พนักงานหลั่งเหงื่อเย็น ตรวจสอบวิดีโอของฉินเฟิง
ภาพที่บันทึกได้ขยับไปมาอย่างรวดเร็ว แม้จะดูไม่ค่อยรู้เรื่องแต่มันสามารถระบุจำนวนของสัตว์ร้ายที่เสียชีวิตลงได้โดยอัตโนมัติ ตรงช่องสีแดงได้ระบุจำนวนสัตว์ร้ายภารกิจที่ฉินเฟิงสังหารลง–
–มากถึง 281 ตัว!
นี่คือตัวเลขในตอนที่บันทึกได้
ฉินเฟิงไม่เพียงบรรลุภารกิจเลเวล D แต่เขายังสามารถคร่าชีวิตกิ้งก่าทรายได้มากกว่า 100 ตัว!
ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่กิ้งก่าทรายสามารถถูกจัดการได้ง่ายขนาดถึงขนาดนี้?
นั่นมันสัตว์ร้ายที่ทรงภูมิปัญญาอันดับต้นๆเลยนะ! ตลอดทั้งปราการชาตง น่ากลัวว่าเลเวล D ทั้งหมดร่วมมือกันยังทำได้ไม่เท่าเขาเลย!
ในฐานะผู้รับผิดชอบการตรวจสอบ เมื่อผ่านการตรวจโดยจักรกลแล้ว มนุษย์ยังสามารถแยกวิดีโอ เพื่อตรวจทานความถูกต้องด้วยตนเองได้ พนักงานสุ่มดึงวิดีโอหนึ่งออกมา และดูมัน
ภายในวิดีโอ ฉินเฟิงกวาดมีดตัดเป็นแนวขวาง กิ้งก่าทรายไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ศีรษะถูกเปลวเพลิงปกคลุม กลิ้งหล่นลงทันใด
นี่มันรวดเร็วเกินไป!
ฉากนี้จำเป็นต้องชะลอความเร็วลงหลายเท่า กว่าพนักงานจะสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
เมื่อมาถึงจุดนี้ สีหน้าของพนักงานหวาดกลัวจนซีดขาว
ก๊อก ก๊อก! ฉินเฟิงเคาะโต๊ะเคาท์เตอร์และกล่าว “เรียบร้อยรึยัง?”
ชายคนนั้นได้สติกลับคืน คลิกลงบนปุ่มเสร็จสิ้นอย่างร้อนรน
เสียงตอบรับของระบบดังขึ้นอัตโนมัติ
【ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด! ขอแสดงความยินดีด้วย ท่านผ่านการรับรองแล้ว สามารถยกระดับขึ้นสู่เลเวล D อย่างเป็นทางการ!】
พนักงานหยิบตราเลเวล D ออกมา และมอบแก่ฉินเฟิงด้วยความเคารพ
“ท่านผู้ใหญ่ นี่คือตราของคุณ”
ระหว่างยื่น มือของเขาสั่นไหว
ฉินเฟิงรับตรามาและติดแทนตราเลเวล E ของตนเอง
หลังจากนั้น ไป๋หลีก็ส่งบันทึกวิดีโอไป ผลปรากฏว่าเธอสามารถสังหารพวกมันได้มากกว่า 200 ตัว ดังนั้นถือว่าผ่าน
ทั้งสองได้รับตราเลเวล D อย่างเป็นทางการ
“อ้อจริงสิ ผมมีเรื่องอะไรจะถามคุณหน่อย” ฉินเฟิงเอ่ยปาก “ภารกิจนี้ ใครกันที่เป็นคนตัดสินใจมอบหมายมา?”
พนักงานเหงื่อแตกราวกับห่าฝน
ฉินเฟิงมองฝ่ายตรงข้าม คราวนี้ไม่ยินยอมละจากไป ยืนกดดันเฝ้ารอคำตอบ
พนักงานแทบจะกลายเป็นประสาท
ในหัวใจของเขา ย้อนนึกไปถึงภาพที่ฉินเฟิงใช้มีดกษัตริย์ครามสะบั้นคอกิ้งก่าทราย พาลจินตนาการไปว่าตนคือศัตรูในภาพนั้น
“เป็นเล่ย .. เป็นมิสเตอร์เล่ยชาง!” พนักงานยอมสารภาพในที่สุด
ฉินเฟิงพยักหน้าแล้วกล่าว “คุณคงจะยุ่ง ไม่ขอรบกวนแล้ว”
“มะ ไม่ได้รบกวน ไม่รบกวนเลย!”
