โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 389
3/4
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.389 – ก่อตั้งกองกำลังทหารรับจ้าง
“ทางพันธมิตรมนุษยชาติได้ส่งคำสั่งลงมา ว่าให้ยกเลิกประกาศวิกฤตของปราการชาตง ภารกิจของพวกคุณในที่นี้ จะถูกเพิกถอน ไม่ได้รับสิทธิพิเศษใดๆอีกต่อไป”
คำพูดของฉินเฟิงดังฟังชัด เปี่ยมไปด้วยพลัง หลังจบประโยค สายตาของเขาก็กวาดมองไปยังฝูงชน
บรรดาผู้ใช้พลังเลเวล D แม้จะเตรียมใจเอาไว้แล้ว ก็ยังอดส่งเสียงฮือฮากับคำสั่งนี้ไม่ได้
“นายพลฉิน ฝูงสัตว์ร้ายในทะเลทรายทะเลเหนือยังไม่ถูกกำจัดจนหมดสิ้น นี่มันก็เพิ่งผ่านไปได้เดือนกว่าเท่านั้นเอง พวกเขาจะสะเพร่าเกินไปแล้ว”
“ใช่ จะให้พวกเราจากไปงั้นหรือ? ถ้าในกรณีที่เกิดกองทัพสัตว์ร้ายบุกเข้ามาเล่า อย่าบอกนะว่าปราการชาตงที่ไม่มีพวกเราจะหยุดมันได้ เรื่องนี้อาจส่งผลกระทับร้ายแรงต่อสี่เมืองทะเลเหนือ”
“แล้วพวกเราเล่า? จะเป็นยังไงต่อ … ”
หนึ่งในผู้ใช้พลังที่ถูกทำให้กลายพันธุ์โดยองค์กร Z เอ่ยปากขึ้น
พริบตานั้น โถงประชุมพลันเงียบสงบลง
ในบรรดาเลเวล D ในที่นี้ คนที่ไม่โดนวางยายีนกลายพันธุ์ตั้งแต่แรก หรือคนที่กลายพันธุ์แล้วไม่เกิดปัญหา มีแค่ 20 คนเท่านั้น
และมีอีก 10 คนที่เกาหยูคังส่งมา
ในตอนแรก ทัศนคติของพันธมิตรมนุษยชาติที่มีต่อมนุษย์กลายพันธุ์ทั้ง 60 คนที่เหลือรอดมาได้ คือการเฝ้าสังเกตชั่วคราว โดยอาศัยแพทย์รักษาร่างกายของพวกเขา แม้ในช่วงที่ผ่านมา จะไม่มีใครเกิดการกลายพันธุ์ขึ้นอีกก็ตาม แต่พอคำสั่งนี้ถูกส่งลงมา พวกเขาจะยังจำเป็นอยู่อีกหรือ?
ฉินเฟิง “ปราการชาตงยังยินดีต้อนรับทุกคนให้ร่วมสู้ไปด้วยกันต่อไป ผมจะจัดสรรตามความเหมาะสม และแน่นอน ผมต้องไปยังสมรภูมิหลงฉวน ดังนั้น หากมีใครอยากจะสู้ศึกอีกครั้ง สามารถมากับผมได้”
ถึงจุดนี้ ฝูงชนตกตะลึง
ท่ามกลางฝูงชน ชายคนหนึ่งขบคิด ก่อนเอ่ยปากว่า “นายพลฉิน คำพูดนั่นหมายความว่าอะไร? คุณต้องการให้พวกเราร่วมมือ? หรือว่า … ”
คนที่เอ่ยออกมา คือเกาลี่
แม้เขาจะเอ่ยไม่จบประโยค แต่ฉินเฟิงสามารถตระหนักได้ว่าที่เหลือคืออะไร
“ผมจะก่อตั้งกองกำลังทหารรับจ้างชั่วคราว และอาจเลื่อนขั้นเป็นกลุ่มองค์กรในอนาคต โดยมีผมเป็นหัวหน้า ใครที่อยากมีส่วนร่วม สามารบอกกับผมได้ หรือใครที่ยังต้องการพักอยู่ในปราการชาตง พวกคุณก็ยังสามารถเข้าร่วมกับกองกำลังทหารรับจ้างนี้ได้เช่นกัน ผมจะเป็นคนจ่ายเงินเดือนให้เอง”
เวลานี้ ผู้คนได้ยินคำยืนยันของฉินเฟิงอย่างชัดเจน
ความหมายของเขาก็คือ นี่ไม่ใช่แค่การร่วมมือ แต่เป็นการร่วมกองกำลังกัน กลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา!
