โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 361
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.361 – ชาตงถูกทำลาย
ร่างทดสอบ อย่างน้อยก็ต้องได้รับการทดลองอย่างถูกต้อง ถึงจะสามารถเกิดการกลายพันธุ์ได้สิ?
แต่ตอนนี้ พวกเขากลับไม่มีสัญญาณแจ้งเตือนล่วงหน้าใดๆเลย จู่ๆทั้งหมดก็กลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดซะอย่างงั้น
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน!” ฉินเฟิงกล่าวเสียงหม่น เขาไม่รู้จริงๆว่าคนเหล่านี้กลายพันธุ์ได้อย่างไร แต่ฉินเฟิงรู้ ว่าใครคือต้นเหตุของหายนะในตอนนี้
–โกวเกิง! สมาชิกขององค์กร Z เป็นเขาอย่างแน่นอน!
ในตอนนั้นเอง ฉินเฟิงกับเฉินเซี่ยงพลันรู้สึกได้ถึงคลื่นแรงกดดันอันน่าสะพรึงกวาดเข้ามา
“อา อาอา อา อาาาาา”
เสียงโหยหวนลากยาวอึกทึก คล้ายกำลังร่ำร้องอย่างไม่ยินยอมรับความจริง
ฉินเฟิงกับเฉินเซี่ยงมองออกไปยังทิศทางที่แรงกดดันส่งผ่านออกมา
พริบตาเดียวก็พบกับรอยแยกบนตัวอาคาร และร่างอันน่าพรั่นพรึงที่ยืนอยู่เบื้องหลังมัน
ร่างดังกล่าว กำลังขยับขยาย ระหว่างที่กำลังมอง มันก็ยังคงขยายขึ้น ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
น่าหวาดหวั่นสุดแสน
อาคารในปราการชาตง ส่วนใหญ่แล้วจะมีหกชั้น ความสูงจากพื้นดินก็ราวๆ 20 เมตร นี่ถือว่าสูงใหญ่แล้วใช่ไหม ทว่า ร่างใหญ่โตที่ปรากฏขึ้นในตอนนี้ กลับขยายตัวจนลอยเหนือตึกรามกว่าครึ่งเท่า หัวของมันใหญ่โตน่าเกลียด ชวนให้ผู้คนรู้สึกขยาดอย่างหาที่ใดเปรียบ
“นั่นหูเหลียงไม่ใช่หรือ!” เฉินเซี่ยงตะลึงงัน
มิผิด ร่างอันใหญ่โตเบื้องหน้านี้ ใบหน้าของมันคือหูเหลียง แต่กายมนุษย์กลับสูงใหญ่ถึง 30 เมตร ก็ลองจินตนาการดูเอาเถอะ ว่าน่าหวาดกลัวแค่ไหน
ในจังหวะนั้นเอง หัวใจของฉินเฟิงพลันกระตุกวูบ
“อันตราย!”
ไม่มีเวลามากพอจะอธิบาย ไป๋หลีโฉบกายมายืนหยัดอยู่เบื้องหน้าฉินเฟิงและเฉินเซี่ยงสะบัดมือออก ประกายแสงสีเงินกระพริบไหว
แสงสีเงินนี้โปร่งใส แต่ยังสามารถมองเห็นทุกสิ่งภายนอกได้อย่างชัดเจน ทว่าภายในกับภายนอก มิอาจรุกล้ำเข้าหากันและกันได้
เสี้ยววินาทีต่อมา ร่างอันใหญ่โตของหูเหลียงในสายตาของฉินเฟิง ก็พลันตัวแตก เกิดการระเบิดออก
ฉากเบื้องหน้ากลายเป็นพร่ามัว ทว่าไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ เนื่องจากมีพื้นที่มิติคอยขวางกั้น
แรงระเบิดมหาศาล กวาดทำลายตึกรามในชาตงจนราบเป็นหน้ากลอง อาคารต่างๆพังทลายลงด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า
ทุกสิ่งอย่างล่มสลายลงทันที
พลังงานแพร่กระจายออกมา โถมเข้าปกคลุมฉินเฟิง กวาดเข้าใส่มนุษย์กลายพันธุ์เลเวล G ที่เพิ่งถูกสังหารไป ทุกสิ่งอย่างรอบตัวพวกเขาหายวับ กลายเป็นเพียงเถ้าถ่าน
ณ ศูนย์กลางของปราการชาตง ราวกับถูกโจมตีด้วยปืนใหญ่ทำลายล้าง ไม่สิ อานุภาพของมันเหมือนจะรุนแรงยิ่งกว่าปืนใหญ่ทำลายล้างเสียอีก
เพียงครู่เดียว ปราการชาตงก็ไม่มีอยู่อีกต่อไป
ฉินเฟิงเบิกตากว้าง จ้อมองฉากทั้งหมดที่เกิดขึ้น
ในความทรงจำของเขา การล่มสลายของปราการชาตง ในที่สุดก็ค้นพบถึงสาเหตุของมันแล้ว
แรงระเบิดรุนแรงเช่นนี้ จะไปมีผู้รอดชีวิตเหลืออยู่ได้อย่างไร!
