โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 380
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.380 – มังกรไฟย่าหลง
เขาเพิ่งได้รับประสบการณ์สาวงามลอบวางยาพิษมาหมาดๆ ก่อนหน้านี้หากเรียกปราณกำลังภายในออกมาไม่ทันคงจบสิ้น แล้วจะให้ต้องมารับมือกับพวกเธออีกหรือ?
ไม่ล่ะ ฉินเฟิงขอปฏิเสธ เขาคร้านเกินกว่าจะนำเรื่องวุ่นวายมาเก็บใส่หัว
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ฉินเฟิงมิใช่คนตะกละตะกลาม หากไม่จำเป็นหรือสามารถสร้างประโยชน์ต่อกันและกันได้จริงๆ เขาไม่ค่อยอยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวสักเท่าไหร่
บาร์ในเมืองรุ่งอรุณเต็มไปด้วยชีวิตชีวา มันก็เหมือนกับคลับน้ำพุร้อนของปราการชาตง
แนวหน้าน่ะคือสถานที่เสี่ยงชีวิต หากมีเวลาทุกคนก็พร้อมมีความสุข เพราะใครจะรู้ … ความตายอาจมาเยือนเมื่อใดก็ได้
เวลานี้ สาวสวยร้อนแรงในชุดบิกินี่ กำลังเดินบิดตัวพริ้วมายังโต๊ะของฉินเฟิง พร้อมกับแก้วสองใบในมือ
“มาเถอะสหาย ถึงเรื่องต่อสู้ฉันจะเทียบนายไม่ได้ แต่เรื่องดื่มนี่ไม่มีทางแพ้แน่นอน นี่คือเบียร์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองรุ่งอรุณเรา มันถูกหมักอ่อนๆด้วยข้าวบาร์เลย์กลายพันธุ์”
แน่นอน ดีกรีแอลกอฮอล์ของมันย่อมสูงกว่าเบียร์ธรรมดา บางทีอาจจะแรงกว่าเหล้าด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงสามารถใช้กำลังภายในลดทอนความแรงของมันได้ ดังนั้นสามารถดื่มได้มากกว่าคนอื่นๆ ไม่ต้องแข่งก็รู้ว่าเขาชนะ!
“อะไรที่รู้ผลตั้งแต่แรกแล้วน่ะ มันไม่จำเป็นต้องแข่งหรอก” ฉินเฟิงเผยรอยยิ้มจาง
“เจ้าหนู นี่นายกำลังยั่วโมโหฉันอยู่ใช่ไหม” เห็นได้ชัดว่าไคลินมิใช่คนที่ยอมรับความพ่ายแพ้
ฉินเฟิงถอนหายใจกล่าว “งั้นพวกเรามาเดิมพันกันสักหน่อยไหม? ใครแพ้ก็ต้องทำตามคำขอของผู้ชนะ”
“จัดมา ถ้านายแพ้ ขอให้ถอดเสื้อผ้า แล้ววิ่งออกจากร้านแบบตัวเปล่า!”
“เหอๆ ผมคงไม่มีวันทำแบบนั้น ถ้านายพลไคลินแพ้ ดอกไม้หยาดน้ำตาทั้งหมดในเมืองรุ่งอรุณ จะต้องขายให้ผม!”
ไคลินพอได้ยินคำว่า ‘ขาย’ ก็ไม่เสียเวลาคิด เพราะอย่างไรนี่ถือเป็นธุรกิจ
เมื่อไร้ซึ่งแรงกดดัน ไคลินก็หัวเราะออกมาทันที
“ตกลง นั่นมันแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น!”
