โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 4
Ch.4 – นักขูดรีดที่มีชื่อเสียง
Translator : Muntra / Author
ลง4 ตอน
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.4 – นักขูดรีดที่มีชื่อเสียง
เหรียญตราที่ติดอยู่บนหน้าอกของชายตรงหน้าเป็นรูปโลโก้ F1 ซึ่งหมายความว่าบุคคลคนนี้ มีความแข็งแกร่งมากกว่าโจวฮ่าวกับฉินเฟิงในปัจจุบันอย่างน้อย มากกว่า 10 เลเวล!
แน่นอน ว่าหากเทียบเปรียบกับฉินเฟิงในชีวิตก่อนหน้า เลเวลเพียงเท่านี้ไม่นับว่าเป็นสิ่งใด
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือไปจากโลโก้ เลเวล F แล้ว ชายตรงหน้ายังติดเหรียญตราของรองหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนอีกด้วย
หน่วยลาดตระเวน เป็นตัวแทนของความแข็งแกร่งในชุมชน ดังนั้นพวกฉินเฟิงจะทำเป็นละเลย ไม่สนใจอีกฝ่ายได้อย่างไร?
“ไม่ครับ! ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของฉินเฟิงต่างหาก!” โจวฮ่าวเห็นผู้ใหญ่จากหน่วยลาดตระเวนเข้ามาพูดคุยกับพวกเขา จึงไม่รีรอให้อีกฝ่ายสอบถามอะไรเพิ่มเติม พูดติดอ่างอธิบายออกไปทันที -เนื่องจากมันไม่ใช่ฝีมือตนจริงๆ เขาเลยไม่ต้องการรับความดีความชอบใดๆ
เป็นธรรมดาที่ชายตรงข้ามจะรู้ว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของฉินเฟิง เพราะกล้องวงจรปิดได้บอกแก่เขาแล้ว
“อย่างงั้นหรอ เธอชื่อฉินเฟิงใช่ไหม? ส่วนฉัน ฉันชื่อว่า ‘ซูซิงฝู’ เป็นรองหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนชุมชนประจำสาขาที่ 12 นี้!”
ฉินเฟิงพอได้ยินชื่อของอีกฝ่าย ก็อดเลิกคิ้วไม่ได้ทันที
ซูซิงฝู?
ชายคนนี้ … ดูเหมือนว่าในอีก 10 ปีต่อมาจะมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในฐานะพ่อค้านักขูดรีด ไม่คาดคิดเลย ว่าย้อนกลับมา 10 ปี แท้จริงแล้วเขาจะเป็นแค่รองหัวหน้าหน่วยลาดตระเวน
“สวัสดีครับ!” ฉินเฟิงพยักหน้า
ซูซิงฝูมองฉินเฟิงด้วยรอยยิ้ม ทว่าภายในแววตาของเขาบังเกิดแสงกระพริบไหว ปากเอ่ยกล่าวเบาๆ “ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือของเธอในครั้งนี้ ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง”
ในประโยคนี้ แปรได้อีกความหมายนึงก็คือ การที่ฉินเฟิงต่อสู้เอาชีวิตรอดนี้กลับกลายเป็นแค่เพียงการช่วยเหลือเท่านั้น!
รอยแยกมิติปรากฏขึ้น บังเกิดภัยคุกคามในสถานที่ชุมชน และฉินเฟิงเองก็มีส่วนร่วมในการระงับเหตุการณ์ดังกล่าว ดังนั้น กล่าวได้ว่าเขาควรจะได้รับรางวัลพิเศษบางอย่าง
ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องรางวัลที่ต้องเผชิญอันตรายจนเกือบตาย
“ในเมื่อพวกเราเป็นคนสู้ ถ้างั้นศพของพวกมันก็สมควรจะเป็นของเรา!”
ซูซิงฝูยังคงหัวเราะฮะฮ่า แต่ในใจบังเกิดความคิดเล็กน้อยว่า การแสดงออกของฉินเฟิงมันใช่สงบและไร้เยื่อใยเกินไปไหม?
