โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 357
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.357 – เซอร์ไพรส์งานประมูล
ช่างน่าเสียดาย ที่ซงจินควงมิอาจล่าแกะอ้วนตัวนี้ได้สำเร็จ ตรงกันข้าม เป็นเขาซะเองที่ถูกล่า … ถูกจิ้งจอกไป๋หลีในคราบลูกแกะสังหารเอา!
ฉินเฟิงเดินไปถึงโซนบุฟเฟ่ต์ ไป๋หลีผละมือจากแขนเขา เริ่มหยิบจับอาหารขึ้นมากินอย่างกระตือรือร้น
ผู้คนในห้องประมูล แสร้งทำเป็นไม่สนใจ แต่ก็ค่อยๆย่องกลับไปยังประตูทางเข้าอีกครั้ง เพื่อขอแผนกต้อนรับเปิดดูรายการสินค้าอย่างเงียบๆ
พวกเขาไม่กระทำอย่างโจ่งแจ้ง ฉินเฟิงเองก็ไม่ได้หันไปมองดู อย่างไรก็ตาม ด้วยพลังสมาธิที่แข็งแกร่งของฉินเฟิง การกระทำลับๆล่อๆของคนเหล่านี้ จะเล็ดลอดไปจากการรับรู้ของเขาได้อย่างไร?
ไม่ต้องกล่าวถึงอาการช็อก หลังจากที่พวกเขาได้อ่านรายการสินค้า
รายการในช่วงแรกที่ใส่มา เห็นได้ชัดว่ามิใช่สิ่งของที่จะได้มาโดยบังเอิญ แต่เป็นการสั่งสมความมั่งคั่งยาวนานหลายทศวรรษ
ยังไม่พอ ในส่วนของรายการสุดท้าย ฉินเฟิงเขียนเนื้อหาเอาไว้อย่างชัดเจน : 【อุปกรณ์รูนมิติขนาด 150 ลูกบาศก์เมตร ราคาขาย 7,500 ล้าน】
อุปกรณ์รูนขนาดใหญ่เช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ามีเพียงเลเวล C เท่านั้นที่สามารถครอบครอง!
ซู๊ด … บางคนอดไม่ไหว สูดหายใจเย็นเยียบ แต่ต่อมาก็เร่งหุบปากลงอย่างรวดเร็ว
และในบรรดาคนเหล่านั้น แน่นอนย่อมมีผู้คนจากตระกูลผู้ใช้วรยุทธโบราณรวมอยู่ด้วย
เนื่องจากโหวหยางเจียวเกิดข้อเบาะแว้งกับฉินเฟิงในคราวก่อน ตระกูลโหวกังวลว่าอาจมีปัญหากับเขา ครั้งนี้เลยส่งอีกคนหนึ่งมาแทน คนๆนี้เคยพบกับฉินเฟิงมาก่อนแล้วที่สันเขาถังซาน เลเวล D โหวหยางเซิง
ตระกูลตี๋เองก็เปลี่ยนตัวแทน — ตี๋ซิน เคยพบกับฉินเฟิงมาแล้วเช่นกันที่ถังซาน
ส่วนตระกูลหยาง เป็นหยางเหมาที่พารุ่นเยาว์ไปยังสุสานเทพสงคราม
เวลานี้ พอทั้งสามคนมองรายการสินค้าของฉินเฟิง สีหน้าของแต่ละคนบ่งบอกถึงห้วงอารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป
บ้างริษยา , บ้างหวาดกลัว , บ้างจมลงในห้วงความคิด
แต่ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าซงจินควงตายไปแล้วจริงๆ
ข่าวนี้มันกะทันหันเกินไป
ขณะเดียวกัน ท่ามกลางโถงประมูล ชายชราคนหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ใต้เสื้อคลุม เมื่อเห็นรายการสินค้าเหล่านี้ สองมือของเขาก็สั่นสะท้าน แทบอยากจะฉีกมันเป็นชิ้นๆ
ชายใต้ผ้าคลุมมิใช่ใครอื่น เป็นอาวุโสสองแห่งตระกูลซง ซงจินรุ่ย!