ไคลินกระทั่งคิดว่า บางทีนี่อาจเป็นลูกค้ารายใหญ่ ไว้ดื่มกันให้หนำใจ แล้วค่อยพูดกับฉินเฟิงอีกทีก็ได้
“เอ้าชน”
“ชน”
แก้วใบใหญ่ชนกันดังแก๊ง! ฉินเฟิงกระดกเบียร์ทั้งแก้ว กลืนลงสู่กระเพาะในคราวเดียว สีหน้าของเขาไร้ซึ่งการเปลี่ยนแปลง
อย่างรวดเร็ว ในท้องของเขาก็เริ่มร้อนขึ้น ฤทธิ์แอลกอฮอล์คล้ายทะยานขึ้นมาถึงหัวของเขา
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงเพียงยิ้มจาง หมุนวนกำลังภายใน สลายฤทธิ์แอลกอฮอล์ทั้งหมดไปทันที
แน่นอน เครื่องดื่มนี่น่าจะไม่ใช่ถูกๆ วัตถุดิบที่ใช้ทำอย่างน้อยก็เป็นของแท้
ถึงจะน่าเสียดายที่ไม่ได้ดื่มด่ำไปกับรสชาติของมัน แต่เพื่อดอกไม้หยาดน้ำตาคงต้องยอม อีกอย่างนี่ไม่ใช่เงินเขาสักหน่อย
พลังงานจากเบียร์ถูกดูดซับโดยฉินเฟิง ฤทธิ์แอลกอฮอล์สลายไป
“มาอีกแก้ว!”
“ยกรวดเดียวอีกที!”
ทั้งสองชนแก้วกันอยู่หลายครั้ง ฉินเฟิงสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง แต่ไคลินทั้งหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว
ดีกรีของเบียร์นี่ ไม่ต่ำเลยจริงๆ
ผู้คนโดยรอบเริ่มหันมาให้ความสนใจกับเรื่องน่าสนุก เริ่มส่งเสียงและปรบมือ
“มาอีกแก้ว!”
“อีกแก้ว!”
เบียร์กระดกซดติดต่อกันถึงเจ็ดแก้วในไม่กี่ลมหายใจ ตอนนี้ต่อให้เป็นไคลินก็เริ่มหน้าเปลี่ยนสี
ต้องรู้นะว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไคลินดื่มเบียร์นี้ เขามักมาฉลองเป็นประจำ ดังนั้นเบียร์ในมือ ก็ไม่ต่างจากการดื่มน้ำเปล่า .. หากเป็นคนปกติคงล้มฟุบไปแล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้ไคลินและคนอื่นๆต้องประหลาดใจก็คือ สีหน้าของฉินเฟิงกลับไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย ไร้ซึ่งร่องรอยใดๆของความมึนเมา
“พวกเรายังจะต่อกันอีกไหม?” ฉินเฟิงถาม
ไคลินต้องการจะยกแก้วเบียร์ขึ้น แต่วินาทีต่อมา เขาก็กุมท้องของตนเอง ปากอ้าร้องตะโกน “ห้องน้ำ! ฉันขอไปปลดทุกข์ก่อน!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
ผู้คนรอบๆระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
สำหรับที่นี่ มันไม่มีความแตกต่างอย่างใครระดับสูงหรือต่ำ ต่อให้อีกฝ่ายเป็นเลเวล D แต่เลเวลอื่นๆก็ยังกล้าที่จะหัวเราะ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ทุกคนมาที่นี่ก็เพื่อความบันเทิง
ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มสาวงามก็เริ่มมามุงดูรอบๆ ด้วยการปรากฏกายของคนต่างชาติพันธุ์อย่างฉินเฟิง พวกเธอเลยเกิดความสนใจขึ้นมา
“มิสเตอร์ สนใจร่วมใช้เวลาดีๆกับฉันทั้งคืนไหม?”