“มันเป็นความจริงที่เธอสามารถฆ่าเขี้ยวทารกลงได้ เนื้อและฟันของพวกมันสามารถนำไปใช้เป็นวัสดุและขายได้เป็นเงินจำนวนหนึ่ง แต่เธอยังเด็กนัก จะให้นำพวกมันไป ‘ขายเพียงลำพัง’ อาจจะถูกกดราคาหรือโกงก็ได้ แบบนั้นมันคงจะไม่ดี ฉันว่ามอบพวกมันทั้งหมดให้ฉันช่วยจัดการจะดีกว่า”
ฉินเฟิงพอได้ยินประโยคของอีกฝ่าย ก็เผยรอยยิ้มเย็นทันที
หากที่ยืนอยู่ตรงจุดนี้ เป็นโจวฮ่าวเพียงลำพัง อีกฝ่ายก็อาจจะถูกโกงโดยซูซิงฝูไปแล้วก็ได้
เขารู้ดี ว่าแท้จริงแล้วฟันแหลมและเนื้อของเขี้ยวทารกน่ะไม่สามารถขายได้ราคาใดๆ ทว่าศพทั้งหมดสามารถนับเป็น ‘เครดิต’ ได้ นั่นหมายความว่า หากพวกเขาปล่อยให้ซูซิงฝูเป็นคนดำเนินการ เขี้ยวทารกที่ฉินเฟิงสังหารลงทั้งหมด จะกลายเป็นเครดิตของซูซิงฝูไปโดยปริยาย
ซึ่งเรื่องราวเกี่ยวกับเครดิตเหล่านี้ เป็นเรื่องที่ล่วงรู้กันเฉพาะภายใน เป็นการแลกเปลี่ยนลับ โลกในขณะนี้ ผู้ทรงพลังคือราชา ขณะที่ผู้ไร้ซึ่งพลังจะไม่มีอำนาจปากเสียงใดๆ
ฉินเฟิงไม่คิดอ้อมค้อม เปิดปากโดยตรง “งั้นมาแลกเปลี่ยนกัน ร่างศพทั้งแปดตัวนี้ ผมขอเปลี่ยนเป็นตัวยาเสริมความแข็งแกร่งเกรด G จำนวน 8 หลอด!”
พริบตานั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของซูซิงฝูพลันแข็งค้าง ในหัวใจเริ่มบังเกิดการตื่นตัว
ตัวยาเสริมความแข็งแกร่งเกรด G มีราคาแค่เพียง 10000 เหรียญต่อหลอด ซึ่งไม่นับว่าสูงอะไรมากมายนัก ทว่าสำหรับที่นี่ ในพื้นที่ชุมชน คนทั่วไปมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวแค่ราวๆ 1000 เหรียญเท่านั้น
ซึ่ง 8 ยาเสริมความแข็งแกร่ง มันเท่ากับเป็นจำนวนเงิน 80000 ! มากกว่ารายได้ต่อหัว 80 เท่า!!
ยังไงก็ตาม ซูซิงฝูน่ะเป็นเจ้าหน้าที่จากทางการ ดังนั้นราคาซื้อขายตัวยาจากภายใน มันจึงถูกกว่าราคาตลาดอยู่มากกว่าครึ่ง
สรุปแล้ว ซูซิงฝูจำต้องเสียเงินเป็นจำนวน 40000 เพื่อแลกกับเครดิตร่างศพเขี้ยวทารกของฉินเฟิง
… จู่ๆก็ถูกเสนอข้อแลกเปลี่ยนแบบนี้ เจ้าหนูนี่ใช่รู้ถึงความจริง หรือว่าเป็นเรื่องบังเอิญกันแน่นะ?
“วางใจเถอะ ‘การแลกเปลี่ยน’ ในครั้งนี้ คุณไม่เสียเปรียบเลยสักนิด!” ฉินเฟิงเสริมอีกประโยคหนึ่ง
และคำนี้เอง ที่ทำให้ซูซิงฝูจำต้องกลืนคำกล่าวที่คิดจะเอ่ยทดสอบอีกฝ่ายกลับลงไปในลำคอ
ไอ้เด็กบ้านี่ ดูเหมือนว่ามันจะรู้จริงๆ!
“ก็ได้ๆ ฉันยอมแลกเปลี่ยนกับเธอ”
“ขอบพระคุณรองหัวหน้าซู!” ขณะกล่าว ฉินเฟิงก็โค้งกายแสดงการสำนึกคุณเล็กน้อย
“ฮะฮ่าฮ่า! ขอบคงขอบคุณอะไรกัน ได้เจอกับเด็กแบบเธอต่างหากที่เป็นเรื่องโชคดี หลังจากนี้ไป ถ้ามีข้อสงสัยหรืออยากจะแลกเปลี่ยนอะไร ก็สามารถติดต่อฉันที่เบอร์นี้ได้เลยนะ” ในหัวใจของซูซิงฝูบังเกิดความคิดหนึ่งขึ้น ว่าหากมีช่องทางติดต่อกับฉินเฟิงเอาไว้ เขาอาจสามารถได้รับประโยชน์จากเด็กหนุ่มคนนี้อีกในอนาคต
เพราะขนาดตอนนี้เด็กหนุ่มยังถึงขั้นสามารถสังหารเขี้ยวทารกลงได้ ดังนั้นต่อมา เด็กหนุ่มจะต้องกลายเป็นกำลังรบทางทหารที่ไม่ต่ำต้อยอย่างแน่นอน มันคุ้มค่าที่จะแลกเปลี่ยนช่องทางติดต่อเอาไว้ใช้งาน
ซูซิงฝู แม้ว่าในเวลานี้จะยังไม่ใช่พ่อค้านักขูดรีดเต็มตัว แต่เขาก็เริ่มมีศักยภาพที่จะได้กลายเป็นนักขูดรีดแล้ว!