เดินทางมาคราวนี้ เดิมทีเพราะต้องการตรวจสอบข่าวสาร แต่ไม่คาดคิดเลย ว่าจะได้พบกับข่าวร้าย
เดิมทีซงจินรุ่ยยังมีหวังอยู่เล็กน้อย เขายังไม่ต้องการทิ้งความหวังขั้นสุดท้าย
เหล่าฝูงชนที่อยู่ในโถง ทั้งหมดราวกับคนเหม่อลอย ฟุ้งซ่าน แต่ไม่มีใครต้องการจะเร่งจากไป
งานประมูลดำเนินไปอย่างรวดเร็ว
ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็มาถึงตาของฉินเฟิง
ของทุกอย่างถูกวางลงบนโต๊ะเหนือเวที
ผู้ใช้พลังใต้เวที ข้ามองเจ้า เจ้ามองข้า สักพักหนึ่งเลยก่อนจะเริ่มต้นตะโกนเสนอราคา
โดยเฉพาะตระกูลผู้ใช้วรยุทธโบราณ พวกเขาร่ำรวยกระเป๋าหนัก เป็นผู้ประมูลเตียงหยกไปในครอบครอง
สินค้ากองใหญ่เริ่มถูกกระจายออกไป ทีละชิ้น ทีละชิ้น ไม่เว้นกระทั่งอุปกรณ์รูนมิติ
แต่ในส่วนของอุปกรณ์ที่เปื้อนเลือด และรอยไหม้เกรียมจากการถูกเผา ล้วนไม่มีผู้ใดต้องการมัน เดิมสิ่งของๆคนตายก็ไม่น่าซื้ออยู่แล้ว ไม่ต้องกล่าวถึงต่อให้ซื้อไป มันก็ไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้!
ฉินเฟิงแน่นอนไม่คิดขายมันในงานประมูล เจ้าของพวกนี้ มีหน้าที่แค่นำออกมาแสดงเท่านั้น!
หลังจบงานนี้ เขาจะเอามันไปให้ลู่หวันเปา
ฉินเฟิงกินเวลาประมูลเลยไปกว่า 10 นาทีแต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยทัดทาน สินค้าส่วนใหญ่ถูกขายออก ที่เหลืออยู่ก็ช่างมันเถอะ ฉินเฟิงเก็บพวกมันใส่พื้นที่มิติทั้งหมด
แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกคราว ฉินเฟิงก็พบว่าในห้องประมูล ไม่มีร่างของชายในชุดคลุมดำอยู่อีกแล้ว
‘หึ คนของตระกูลซง ต่อให้จากไปไกลก็ยังทิ้งกลิ่นอายเลือดเอาไว้ อย่านึกนะว่าจะหนีพ้น!’
ฉินเฟิงหัวเราะเย็นชา หลังจากไปรับตัวไป๋หลี ทั้งสองก็เดินออกจากห้องประมูลด้วยกัน
แม้การประมูลจะยังไม่จบลง แต่ฉินเฟิงไม่มีความตั้งใจจะอยู่ต่อ
ท่ามกลางแสงสลัวยามค่ำคืน ซงจินรุ่ยออกนอกเมืองได้อย่างรวดเร็ว เขาขึ้นฮอลศึกและขับจากไปยังทิศทางหนึ่ง ออกจากปราการชาตงไป
หลังจากซงจินรุ่ยจากไป ฉินเฟิงก็ขับเมฆครามตาม
“ล็อคฮอลศึกลำข้างหน้า”
“เปิดโหมดป้องกันการติดตาม”
“เปิดโหมดขับเคลื่อนอัตโนมัติ”
ยังไม่พอ ฉินเฟิงยังใช้อบิลิตี้มืดของเขากับปกคลุมฮอลศึกทับไปอีกชั้น คราวนี้ไม่ต้องกล่าวถึงซงจินรุ่ยที่อยู่ข้างหน้า กระทั่งสัตว์ร้ายก็ไม่มีทางพบตัวฉินเฟิง
ในชีวิตก่อน ซงหยวนคือคนที่จะกลายเป็นตัวตนทรงอำนาจในอีก 10 ปีข้างหน้า และถึงเวลานั้น ฐานที่ตั้งของตระกูลซงก็เปลี่ยนไปที่ใหม่แล้ว
ดังนั้นฐานตระกูลซงในช่วงเวลานี้ ฉินเฟิงไม่ทราบจริงๆว่าอยู่ตรงไหน
ทว่าตอนนี้ ในที่สุดก็มีคนนำทางเขาไปถึงที่หมายแล้ว!
ฮอลศึกของซงจินรุ่ยร่อนลงจอด หลายคนออกมาต้อนรับเขา
“อาวุโสสอง ได้รับข่าวที่พอเป็นประโยชน์บ้างหรือไม่?”
“ท่านปู่สอง!”
“อาวุโสสอง … ”
มาถึงก็ต้องเผชิญกับเสียงหนวกหูน่ารำคาญ ซงจินรุ่ยที่อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว ยิ่งหงุดหงิดกว่าเดิม
“หุบปากซะ!”
ซงจินรุ่ยตวาด ถอดฮู้ดเสื้อคลุม เผยให้เห็นถึงแก้มที่ผ่ายผอมหนังติดกระดูก ประจวบกับนี่เป็นช่วงเวลากลางคืน ทำให้ยิ่งมองยิ่งน่ากลัว
เดิมซงจินรุ่ยต้องการต่อว่าอีกสักเล็กน้อย แต่พอย้อนนึกถึงเรื่องในงานประมูล เขาก็รู้สึกว่าไม่ใช่เวลามามัวพูดถึงเรื่องนี้
“ทุกคนเก็บสิ่งของจำเป็นให้เรียบร้อย อะไรที่สามารถนำไปได้ ก็ขอให้เก็บมาทั้งหมด เตรียมตัวให้เสร็จในวันนี้”
“อะไรนะ!”