“พวกเรากลับกันเถอะ” ฉินเฟิงยิ้มให้ไป๋หลี คว้าจับมือเล็กๆมาของอีกฝ่าย ก้าวเดินออกไปโดยไม่เหลียวมองพนักงานอีกเลย
จนกระทั่งฉินเฟิงและไป๋หลีจากไป ร่างกายที่แข็งทื่อของพนักงานจึงค่อยอ่อนยวบลง
อย่างไรก็ตาม เขาคงไม่กล้าอยู่ในปราการชาตงอีกต่อไป จะต้องรีบหนีจากที่นี่ในคืนนี้ เพราะหนึ่งทางก็เกรงว่าฉินเฟิงจะเอาคืน อีกหนึ่งทางก็หวั่นเกรงว่าเล่ยชางจะสร้างปัญหาแก่เขา
ซวยชะมัด ตั้งใจทำงานอย่างหนักมาโดยตลอดแท้ๆ แต่ไม่ว่าฝ่ายใดก็ไม่ใช่คนที่สามารถล่วงเกินได้เลย
รถสายฟ้าสีเงินนำฉินเฟิงและไป๋หลีกลับมายังอพาร์ทเมนต์ที่หูเหลียงตระเตรียมเอาไว้ให้
ฉินเฟิงกับไป๋หลีช่วยกันตรวจสอบยอดการเก็บเกี่ยวในวันนี้อย่างคร่าวๆ
เป็นผลึกเพชรเพลิงห้ากล่อง กล่องหนึ่งมีมูลค่ามากถึง 700 – 800 ล้านเหรียญ เฉพาะมันก็มีราคารวมๆ 40,000 ล้านเหรียญแล้ว นี่เหมือนจะขายได้แพงยิ่งกว่าแก่นอบิลิตี้ของราชินีกิ้งก่าทรายซะอีก
แต่ยังไงซะ เพชรพวกนี้ถือเป็นสมบัติของทั้งเผ่าพันธุ์กิ้งก่า มิใช่ทรัพย์สินของมนุษย์เพียงคนเดียว!
นอกจากนี้ยังได้รับสมุนไพรวิญญาณบางชนิดที่เติบโตได้เฉพาะใต้ดินเท่านั้นมาอีก ทั้งหมดถูกขุดขึ้นมาโดยเติ้งกง น่าจะมาจากสวนของราชินีกิ้งก่าทราย
ฉินเฟิงเพลิดเพลินกับผลประโยชน์ที่ได้รับ มูลค่าของสมุนไพรวิญญาณเหล่านี้ อย่างต่ำก็น่าจะสัก 10,000 ล้านเหรียญ
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้มีเจตนาที่จะขายมัน ทั้งหมดจะถูกย้ายไปปลูกในสุสานเทพสงคราม งอกเงยในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
ไป๋หลีหยิบผลึกเพชนเพลิงไม่กี่ก้อนที่ดีที่สุดออกมา เริ่มทำเครื่องประดับอย่างสร้อยคอ กำไล ฯลฯ จากรูบิควิเศษ
ส่วนฉินเฟิง เขาหยิบผลึกเพชรเพลิงขึ้นมาในกุมไว้ในมือและ–
พลังพิเศษดูดกลืน!
ปัง!
รู้สึกแค่เพียงอาการแสบร้อนราวกับถูกแผดเผาถูกส่งเข้ามา มันแผดเผารุนแรงราวกับดวงอาทิตย์
ภายในผลึกเพชรเพลิง รูนไฟถูกสูบออกมา เจาะเข้าไปในจักรวาลแห่งห้วงจิตสำนึกของฉินเฟิง
ศิลานรกแพร่เชื้อใส่รูนไฟเหล่านั้น และปล่อยพวกมันเข้าไปรวมอยู่ในดาวเคราะห์เพชร
ฉินเฟิงขณะนี้เลื่อนระดับไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว แม้รูนไฟของเขาจะเพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการเรียนรู้อบิลิตี้ใหม่ๆ แต่มันก็ยังไม่เพียงพอ
ด้วยเหตุนี้ผลึกเพชรเพลิงในกล่อง จึงกลายเป็นตัวช่วยแก้ปัญหาเร่งด่วนให้แก่เขา
ช่วงเวลาค่ำคืนเงียบสงบ มิจำเป็นต้องเขียนบรรยาย
ฉินเฟิงฝึกฝนตลอดทั้งคืน และเมื่อก้าวเข้าสู่รุ่งเช้าวันถัดไป ก็ได้รับการแจ้งเตือนว่ามีกองทัพสัตว์ร้ายบุกปราการชาตงอีกครั้ง ฉินเฟิงกับไป๋หลีมิอยู่เฉย มุ่งไปแนวหน้าทันที
คราวนี้ผู้มาเยือน เป็นกองทัพแมลงจำนวนมหาศาล
ปกคลุมผืนทรายหนาแน่น มองจากระยะไกลราวกับจุดเงาดำ
“มือปืนโจมตีเป็นวงกว้าง ทิ้งระเบิดจากกลางอากาศ เร็วเข้า!”
แม้จะย่างสู่วัยกลางคน แต่เสียงคำรามของหูเหลียงยังดังสนั่น
ในสนามรบ ฟุ้งไปด้วยเสียงสาดกระสุนของปืนใหญ่ ผู้ใช้วรยุทธโบราณสร้างแนวป้องกัน แต่ก็อาจถล่มลงมาได้ตลอดเวลา
การต่อสู้อันตรายถึงขั้นวิกฤต
“แยกปฐพี!”