…
จู่ๆฉินเฟิงก็ได้รับยาเสริมความแข็งแกร่งมาตั้ง 8 หลอด แต่อีกฝ่ายกลับยัดพวกมันกว่าครึ่งลงในมือของโจวฮ่าว -โจวฮ่าวเฝ้ามองหลอดยาด้วยความโง่งม ของพวกนี้ คือสิ่งที่ตัวเขาก่อนหน้านี้ไม่กล้าแม้คิดหวังจะได้ครอบครอง
“ทำไมถึงสามารถแลกเปลี่ยนได้มากขนาดนี้? ยาเสริมความแข็งแกร่งมันแพงมากเลยไม่ใช่หรอ?” โจวฮ่าวอดไม่ได้ต้องเอ่ยถาม
“สำหรับหน่วยลาดตระเวน พวกเขาสามารถซื้อขายมันในราคาที่ถูกลงครึ่งหนึ่ง”
“หน่วยลาดตระเวนมันดีอย่างนี้นี่เอง! อำนาจของทางการช่างสุดยอด! แบบนี้ในอนาคต พวกเราคงต้องพยายามเข้าร่วมกับพวกเขาให้ได้ซะแล้ว!”
“นายสามารถเข้าร่วมกับพวกเขาได้อยู่แล้วถ้านายต้องการ ” ฉินเฟิงพยักหน้าให้โจวฮ่าว ที่ในชีวิตก่อนหน้า อีกฝ่ายเคยยินยอมแลกชีวิตเพื่อตัวเขาเอง ดังนั้นเมื่อได้ย้อนกลับมาแก้ไขอดีตอีกครั้ง ฉินเฟิงย่อมไม่มีทางที่จะพูดจาหรือปฏิบัติไม่ดีต่อพี่น้องของเขา
แต่สำหรับไอ้สารเลวเฉินหมิง …
ห้วงอารมณ์ในหัวใจของเขาพลิกตลบ ในชีวิตก่อนหน้า บางทีอาจเป็นเพราะหลังจากที่สูญเสียพี่น้องคนสำคัญไป ฉินเฟิงจึงคล้ายต้องการได้รับมิตรภาพ ดวงตาของเขาจึงมืดบอด คิดหันไปคลุกคลีกับเฉินหมิง ไม่ทันได้คาดคิดว่าแท้จริงแล้วมันคือหมาป่าตาขาว!
“เดี๋ยวก่อนสิฉินเฟิง ฉันไม่ใช้เยอะขนาดนี้หรอก ขอคืนพวกมันให้นาย 2 หลอดก็แล้วกัน เพราะจริงๆแล้วฉันก็ฆ่าไปแค่ 2 ตัวเท่านั้นเอง อีกอย่างถ้าไม่ใช่เพราะนายช่วยเอาไว้ ฉันคงตายไปแล้ว!”
โจวฮ่าวยื่นหลอดยาสองจากสี่หลอดที่ได้รับมา กลับคืนไปทางฉินเฟิง
“เอาไว้รอให้นายสามารถปลุกอบิลิตี้หรือวรยุทธโบราณให้ได้ก่อนเถอะ หลังจากนั้นฉันจะยอมรับมัน!” ฉินเฟิงผลักหลอดยากลับไป -พวกมันเหล่านี้ไม่ค่อยจะมีประโยชน์สำหรับเขาเท่าใดนัก
เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาสามารถปลุกพลังพิเศษได้เป็นที่เรียบร้อย แต่สำหรับโจวฮ่าวนั้นไม่ใช่ ดังนั้นจึงปฏิเสธไป และยกเหตุผลขึ้นมาอ้างเพื่อไม่ให้โจวฮ่าวเกิดความสงสัย
แน่นอน ว่าฉินเฟิงไม่คิดที่จะเอ่ยปากถึงเรื่องอะไรเกี่ยวกับการที่เขาได้กลับมาเกิดใหม่
“เอางั้นก็ได้ รอให้ฉันปลุกพลังพิเศษขึ้นมาก่อนเหอะ ไม่ต้องพูดถึง น้ำยาเสริมความแข็งแกร่งเกรด G แต่กระทั่งเกรด A หากนายต้องการ ฉันก็จะซื้อมันให้!” โจวฮ่าวตบลงบนหน้าอกตัวเอง
แน่นอน ว่าประโยคเมื่อครู่เป็นเพียงการคุยโว หยอกล้อของพวกเขาเท่านั้น
เพราะสำหรับตัวยาเสริมความแข็งแกร่งเกรด A ในแต่ละปี มันสามารถผลิตได้ครั้งละหลอดเท่านั้น