ยังไงก็ตาม สามารถกล่าวได้ว่าคนเลเวลเดียวกัน เป็นการยากนักที่จะยอมเป็นลูกน้องคนอื่น
เช่นเดียวกับหยานฟาง แม้เจ้าตัวจะเป็นถึงเลเวล D8 แต่ตอนแรกเขาทำได้แค่ก่อตั้งพันธมิตรอิสระขึ้นเท่านั้น ระหว่างปฏิบัติงานร่วมกันก็คอยหาโอกาสหว่านล้อมดึงคน ทว่าสุดท้ายเลเวล D ที่ยอมเป็นลูกน้องเขาจริงๆ มีแค่ 3 – 5 คนเท่านั้น
แต่ในที่นี้ มีเลเวล D มารวมตัวกันมากกว่า 90 คน หากไม่นับลูกน้องของเกาหยูคัง 10 คนแล้ว ยังเหลือคนอีกมากมายที่สามารถเข้าร่วมกับฉินเฟิงได้
แต่ประเด็นสำคัญก็คือ ปัจจุบันฉินเฟิงมีเลเวลอยู่ที่ D4
หากต้องการให้เป็นลูกน้องจริงๆ พวกเขาสู้ติดตามเลเวล C อย่างเกาหยูคังไม่ดีกว่าหรอ!
ยังไงก็ตาม คนเหล่านี้เองก็ทราบเช่นกัน ว่าหากติดตามฉินเฟิงตอนนี้ เมื่อไหร่ที่ฉินเฟิงก้าวไปถึงเลเวล C ทุกอย่างจะแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง
ติดตามรับใช้มังกร เป็นผู้ร่วมก่อตั้งตั้งแต่แรก กับการสมัครเข้าร่วมในภายหลัง ความรู้สึกมันแตกต่างกันอย่างมหาศาล!
ก็ดูอย่างซูซิงฝูที่กำลังช่วยฉินเฟิงจัดการเรื่องการเงินของปราการชาตงสิ แค่นี้ก็พออธิบายทั้งหมดแล้ว ตามที่พวกเขารู้มา ตอนแรกซูซิงฝูเป็นแค่รองหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนเลเวล F เท่านั้น แต่ตอนนี้ ไม่เพียงแข็งแกร่งขึ้น ไม่ว่าจะอำนาจ หรือการมีสิทธิมีเสียงก็สูงลิ่ว
“นายพลฉิน ฉันขอเข้าร่วมด้วย”
สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ เกาลี่ที่ซักไซ้ก่อนหน้านี้ เป็นคนแรกที่แสดงความภักดีออกมา
“นายพลฉิน ฉันเอาด้วย” เฉินเซี่ยงผุดลุกขึ้นจากที่นั่ง เอ่ยทำนองเดียวกัน
ทั้งสองคนถือว่ามีความสัมพันธ์ค่อนข้างดีกับฉินเฟิง
เมื่อเห็นทั้งสองคนเข้าร่วม ฝูงชนรอบข้างก็รู้สึกเสียใจที่ไม่เอ่ยปากก่อนเป็นคนแรก
สรุปแล้ว ในการประชุมครั้งนี้ มีผู้ตกลงเข้าร่วมกับฉินเฟิงทั้งสิ้นเกือบครึ่ง
แน่นอน ฉินเฟิงเป็นแค่เลเวล D4 เท่านั้น บางคนในที่นี้ยังมีเลเวลสูงกว่าซะอีก
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของฉินเฟิง ทุกคนล้วนตระหนักดี
บางที หากเทียบกับเกาหยูคังแล้ว อาจมีแนวโน้มมากกว่าด้วยซ้ำ!
อย่าลืมสิว่า ฉินเฟิงในปัจจุบัน อายุเพียง 17 ปีเท่านั้น
ครอบครองศักยภาพแสนยอดเยี่ยม อนาคตย่อมไร้ขีดจำกัด
“ตกลง ผมจะจัดแบ่งกำลังในภายหลัง ส่วนตอนนี้ขอประกาศ ว่าการประชุมสิ้นสุดลงแล้ว”
สำหรับปราการชาตง นี่อาจเป็นการประชุมใหญ่ที่สุด ครั้งสุดท้ายของเลเวล D!
ต่อจากนี้ไป ผู้คนในปราการชาตงก็จะเริ่มถูกถ่ายโอน เกรงว่าผู้คนนับหมื่น จะถูกอพยพมาที่นี่
และอีกเรื่องน่ายินดีก็คือ ภายในปราการชาตง ตลาดมืดแห่งที่สองของฉินเฟิง ได้เริ่มสร้างขึ้นแล้ว!
หลังสิ้นสุดการประชุม ฉินเฟิงก็ตรงไปยังตึกรับรองผู้ใช้พลัง
บุคลากรในโถง ใครบ้างเล่าจะไม่รู้จักฉินเฟิง? แต่พวกเขาไม่คิดเลยว่าฉินเฟิงจู่ๆจะมาเยือนอย่างกะทันหัน หรือว่านี่จะเป็นการตรวจสอบความเชื่อมั่นของประชากรในเมืองใช่หรือไม่?
