โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 46
Ch.46 – เป็นมิตรหรือศัตรู
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.46 – เป็นมิตรหรือศัตรู
อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่คิดเปิดโอกาสให้ฉินเฟิงได้อธิบาย เป้าปืนใหญ่พลังงานในมือถูกเบี่ยงทิศทาง ระเบิดยิงอานุภาพออกไปอีกครั้ง
ฉินเฟิงเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุด พุ่งไปตรงมุมทางเดินแล้วหักเลี้ยวกระทันหัน
“เปรี้ยง!”
บังเกิดแรงระเบิดรุนแรงขึ้นเบื้องหลังเขา เศษฝุ่นเศษหินปลิวกระแทกกับร่างของฉินเฟิง
อาวุธที่ท้าทายสวรรค์เช่นนี้ หากโดนเพียงครั้งเดียวแน่นอนว่าต้องจบเห่ไม่มีครั้งที่สอง แม้ว่าฉินเฟิงจะสวมใส่เกราะรูนอยู่ก็ตาม แต่ตราบใดที่ถูกฝ่ายตรงข้ามยิงเข้าจังๆ เขาก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย อย่าลืมนะเกราะรูนมิได้ป้องกันครอบคลุมมาถึงหัวของฉินเฟิง
“ถ้านายยิงมันอีกแค่ครั้งเดียว ฉันจะตอบโต้แล้วนะ!” ฉินเฟิงตะโกน
บรึ้ม!
และคำตอบที่เขาได้รับคือการระเบิดปืนใหญ่พลังงานเข้าใส่อีกครั้ง
ใบหน้าของฉินเฟิงกลายเป็นเขียวคล้ำด้วยความโกรธ
“ฉันมาที่นี่เพราะต้องการเก็บกวาดห้องทดลอง พวกเราอยู่ในสถานะเดียวกัน ทำไมต้องสู้กันด้วย?” ฉินเฟิงถาม
หลังจากประโยคนี้ มือปืนก็หยุดโจมตีไปจริงๆ
“แล้วแกเป็นใคร?” อีกฝ่ายเอ่ยถามอย่างหวาดระแวง
ฉินเฟิงสตั้น ไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปยังไงดี
เขาเป็นใครน่ะหรือ? ก็เป็นคนที่ในชีวิตนี้แทบจะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับห้องทดลองเลยน่ะสิ ตอบไปแบบนี้คงไม่ได้แน่ๆ
“ลืมมันเถอะ! ไม่ว่าแกจะเป็นใคร แต่แกรู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่แล้ว ฉันไม่มีทางที่จะปล่อยแกไป!”
ชายคนนั้นแสยะยิ้มเย็น และยกปืนใหญ่พลังงานขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อถึงจุดนี้ ความโกรธของฉินเฟิงก็ปะทุขึ้นอย่างสมบูรณ์
สมองของฉินเฟิงเริ่มหมุนเร็วจี๋
คนๆนี้ เห็นได้ชัดว่าตั้งใจที่จะมาทำลายห้องทดลอง เพื่อไม่ให้เหลือหลักฐานทิ้งไว้เบื้องหลัง แม้เป้าหมายแรกของทั้งคู่จะเหมือนกัน แต่ประโยคสุดท้ายที่อีกฝ่ายกล่าว กลับทำให้เจตนาฆ่าของฉินเฟิงต้องปะทุกลับขึ้นมาอีกครั้ง
ที่ชวนให้คิดนอกจากนี้ ยังมีเรื่องสีหน้าที่เปลี่ยนไปของชายชุดสูท ในตอนที่มือปืนปรากฏตัวขึ้นอีกชัดเจนว่าคนในห้องทดลองมั่นใจเต็มเปี่ยมว่ามือปืนมาเพื่อช่วยเหลือ
แต่ผู้ที่คิดจะช่วย กลับกลายเป็นคนสังหารชายชุดสูทซะเอง
เมื่อรวบข้อมูลทุกอย่างเข้าด้วยกัน แทบจะในทันที ฉินเฟิงก็สามารถคาดเดาสถานะของบุคลคนนี้ได้
“ที่แท้นายก็เป็นคนของรองผู้ว่าการ!” ฉินเฟิงกัดฟันกล่าว
“ฮี่ฮี่ เดาได้ถูกต้อง แต่นั่นไม่สำคัญ เพราะเดี๋ยวแกก็จะกลายเป็นผีแล้ว!” ชายคนนั้นเหนี่ยวไกอีกครั้ง
ฉินเฟิงคาดเดาไม่ผิดพลาด อีกฝ่ายคือคนของรองผู้ว่าการจริงๆ
เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ทรงพลังของศัตรู มือปืนเลเวล F ที่เรียกว่าเหอหลี!