ผู้คนแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง
พวกเขาคือตระกูลซง เป็นตระกูลผู้ใช้วรยุทธวิถีมาร เปี่ยมไปด้วยศักดิ์ศรี ดำรงอยู่มายาวนาน โลดแล่นอาละวาดไปทั้งทะเลเหนือ หาญกล้า ไม่มีสิ่งใดสามารถสะทกสะท้าน แต่ตอนนี้ กลับให้พวกเขาเก็บของ จะให้ม้วนหางหนีไปหรือ?
“ไม่เข้าใจภาษาคนหรือไร ยังไม่รีบไปอีก!” ซงจินรุ่ยคำรามเกรี้ยวกราด
ขณะเดียวกัน เมฆครามก็ค่อยๆลงจอดเหนือเนินเขาของหมู่บ้านตระกูลซง
ฉินเฟิงวาดมือออก เมฆครามถูกเก็บเข้าสู่พื้นที่มิติ
มองออกไปจากระยะไกล จะพบกับหมู่บ้านเล็กๆบนภูเขาที่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟ โล่พลังงานมืดที่คอยปิดซ่อนพวกเขา ทั้งหมดถูกปิดการทำงาน
นั่นเพราะหินพลังงานในโล่พลังงานเหล่านี้ มีมูลค่าเป็นอย่างมาก
ฉากนี้บ่งบอกชัดเจน ว่าตระกูลซงกำลังคิดหลบหนี!
ฉินเฟิงแสยะยิ้ม ยืนนิ่งอยู่บนเนินเขา เฝ้ารอดูมิได้เคลื่อนกายไปไหน
ทางฝั่งตระกูลเลือด ใช้เวลาแค่ชั่วโมงเดียว พวกเขาก็ตระเตรียมการจนเสร็จสิ้น
สมบัติทุกอย่างถูกเก็บไว้ในอุปกรณ์รูนมิติ ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรวิญญาณ , ผลไม้วิญญาณ , ตำราฝึกยุทธทั้งสูงต่ำ ต่างถูกรวบรวมมาจนหมดสิ้น
อย่างรวดเร็ว คนกว่าหลายร้อยคนก็มารวมตัวกัน
ซงจินรุ่ยกวาดมองคนที่คอยเกาะกินตระกูล กล่าวอย่างไร้ปราณี “พวกที่ไม่ใช่ผู้ใช้พลัง , ไม่ใช่สายเลือดของตระกูลซง ฆ่าทิ้งให้หมด!”
สีหน้าของคนตระกูลซงแปรเปลี่ยนกลับกลาย
หญิงคนหนึ่งที่มีรูปลักษณ์งดงาม คุกเข่าร่ำไห้ “นายท่าน นายท่านได้โปรดอย่าสังหารข้า ข้า .. ข้ากำลังอุ้มท้องลูกของท่านอยู่ เขาคือสายเลือดตระกูลซง!”
เวลานี้ ผู้หญิงคนอื่นๆที่กำลังตั้งครรภ์ต่างก็เริ่มร้องโวยวายบ้าง –ตระกูลซงที่กำลังอยู่ในขอบเหวแห่งการล่มสลาย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามีลูกเต็มบ้าน หลานเต็มเมือง!
ตระกูลซงไม่มีกฏหรือข้อจำกัดใดๆ ไม่ว่าใครก็สามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้ ดังนั้นผู้หญิงเหล่านี้ที่หวังแค่ลาภยศและเงินทอง เลยยินยอมมากลายเป็นเมียน้อยของคนในตระกูลซง
ยามนี้ เมื่อตระกูลซงถึงคราวล่มสลาย พวกเธอก็ย่อมกลายเป็นบุคคลไม่สำคัญ
“ไสหัวไปให้พ้น!”
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งของตระกูลซงที่กำลังถูกพัวพันโกรธขึ้นมาทันที เขาฟาดฝ่ามือลงบนเหนือหัวของหญิงสาวที่กำลังเกาะแกะตน
โผล๊ะ!
ศีรษะของหญิงสาวราวกับเยื่อกระดาษ ร่างเธอสั่นสะท้าน ก่อนจะล้มตัวลง
เมื่อคนแรกเปิด คนอื่นๆก็เริ่มลงมือบ้าง เพียงครู่เดียว ในลานกว้างที่มีคนอยู่กว่าหลายร้อยคน ก็เหลืออยู่แค่ 100 คน ซึ่งเป็นตระกูลซงจริงๆ …