“ท่านนายพลฉิน”
“ยินดีต้อนรับนายพลฉิน”
“นายพลฉินมีอะไรให้รับใช้”
แต่ละคน ก้าวเข้ามาทำความเคารพฉินเฟิง
“พวกคุณสองคนไปจัดการธุระของตัวเองเถอะ ผมแค่ต้องการจะก่อตั้งกองกำลังทหารรับจ้าง” ฉินเฟิงกล่าวกับเจ้าหน้าที่คนสุดท้าย
ชายคนนั้นแว่บแรกเห็นได้ชัดว่าตกใจ แต่สักพักเขาก็เริ่มตื่นเต้น
ฉินเฟิงต้องการสร้างกองกำลังทหารรับจ้างเป็นของตัวเอง! ทั้งยังจัดตั้งขึ้นที่นี่! เขามีลางสังหรณ์ว่า กองกำลังทหารรับจ้างนี้ จะมีชื่อเสียงก้องไปทั่วฟ้า ประสบความสำเร็จใหญ่ยิ่งอย่างแน่นอน!
แค่ไม่รู้ว่าข้อกำหนดในการเข้าร่วมกองกำลังทหารรับจ้างนี้คืออะไร
“ท่านนายพล ไม่ทราบว่าต้องการจดทะเบียนในชื่ออะไร”
“ทหารรับจ้างเฟิงหลี”
“รับทราบ ชื่อนี้สามารถลงทะเบียนได้ ฉันจะช่วยคุณเรื่องจัดการเอกสารเดี๋ยวนี้”
อย่างรวดเร็ว กองกำลังทหารรับจ้างประจำพันธมิตรมนุษยชาติของฉินเฟิงก็ถือกำเนิดขึ้น แน่นอน ว่าในทุกๆปี มีกองกำลังทหารรับจ้างมากมายยุบตัวลง อย่างไรก็ตาม กองกำลังทหารรับจ้างเฟิงหลี เห็นได้ชัดว่ามีประสิทธิภาพเป็นอย่างยิ่ง
เพราะแค่เริ่มจดทะเบียน ในกองกำลังก็มีผู้ใช้พลังเลเวล D กว่า 40 คนแล้ว กำลังรบของมัน เกือบเทียบได้เลยกับเลเวล C ระดับสามัญ หรือ ทีมผู้ใช้พลังเลเวล D นับ 10 ทีม
ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง!
สมมติว่าฉินเฟิงต้องการยกระดับขึ้นเป็นกลุ่มองค์กรในตอนนี้เลยก็ยังเป็นไปได้!
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงไม่ได้ทำเช่นนั้น เพราะกลุ่มองค์กรจำเป็นต้องมีอุตสาหกรรมเป็นของตนเอง –แม้อุตสาหกรรมในอนาคตของฉินเฟิงยังไม่เกิดขึ้น แต่ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าที่เขาสนใจทำ นั่นคืออาหาร!
ท่ามกลางยุคโลกาวินาศ สิ่งที่มีค่ามากที่สุด ย่อมไม่พ้นอาหาร!
หากไม่นับผู้ใช้พลังเลเวล D คนอื่นๆอย่างซูซิงฝู , หานน่วน , โจวฮ่าว หรือกระทั่งผู้บริหารของสถานชุมชนเฟิงหลี ทั้งหมดต่างเข้าร่วมกองกำลังนี้ จำนวนสมาชิกกองกำลังรวมๆแล้วมีทั้งสิ้น 60 คน
ซึ่งในบรรดาคนเหล่านี้ มีหลายคนที่ผ่านการกลายพันธุ์มาก่อน แม้พวกเขาจะรักษาตัวเองจนเริ่มหายดีแล้ว แต่พวกเขาก็เริ่มค้นพบถึงความผิดปกติในร่างกายตน เหมือนกับว่าจู่ๆ พวกเขาก็ไม่สามารถยกระดับต่อไปได้
กำลังภายในยังสามารถกักเก็บ แต่ร่างกายมิอาจวิวัฒ เนื่องจากมันถูกทำลายไปแล้ว
คนเหล่านี้รู้สึกหวาดกลัวมาก และฉินเฟิง คือฟางเส้นสุดท้ายของพวกเขา
แม้ต่อจากนี้จะไม่สามารถยกระดับได้ ทว่าหากมีฉินเฟิงคอยให้ร่มเงา อนาคตของพวกเขาคงไม่เลวร้ายจนเกินไป
ดังนั้น กองกำลังทหารรับจ้างของฉินเฟิง แม้จะเพิ่งก่อตั้งขึ้นเป็นวันแรก แต่ก็มีผู้ใช้พลังเลเวล D มากมายเข้าร่วม!
ฉากตรงหน้านี้ บางทีอาจคือความใฝ่ฝันที่หยานฟางปรารถนา!
ช่างน่าเสียดาย ที่ทั้งหมด ดันตกอยู่ในมือของคนอื่น
กลายเป็นฉินเฟิง ที่ได้หัวเราะเป็นคนสุดท้าย!
หลังจบกระบวนการก่อตั้ง ฉินเฟิงก็ไม่รั้งรอ เตรียมออกเดินทางไปยังสมรภูมิหลงฉวนทันที!