สองหนุ่มพูดคุยกัน สักพักก็มีรถพยาบาลมาถึงที่เกิดเหตุ แพทย์ พยาบาลเร่งเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ขณะที่ฉินเฟิงซึ่งมีส่วนร่วมในการขับไล่เขี้ยวทารก ย่อมเป็นธรรมดาที่จะได้รับการรักษาเยี่ยงวีรบุรุษ เขาถูกนำตัวแยกไปรักษาเดี่ยวในรถพยาบาล
“ไม่จำเป็นหรอก ถึงบาดแผลภายนอกจะดูร้ายแรง แต่มันก็แค่รอยถากๆตรงผิวหนังเท่านั้นเอง ดูสิเห็นไหม คุณไปดูคนเจ็บคนอื่นเถอะ ผมสบายดี!” ฉินเฟิงหยุดพยาบาลที่กำลังจะหยิบผ้ากอซ มาพันแผลให้กับตัวเขา
พยาบาลเมื่อเห็นถึงการเคลื่อนไหวที่ดูปกติของเขา ไม่น่าจะบาดเจ็บอะไร ก็พยักหน้า และหันไปวุ่นกับทางอื่น ไม่คิดเสียเวลาใดๆ เพราะในสนามรบแห่งนี้ เวลาเพียงหนึ่งนาที อาจตัดสินชีวิตของผู้คนได้
ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับผู้ครองครอบพลังพิเศษแล้ว ย่อมมีความสามารถในการรักษาตัวเองที่ดีกว่าคนปกติ ดังนั้นอาการบาดเจ็บตามผิวหนังเล็กๆน้อยๆจึงไม่นับว่าเป็นสิ่งใด
ทว่าไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว ที่รู้ความจริงว่า ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นพลังพิเศษของฉินเฟิง ที่สามารถใช้รักษาร่างบาดแผลได้อย่างรวดเร็ว
เนื่องจากพื้นที่ภายในรถพยาบาลคับแคบเกินไป ดังนั้นโจวฮ่าวจึงไม่ได้เข้าไปกับฉินเฟิง เมื่อเห็นฉินเฟิงออกมาอีกครั้งในสภาพพันผ้ากอซทั้งแขนและน่อง ที่น่าจะถูกแอบทำไว้เพื่อตบตา โจวฮ่าวก็อดรู้สึกเสียใจไม่ได้
“ฉินเฟิง วันนี้นายช่างเป็นคนที่โชคร้ายจริงๆ!” โจวฮ่าวบ่นพึมพำ “ช่วงเช้าก็เป็นลม พอมาตอนบ่ายก็ถูกเขี้ยวทารกกัดอีก ฉันว่านายควรจะไปหาผู้ใช้อบิลิตตี้แสง ให้พวกเขาอวยพร หรือสาดน้ำมนต์ล้างซวย อะไรทำนองนั้นซะหน่อยนะ!”
“นายพูดยังกับว่าผู้ใช้อบิลิตี้แสงมันหาได้ง่ายๆอย่างงั้นแหละ” ฉินเฟิงหัวเราะ
อันที่จริง เขาไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองโชคร้ายเลย ตรงกันข้าม ฉินเฟิงกลับรู้สึกว่าตัวเองโคตรโชคดีเลยด้วยซ้ำ
เพราะมันจะมีซักกี่คนกันเชียว ที่สามารถย้อนเวลากลับมาได้อีกครั้งหลังจากความตาย?
“แหะๆ แต่ฉันหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆนะ” โจวฮ่าวยิ้มอย่างขมขื่น
“เอาล่ะๆ ตอนนี้ฉันมีบางเรื่องที่ต้องจัดการ นายกลับไปที่โรงเรียนก่อนเถอะ”
ฉินเฟิงหยุดฝีเท้า ไม่ได้เดินต่อกับโจวฮ่าว
“ฉินเฟิง อย่าบอกนะว่าถึงขั้นนี้แล้วนายยังต้องไปทำงานอีก? อย่าไปเลย นี่เป็นช่วงเวลาที่ดี ที่จะเร่งให้พลังพิเศษตื่นขึ้นมาได้นะ นายไม่ควรจะปล่อยให้การตื่นของมันยืดยาวออกไป”
คำกล่าวของโจวฮ่าวทำให้ฉินเฟิงตะลึงงัน -เขาพึ่งนึกขึ้นได้เหมือนกัน ว่าเมื่อสิบปีที่แล้ว ตัวเองมีงานพิเศษทำอยู่จริงๆ