ในสถานที่ชุมชนทางตอนเหนือ ผู้ใช้พลังพิเศษเลเวล G น่ะมีอยู่ทุกหนแห่ง หากแต่ถ้าเป็นเลเวล F ส่วนใหญ่แล้วจะได้รับตำแหน่งสำคัญหรือเป็นรองหัวหน้า เหมือนกับซูซิงฝู แต่ถึงจะเป็นแค่รองหัวหน้า ก็อย่าได้ประมาทคนระดับนี้ไป เพราะมันเป็นตำแหน่งที่สามารถได้รับความมั่งคั่งจากภายในมากมาย ครอบครองทรัพย์สินเกินกว่าที่จะสามารถจินตนาการได้
กระทั่งบางคนที่ร่ำรวย และมีเงินนับสิบล้าน หากพบเจอกับซูซิงฝู ทั้งหมดก็ยังต้องก้มหัวทักทายเขา
เพราะต่อให้จ่ายเงินออกไปมากกว่า 10 ล้าน มันก็ยังไม่สามารถทะยานขึ้นไปอยู่ในขอบเขตเลเวล F ได้
“ในเมื่อนายไม่คิดที่จะรามือจากฉัน งั้นฉันเองก็จะไม่ปล่อยนายไปเหมือนกัน!” ฉินเฟินยิ้มหยัน เห็นว่าเป็นมือปืนเลเวล F เลยอาละวาดไปทั่ว มันไม่รู้ซะแล้ว ว่าความแข็งแกร่งของฉินเฟิงในตอนนี้ มิได้ด้อยไปกว่าตัวมันเองเลย
“เสี่ยวไป๋!”
ฉินเฟิงคำรามเสียงต่ำ เสี่ยวไป๋ไม่รอช้า ปลดปล่อยธาตุมิติทันที
แล้วร่างของเขาก็หายวับไปจากสถานที่เดิม
มือปืนผงะตกใจ
“เป็นแบบนี้อีกแล้ว!”
เหอหลีไม่อาจทราบได้โดยสิ้นเชิงว่าฉินเฟิงหายตัวไปได้อย่างไร แต่เจ้าตัวก็เตรียมใจ พร้อมรับมือกับสถานการณ์รอบตัวตลอดเวลา
ในวินาทีต่อมา ฉินเฟิงพลันปรากฏขึ้นด้านหลังของคู่ต่อสู้
เหอหลีสามารถรับรู้ถึงฉินเฟิงได้ในทันที หากแต่เวลานี้ มันไม่เหมาะที่จะยิงปืนใหญ่พลังงานอีกต่อไป
เพราะปืนใหญ่พลังงานทั้งหนัก และเคลื่อนไหวได้อย่างเชื่องช้า ไหนจะระยะห่างที่ใกล้เกินไปอีก ถ้าเขายิงมันออกไป เกรงว่าแม้แต่ตัวเหอหลีเองก็ยังต้องได้รับผลกระทบ
ทว่าเหอหลีจะมีไพ่ในมือเพียงเท่านี้ได้อย่างไร?
ปืนใหญ่พลังงานในมือของเหอหลีหายวับทันใด และถูกแทนที่ด้วยปืนพกสองกระบอกในพริบตา
ปืนคู่เหวี่ยงวูบเป็นวง พร้อมสาดกระสุนออกไป
“ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง!”
“ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง!”
มีดกษัตริย์ครามของฉินเฟิงโบกสะบัด ไร้ซึ่งกระสุนใดทะลุมาถึงตัวเขา
แววตาของเหอหลีสั่นไหวด้วยความประหลาดใจ
“นั่นมันอุปกรณ์รูนสีเงิน!”