แต่แน่นอน นี่ไม่ใช่ยุคของผู้อ่อนแอ อย่างน้อยผู้ใช้พลังเลเวล D หรือคนที่อยู่ในที่ปลอดภัยก่อนแล้ว ก็ยังสามารถรอดชีวิตมาได้
สองมือของไป๋หลีบรรจบเข้าหากัน แสงสีเงินถูกเรียกกลับคืน
วูบบบบ!
คลื่นไอร้อนที่ยังหลงเหลือจากภายนอกตีเข้าแสกหน้าทั้งสามทันที
ขณะเดียวกัน ร่างของเกาลี่ที่ล้มลงกับพื้นดิน ก็เริ่มสะอื้นครวญคราง และค่อยๆหดตัวลง
ไม่นาน เกาลี่ก็กลับคืนสู่รูปลักษณ์ของมนุษย์ แต่ก็ตกอยู่ในสภาพโคม่า แทบไม่ได้สติ
“ถึงจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่หยุดอยู่เฉยๆในที่แบบนี้ไม่ใช่เรื่องดี พวกเราไปหาที่ซ่อนกันก่อนเถอะ” เฉินเซี่ยงแม้เกิดข้อสงสัย แต่เขารู้สึกอันตรายมากกว่า
เจ้าตัวเร่งจัดกระดูกแขนขาที่ถูกหักของเกาลี่ จากนั้นใช้อบิลิตี้ดินทำเป็นเปล ต่อด้วยพลังสมาธิยกให้ลอยขึ้นเตรียมจากไป
“นั่นสินะ” ฉินเฟิงพยักหน้าเห็นด้วย
ในระหว่างนั้นเอง เสียงบนอุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิงก็ดังขึ้น
ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด!
ภายในปราการชาตง ผู้คนที่ยังรอดจากภัยพิบัติเมื่อครู่ ต่างก็ได้รับข้อความนี้
“ยังมีใครรอดชีวิตอยู่อีกไหม?”
ผู้ที่ส่งมา คือหยานฟาง
ฉินเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย
แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร ภายในตัวอาคารที่เพิ่งถล่มลงก่อนหน้านี้ ซากปรักหักพังของมันเริ่มสั่นไหวอีกครั้ง จากนั้น งูเหลือมยักษ์ก็เลื้อยออกมา
และเฉพาะตรงส่วนครึ่งบนของมัน ยังคงไว้ซึ่งแขนและใบหน้าของมนุษย์
ฉินเฟิงเองก็รู้จักชายคนนี้
–ผู้พันหยาง!
เขาคือคนที่ชื่นชมโหวหยางเจียว เจ้าตัวกำลังไล่ตามจีบเธอ เลยเพ่งเล็งฉินเฟิงด้วยความไม่พอใจ
ดวงตาของเขาเวลานี้กลายเป็นตั้งตรง เหมือนกับดวงตาของอสรพิษ ชวนให้ผู้มองรู้สึกหวาดกลัว ระหว่างเลื้อยคลานออกมาจากซากปรักหักพัง ก็แลบลิ้นสองเฉก คล้ายพยายามรับรสในอากาศ
ต่อมา ศีรษะของเขาก็หันขวับ! สายตาล็อคลงบนตัวฉินเฟิงทันที
ทว่าวินาทีต่อมา ผู้พันหยางกลับหันหัวไปอีกทาง สะบัดหางเลื้อยหนีไปอย่างน่าฉงน
ฟู่ว …
เฉินเซี่ยงผ่อนลมหายใจ
“นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกัน!”
คาดเดาไม่ได้เลย ว่าจะมีอะไรที่น่าหวาดกลัวกว่านี้เกิดขึ้นอีกไหม
ดังนั้น คงต้องเร่งหาพรรคพวก เกาะกลุ่มกันไว้ จะได้ปลอดภัยกว่า
เฉินเซี่ยงก้มหน้าลง ส่งข้อความผ่านอุปกรณ์สื่อสาร
“ยังมีคนอื่นอยู่”
“ฉันอยู่ที่นี่!”
“เจ็บโว้ย ช่วยฉันด้วย!”