ฉินเฟิงโยนถุงกระเป๋าสีดำใบเล็กสวนไปทันที “อยู่ให้ห่างผม และช่วยกันไม่ให้คนอื่นเข้ามาใกล้ด้วย”
หญิงสาวเลียริมฝีปากของเธอด้วยความเสียดาย เปิดถุงกระเป๋าใบเล็กและก้มดูมัน ภายในปรากฏแสงสว่างสะท้อนออกมา เป็นเหรียญพลังงานทรงขนาด 1 ลูกบาศก์ที่พรั่งพราว
“ไม่มีปัญหา ฉันจะจัดการให้เอง”
หญิงสาวส่งเสียงเรียกนักเลงหลายคนมาทันที ยัดเงินใส่ในมือของพวกเขา คนเหล่านี้เดินมาล้อมรอบโต๊ะของฉินเฟิง ขัดขวางผู้อื่นมิให้เข้าใกล้
ไม่นาน ไคลินก็เดินโซซัดโซเซกลับมา และเริ่มดื่มกับฉินเฟิงต่อ อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงปฏิเสธเขา
“คุณแพ้แล้วท่านนายพล อย่าลืมข้อตกลงของพวกเรา”
“วางใจเหอะน่า พรุ่งนี้ฉันจะพานายไปเอง”
ฉินเฟิงพยักหน้าด้วยความพอใจ “งั้นผมขอตัวกลับก่อน”
ก่อนไป ฉินเฟิงหยิบอุปกรณ์สื่อสารที่ขโมยมาจากชายที่เขาสังหารก่อนหน้านี้ขึ้นมา และเพิ่มหมายเลขของไคลิน ต่อไปจะได้ติดต่อกันได้ง่ายๆ
ฉินเฟิงออกจากบาร์ เดินผ่านแสงสลัวยามค่ำคืน มองหาโรงแรมสักแห่งเพื่อพักผ่อน
ในโรงแรมเขาไม่ได้มีอะไรให้ทำมากมาย ไป๋หลีก็ไม่มีให้กอด สุดท้ายตัดสินใจฝึกฝน ฉินเฟิงนั่งขวาทับซ้ายลงบนเตียง และหลับตาลง
เบื้องหน้าเขา หยกสามเหลี่ยมทรงคว่ำปรากฏขึ้นกลางอากาศ พลังสมาธิปกคลุมลงบนมัน
ปัจจุบัน พลังสมาธิของฉินเฟิงเพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการฝึกฝนหนทางสู่เจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ ช่วงเวลาส่วนใหญ่ที่ฉินเฟิงสามารถฝึกฝนได้ ถูกนำมาทุ่มเทกับสิ่งนี้
พลังสมาธิขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง มันเข้าไปยังหนทางสู่เจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ และกลับมายังจิตสำนึกของฉินเฟิง หรืออาจกล่าวได้ว่า หนทางสู่เจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ช่วยกลั่นกรองพลังสมาธิ ให้ฉินเฟิงสามารถควบคุมมันได้แม่นยำมากขึ้นก็ได้
ฟู่ว!
ฉินเฟิงลืมตา ขณะเดียวกันก็เก็บหนทางสู่เจตจำนงศักดิ์สิทธิ์กลับคืน
พลังสมาธิของเขายกระดับก้าวกระโดดในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากเขาได้สังหารราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล D ไปมากมาย และตราบใดที่ราชันย์สัตว์ร้ายมีแก่นอบิลิตี้ พลังสมาธิของฉินเฟิงก็จะเพิ่มพูนขึ้นอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง
และหนทางสู่เจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ มันคือตัวการที่ช่วยให้เขารู้แจ้ง ถึงวิธีการควบคุมพลังสมาธิระดับสูงเหล่านั้น
เวลานี้ พลังสมาธิของฉินเฟิงกวาดกระจายออกไป ทันใดนั้นมันพลันกวาดถูกสิ่งมีชีวิตหนึ่งอย่างกะทันหัน
และช่วงเวลาเดียวกันกับที่เขารับรู้ถึงมัน เสียงไซเรนของเมืองรุ่งอรุณก็ดังขึ้นทันใด
“ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด! แจ้งเตือน แจ้งเตือน สิ่งมีชีวิตระดับราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล D ปรากฏตัวขึ้น ”
ผู้คนที่กำลังนอนหลับ สะดุ้งตื่นขึ้นทันใด วิ่งวุ่นไปหาที่ปลอดภัยเข้าหลบซ่อน
ฉินเฟิงพักอยู่บนชั้นหกของโรงแรม ดีดตัวตรงไปยังหน้าต่าง แหงนมองออกไป ปรากฏร่างสีแดงเพลิงขึ้นบนเส้นขอบฟ้า
สิ่งมีชีวิตดังกล่าว ต่อให้ฉินเฟิงไม่มีความสามารถในการมองเห็นยามค่ำคืน เขาก็ยังสามารถระบุตัวตนของมันได้อย่างชัดเจน
ไม่คาดฝันเลย ว่าสัตว์ร้ายบนน่านฟ้าจะเป็นมังกรย่าหลง!