แน่นอน ว่าสิ่งที่ทำให้เหอหลีตระหนักถึงความแข็งแกร่งของฝั่งตรงข้าม มิใช่อุปกรณ์รูน หากแต่เป็นความว่องไวในการป้องกัน และการตอบสนองอันรวดเร็วต่างหาก
กลับมาที่ทางฝั่งฉินเฟิง เมื่อพบกับฉากตรงหน้า หัวใจเขาก็ต้องกระตุกไหว
“นั่นมันอุปกรณ์รูนมิติ!”
ปืนใหญ่พลังงานในมือศัตรูหายไปอย่างกระทันหัน และถูกแทนที่ด้วยอาวุธอื่นทันที ชัดเจนว่ามันเกิดขึ้นเพราะฝีมือของอุปกรณ์รูนมิติ ซึ่งการที่อีกฝ่ายครอบครองมัน ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยสำหรับฉินเฟิง
แน่นอน ว่าการครอบครองอุปกรณ์รูนมิติ สำหรับมือปืนที่แท้จริงแล้วมันเป็นเรื่องธรรมดา หากมีเงินก้อนใหญ่ก้อนแรก พวกเขาจะไม่เลือกซื้ออาวุธที่ทรงพลัง แต่จะเลือกซื้ออุปกรณ์รูนมิติไว้ใช้พกพาอาวุธมากมายของตนเองก่อนเป็นอันดับแรก
ดังนั้น ถึงได้บอกตั้งแต่ต้นไง ว่าคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับอาชีพมือปืน ส่วนใหญ่แล้วคือเศรษฐีร่ำรวยและและเรืองอำนาจเท่านั้น
เหอหลีมีอุปกรณ์รูนมิติ นั่นหมายความว่าในมิติของเขา จะต้องมีอาวุธอยู่มากมายแน่ๆ การต่อสู้จากนี้ไป ใครเล่าจะรู้ว่าเขาจะงัดเอาอะไรออกมาใช้อีก
สัญชาตญาณระวังภัยเริ่มร้องเตือนในหัวใจของฉินเฟิง
อย่างไรก็ตาม สัญชาตญาณระวังภัยนี้หมายถึงการยอมรับในตัวคู่ต่อสู้ มันมิใช่หมายถึงความหวาดกลัว!
เวลานี้ ฉินเฟิงตื่นตัวสุดขีด
จะรอช้าไม่ได้ เหอหลีจะต้องตาย!
“โอบกอดทมิฬ!”
อบิลิตี้ของฉินเฟิงพลันกระชากไหว ความมืดมิดโถมเข้าปกคลุมร่างกายของเหอหลี
“นี่มันอะไรกัน?”
ดวงตาของเหอหลีกลายเป็นว่างเปล่า เขาตระหนักได้เพียงรอบตัวไร้ซึ่งร่องรอยใดๆของแสงสว่าง
“วิซซซ!”
คมกล้าของมีดกษัตริย์ครามในมือฉินเฟิงโฉบไปข้างหน้า
“ปัง ปัง ปัง!”
เหอหลีมิใช่คนโง่ เขาตัดสินใจยิงปืนเข้าใส่ตำแหน่งเดิมของฉินเฟิง แม้ว่ากระสุนจะไม่ถูกเป้าหมายก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ช่วยสกัดฉินเฟิงไม่ให้เข้ามาใกล้ได้
“แต๊ง แต๊ง แต๊ง!”
มีดปาดกระสุน ฉินเฟิงก้าวตรงมาข้างหน้าอีกครั้ง
ในการต่อสู้กับมือปืน วิธีก็คือต้องพาตนเข้าไปใกล้ศัตรูให้ได้มากที่สุด!
ณ เวลานี้ ระยะห่างของทั้งสองประชิดกันแล้ว ฉินเฟิงพลันสับมีดลงในคราวเดียว
เป็นมีดซึ่งครอบครองใบอันแหลมคม และสามารถแยกร่างของคนทั้งคน ผ่าเป็นสองซีกใด้ในกระบวนท่าเดียว!