ผู้ใช้อบิลิตี้ดินระเบิดพลังสมาธิอย่างเมามัน สองมือกดนาบลงบนพื้น สร้างรอยแยกขนาดใหญ่ยาวกว่า 10 เมตร
สิ่งนี้เกิดขึ้นภายนอกเบื้องหน้าแนวป้องกัน
ทว่าชั่วพริบตาเดียว ร่องลึกก็ถูกถมจนเต็มโดยกองทัพแมลงสัตว์ร้ายทันที!
“จงประกบ!”
ในช่วงเวลานั้นเอง ผู้ใช้อบิลิตี้ดินกระตุ้นพลังสมาธิอีกครั้ง รอยแยกเบื้องล่าง พลันหุบเข้าหากัน บดขยี้ฝูงแมลงที่ตกลงไปอย่างไร้เมตตา!
“ฮู่ว … ฮู่ว … ”
เฉินเซี่ยงหอบหายใจอย่างยากลำบาก ที่แท้ผู้ใช้อบิลิตี้เมื่อครู่ก็คือเขานั่นเอง
ส่วนผู้ใช้พลังเลเวล D คนอื่นๆ ยังคงทุ่มโจมตีอย่างบ้าคลั่ง ไม่ยินยอมปล่อยให้สัตว์ร้ายเหล่านี้ เล็ดลอดเข้าสู่ปราการชาตง
“อ๊า!!”
ผู้ใช้พลังเลเวล E คนหนึ่งร้องลั่น แมลงตัวใหญ่ยาวกว่า 2 เมตร ปรากฏขึ้นบนจอแสดงผล
“นายพลสัตว์ร้าย! มันคือหนอนทรายทองระดับนายพล!”
ฝูงชนโดยรอบแตกฮือ กำแพงแนวรบพังทลายลงทันที
แต่ในตอนนั้นเอง ประกายแสงสีฟ้าพลันสว่างวาบ ราวกับนกยูงตัวใหญ่โฉบเข้ามาบนจอแสดงผล
ตูม!
นายพลสัตว์ร้ายถูกกระแทก ลอยปลิวขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยตรง
ต่อมา ร่างเงาหนึ่งก็ยืนหยัดแทนที่ตำแหน่งของผู้ใช้พลังเลเวล E ที่เพิ่งตายลง ก้าวเข้าเสริมแนวป้องกัน
ฝูงชนรอบข้างมองไปยังร่างของชายคนนี้ ในพริบตาเดียว ความหนักอึ้งพลันเลือนหาย บังเกิดความเชื่อมั่นศรัทธาขึ้นในหัวใจ
แน่นอน นี่มิใช่เพียงเพราะบนหน้าอกของคนๆนั้นติดไว้ด้วยตราสัญลักษณ์เลเวล D แต่เป็นเพราะคนๆนี้–
–คือฉินเฟิง!
มีดกษัตริย์ครามในมือตวัดเฉือนออกไปจนเห็นเพียงภาพติดตา แมลงเหล่านี้สำหรับฉินเฟิง เป็นแค่ไก่กามิอาจคณามือ!
ทว่า จำนวนของพวกมัน ชวนให้รู้สึกขนลุกจริงๆ
‘มิน่าเล่า ปราการชาตงในอีกหนึ่งเดือนให้หลัง ถึงถูกกองทัพสัตว์ร้ายทำลายลงอีกครั้ง!’
‘บางทีอาจจะเป็นอย่างที่ไป๋หลีพูด ว่ารอยแยกมิติในทะเลทรายทะเลเหนือ ถูกสร้างขึ้นโดยราชินีกิ้งก่าทราย’
‘แต่ถ้าเป็นแบบนั้น ตอนนี้ราชินีกิ้งก่าทรายได้ตายไปแล้ว ภัยพิบัติที่ว่าก็ไม่สมควรจะเกิดขึ้น’
ฉินเฟิงล่วงรู้ว่าอนาคตจะมุ่งไปในทิศทางใด
แม้ก่อนจะเกิดใหม่ เขาจะไม่ตระหนักชัดถึงสถานการณ์ของปราการชาตง แต่เมื่อฉินเฟิงขึ้นไปถึงเลเวล D ตำแหน่งที่ตั้งของชาตงมิใช่ ณ จุดนี้ หากแต่เขยิบถอยเข้ามาใกล้กับสี่เมืองหลักมากกว่าเดิมเยอะ
บางที ปราการอาจจะแตกและถูกโยกย้ายอีกครั้ง
แต่หากอิงจากเครือข่ายนักสู้ ในชีวิตก่อน ช่วงเวลาที่กองทัพสัตว์ร้ายจะถล่มปราการชาตงจนราบคาบ หากอิงตามในชีวิตนี้–
–คือเดือนหน้า!