มังกรย่าหลง เป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปในฟากฝั่งตะวันตก มังกรดุร้ายตัวนี้ หากมองอีกมุมนึง มันคล้ายกับกิ้งก่าติดปีกขนาดใหญ่
ทุกคนแทบกลั้นหายใจ มิกล้าส่งเสียง แอบหวังว่ามังกรตนนี้จะบินผ่านไปแต่โดยดี
แต่บ่อยครั้งที่สิ่งต่างๆมักจะไม่เป็นไปอย่างที่ผู้คนต้องการ มังกรย่าหลงสังเกตเห็นต้นไม้สูงตระหง่านอย่างรวดเร็ว ในสมองมันคิดว่านี่เป็นสถานที่ที่ดี เลยตั้งใจจะหยุดแวะพักผ่อน
แต่กระนั้น กลับปรากฏโล่พลังงานขัดขวางมัน ปิดกั้นจากภายในมิให้เข้าไป
ระยะห่างยิ่งใกล้ขึ้น ผู้คนในเมืองก็ยิ่งเห็นถึงรูปลักษณ์อันน่าหวาดผวาของมังกร
มันมีขนาดยาวกว่า 50 เมตร สูงราวๆ 20 เมตร ลำตัวสีแดงเพลิง หากให้มันยืน คาดว่าน่าจะสูงถึงตึก 6 ชั้น! ขณะนี้มันบินอยู่เหนือท้องฟ้าของเมืองรุ่งอรุณ บดบังแสงจากพระจันทร์ที่สาดส่องลงมา
“ก๊าซซซซ!”
มังกรย่าหลงเสียงคำรามกราดเกรี้ยว กระทั่งโล่พลังงานยังสั่นสะเทือน คลื่นเสียงแทรกผ่านเข้ามา กวาดไปทั่วทั้งเมือง คนธรรมดาทั่วไปถูกเสียงนี้เจาะทะลุแก้วหู เลือดไหลซิบออกมา
จะน่าสะพรึงเกินไปแล้ว!
แต่สิ่งที่น่าสะพรึงยิ่งกว่า คือสิ่งที่ตามมาต่อจากนี้!
มังกรยักษ์ร่อนลดกระแทกเข้าโล่พลังงาน ด้วยพละกำลังกายมหาศาลตามขนาดตัวของมัน ก็มากพอแล้วที่จะบดขยี้โล่พลังงาน
“พร้อมยิงลำแสงขนาดใหญ่รึยัง!”
“พร้อมแล้วครับท่าน”
“งั้นมัวรออะไรอยู่ ยิงได้!”
“ยิง!”
“ยิง!”
“ยิง!”
ปืนใหญ่พลังงานเสียเวลาเล็กน้อยในการปรับทิศทาง ไม่นานก็ระเบิดอานุภาพออกมา หลากเส้นแสงพรั่งพราวพุ่งเข้าหามังกรย่าหลง ส่งเสียงระเบิดกระหึ่ม
บรึ้มมมม!
ลำแสงข้ามผ่านผืนฟ้าในยามค่ำคืน ยิงตกลงบนร่างของย่าหลงโดยตรง
“ฮู้มมมมมมม!”
มังกรย่าหลงเจ็บปวดจากการถูกโจมตีอย่างเห็นได้ชัด ทว่ายามเมื่อเปลวไฟจากแรงระเบิดจางหาย บนร่างของมันกลับปรากฏแค่รอยไหม้เกรียมเท่านั้น ดูเหมือนว่าจะได้รับบาดเจ็บแค่ภายนอก แต่อวัยวะภายในไม่เสียหาย