ทว่าในวินาทีต่อมา เหอหลีกลับดีดตัวถอยอย่างกระทันหัน พร้อมปรากฏขวดขนาดใหญ่ห้าใบในมือของเขา
“ระเบิดพลังแม่เหล็ก!”
ดวงตาของฉินเฟิงหดลีบ เขาย่อตัว และดีดผึง! ชักมีดถอยกลับทันที
สนามแม่เหล็กพุ่งตามฉินเฟิงมาก็จริง หากแต่มันไม่ทันกับความเร็วของเขา
“ตูม ตูม ตูม ตูม ตูม!”
ระเบิดแล้วระเบิดเล่าดังขึ้น เนื่องจากระยะค่อนข้างใกล้ ฉินเฟิงเลยโดนผลกระทบจากแรงอัดอากาศ
ระหว่างนั้นเอง ชุดต่อสู้เหมือนจะทานทนไม่ไหว เริ่มฉีกขาด -ฉินเฟิงรู้สึกแค่ว่าแขนของเขาถูกทิ่มแทงด้วยของมีคมบางอย่างระหว่างแรงปะทะ
แน่นอน ว่าทางด้านเหอหลีเองก็ไม่ได้แย่ไปกว่ากัน
แม้จะถูกอบิลิตี้ความมืดของฉินเฟิงปกคลุม แต่เหอหลีก็เกิดปฏิกิริยาตอบสนองได้ทัน ยังไงก็ตาม ถึงฉินเฟิงจะถูกขัดขวางอย่างกระทันหัน แต่ปลายมีดกษัตริย์ครามก็จุ่มเฉือนเข้าถึงร่างของเหอหลีซะก่อนแล้ว
“โดนแทงงั้นหรอ!?”
ชุดต่อสู้ราคาแพงถูกตัดเปิดออกทันที กระบวนการช่างง่ายดายราวกับฉีกเศษผ้า เสียบเข้าถึงชุดเกราะรูนภายในสีม่วง บังเกิดเสียงดัง ‘แคว๊ก!’
เหอหลีที่ถอยออกมาตั้งหลักรับรู้ได้ถึงแรงเฉือน ตั้งแต่หน้าอกของเขา ลากยาวลงมาถึงช่องท้องบังเกิดความรู้สึกเจ็บจี๊ด
-เป็นมีดของศัตรู มีดสามารถทะลุเกราะชั้นในเข้ามาทำร้ายเขาได้!
เหอหลีตัดสินใจทันที ในมือปรากฏปืนกล เขาลั่นไกสาดกระสุนอย่างรวดเร็ว
ฉินเฟิงกลิ้งตัวหลบ ก่อนจะเลือกใช้พลังพิเศษซ่อนเงา
ฉินเฟิงหลบซ่อนตัวอยู่ในเงามืด ขณะเดียวกัน เหอหลีก็ยังถูกความมืดปกคลุม การรับรู้ของเขาลดต่ำลงเป็นอย่างมาก เลยไม่สามารถตรวจหาร่องรอยของฉินเฟิงได้ชั่วคราว
ฉินเฟิงค่อยๆย่องซุ่มอย่างเงียบๆ และเริ่มโจมตีอีกครั้ง
ทันทีที่เขาโจมตี ทางเหอหลีก็สัมผัสได้ ตอบโต้สวนกลับไป
ทั้งสองสู้กันไม่มีใครยอมใคร จนยากจะคาดเดาถึงผลลัพธ์ของชัยชนะ
แต่ในช่วงเวลานั้นเอง ห้องทดลองใต้ดินก็เริ่มสั่นสะเทือน
ครืนนนนนน!
ผนังอีกฝั่งถล่มลง คล้ายอาคารจะพังทลายลงมา
ทว่าทั้งสองกลับไม่มีใครยอมถอยเลย ดูเหมือนว่าไม่มีใครคิดจะหยุด จนกว่าจะสังหารศัตรูลงได้
“ก็เอาสิ ฉันก็อยากจะรู้เหมือนว่า ว่า ‘พลังสมาธิ’ ของแกมันจะยังใช้ได้อีกนานแค่ไหน!”
เหอหลีคำราม สาดกระสุนออกไป