“ใครพอจะรู้บ้าง เมื่อครู่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ”
ในคลื่นความถี่นี้ของปราการชาตง มีเฉพาะผู้ใช้พลังเลเวล D เท่านั้นที่สามารถใช้งานได้ หลังจากหยานฟางส่งข้อความออกไป ก็มีอีกเกือบ 20 คนตอบรับ
อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมนะว่าในชาตงมีผู้ใช้พลังเลเวล D ประจำการอยู่ถึง 200 คน
แต่ตอบกลับมาแค่นี้ มันชวนให้อดคิดไม่ได้จริงๆว่า–
–แล้วคนอื่นๆเล่า? คนที่เหลือหายไปไหนหมด อย่าบอกนะว่า…
“ถึงฉันจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทุกคนที่ตอบกลับมา น่าจะยังไม่ใครกลายพันธุ์ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย ทุกคนมารวมตัวกันก่อนเถอะ คนยิ่งเยอะยิ่งปลอดภัย!” หยานฟางกล่าว
ระหว่างนั้นเอง อุปกรณ์สื่อสารอีกคลื่นความถี่หนึ่งของฉินเฟิงก็ดังขึ้น
“มิสเตอร์ฉิน คุณโอเครึเปล่า? ไม่ – ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ไม่คิดเลยว่าคนที่โทรมาจะเป็นหานน่วน!
“ผมสบายดี แล้วคุณล่ะ” ฉินเฟิงนึกไม่ถึงเลย ว่าเลเวล E อย่างหานน่วนจะสามารถรอดชีวิตมาได้
“พอดีฉันกับคนของตระกูลผู้ใช้วรยุทธโบราณอยู่ในที่เดียวกันน่ะ พวกเราเลยไม่เป็นไร”
อ้อจริงสิ หานน่วนกำลังเจรจากับพวกคนจากสามตระกูลอยู่นี่นา แม้ตระกูลหยางจะจ่ายเงินมาแล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังไม่จากไปในทันที
ด้วยเหตุนี้ หานน่วนที่อยู่กับอีกฝ่ายเลยปลอดภัย
“ผมจะไปหาคุณ อย่าเพิ่งไปไหนนะ” ฉินเฟิงกล่าว
“เข้าใจแล้ว ขอบคุณมิสเตอร์ฉิน!” หานน่วนเร่งรับคำ
ฉินเฟิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังเฉินเซี่ยง
“คุณจะไปสมทบกับหยานฟาง หรือมากับผม?”
เฉิเนซี่ยงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับคำถามนี้ “น้องชายฉิน เวลานี้ อยู่รวมกันจะเป็นการดีกว่า”
ทว่าฉินเฟิงกลับส่ายหัว “สถานการณ์ในปัจจุบันค่อนข้างซับซ้อนเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าทุกคนเกิดการกลายพันธุ์ ฉะนั้น หากอยู่ร่วมกันกับคนหมู่มาก ก็มีโอกาสที่คนอื่นๆอาจกลายพันธุ์แล้วทำร้ายกันได้”
เฉินเซี่ยงพยักหน้า “นั่นก็จริง”
“แล้วอีกอย่าง … ” ฉินเฟิงหยุดพูดชั่วคราว ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผมไม่ไว้ใจหยานฟาง!”
ข้อนี้แหละสำคัญที่สุด
เฉินเซี่ยงผงะตกใจ และพอลองได้คิดดูดีๆ เขาก็ได้ข้อสรุปว่าการติดตามฉินเฟิงนั้นปลอดภัยกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“เข้าใจแล้ว ฉันจะไปกับนาย”
“งั้นรีบเดินเถอะ”
ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังทิศทางของหานน่วน จะยังไงก็ตาม เธอก็เป็นหนึ่งในลูกน้องของเขา ไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยให้ตาย และด้วยความแข็งแกร่งของฉินเฟิง ไม่ต้องกล่าวถึงสัตว์กลายพันธุ์เลเวล D ต่อให้เป็นเลเวล C เขาก็สามารถสู้ได้!
ตำแหน่งที่หานน่วนอยู่ จำเป็นต้องเดินผ่านซากปรักหักพังที่หูเหลียงเคยระเบิดตัวแตกมาก่อน และเมื่อทั้งสองมองลงไปยังมัน ก็พบกับภาพสยองขวัญจากแรงระเบิด
ปรากกฏว่าตรงจุดนี้ มีทรายจำนวนมากที่กลายสภาพ ตกผลึกเป็นหิน
“นี่มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน!”
เฉินเซี่ยงไม่อาจทำความเข้าใจได้ และเหมือนเขาจะยังไม่รู้ตัว ว่าตนพูดไอ้คำเกิดอะไรขึ้นๆบ้าๆนี่ซ้ำๆกันเป็นครั้งที่ 5 แล้วในค่ำคืนนี้!