โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 468
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.468 – ยกระดับขึ้นสู่เลเวล C
ฉินเฟิงไม่ใช่ลูกน้องของซื่อฉิง จริงอยู่ที่หากฉินเฟิงติดต่อซื่อฉิงแต่แรก เรื่องนี้อาจยุติลงได้ แต่นั่นไม่เท่ากับเป็นการเสียศักดิ์ศรีหรอกหรือ?
ฉินเฟิงคือคนที่ได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง หากตัดสินใจทำแบบนั้น มันก็ไม่ต่างไปจากลูกแหง่ร่ำร้องไปฟ้องพ่อแม่เลยไม่ใช่รึไง เขาไม่มีทางยอมใช้ชีวิตแบบนั้นเด็ดขาด
อีกอย่าง เพราะถูกตั้งสถานะอาชญากรประกาศจับ เลยทำให้เขาสามารถไปยังอาณาเขตของพันธมิตรองค์กรมืด ได้รับผลประโยชน์มามากมาย ดังนั้นสถานการณ์ในตอนนี้มันไม่แย่เลย
ซื่อฉิงเมื่อได้ยินคำตอบของฉินเฟิง และมองไปยังการแสดงออกที่เรียบเฉยของอีกฝ่าย ณ ขณะนี้ แม้อีกฝ่ายจะมิได้แสดงท่าทีหยิ่งผยองออกมา แต่กลับให้ความรู้สึกว่า ฉินเฟิงกำลังดูถูกซื่อฉิงอยู่
แต่ถึงกระนั้น ซื่อฉิงก็ไม่ใส่ใจ เขาเอ่ยปากกล่าว “แกะดำแบบนี้ จะต้องกำจัดออกไปจากพันธมิตร ถ้าคนอย่างเขายังอยู่ในพันธมิตรต่อไป คงมีผู้บริสุทธิ์อีกหลายคนถูกรังแก”
ฉินเฟิงกล่าว “ไม่ว่าท่านนายพลจะจัดการเรื่องนี้หรือไม่ก็ตาม มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับผม เพราะหลังจากนี้ไป เดี๋ยวก็จะมีคนมาอ้อนวอนให้ผมกลับไปเอง!”
ฝูงชนรอบข้างไม่รู้สถานการณ์มาก่อน และไม่รู้จักฉินเฟิง แต่เมื่อได้ยินฉินเฟิงพูดแบบนี้ ก็อดรู้สึกโกรธไม่ได้
“อะไรวะ แกเป็นแค่ผู้ใช้พลังเลเวล D แต่ดันบอกว่าทางพันธมิตรจะเป็นฝ่ายอ้อนวอนให้กลับไป? นี่ล้อกันเล่น? คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน!”
“ถ้าแกแน่ถึงขนาดนั้น คงไม่ถูกขับไล่ออกจากพันธมิตรมนุษย์หรอก!”
“ใช่ ใช่ อีกอย่าง แกกล้าพูดแบบนี้กับนายพลซื่อฉิงได้ยังไง อย่าคิดว่าท่านนายพลไว้หน้าแก แล้วแกจะพูดอะไรก็ได้นะ!”
ทัศนคติของคนเหล่านี้ที่มีต่อฉินเฟิง คือไม่พอใจมาก
ฉินเฟิงกวาดสายตาเย็นยะเยือกใส่พวกเขาวูบหนึ่ง และกล่าว “ผมก็หมายความตามที่พูด นายพลซื่อฉิง โปรดรอดูให้ดี เมื่อถึงเวลานั้น คุณจะเข้าใจเอง”
ว่าจบ ฉินเฟิงก็จากไป
“เฮ้ ฉินเฟิง —” ซื่อฉิงต้องการจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่ฉินเฟิงจากไปแล้ว วิชาตัวเบาของเขาว่องไวมาก เพียงชั่วพริบตา ก็หายวับมิอาจมองเห็นได้อีกเลย
คนอื่นๆที่เฝ้ามองตื่นตะลึง
แต่ต่อมา เมื่อคิดถึงวาจาเราะร้ายของฉินเฟิง ทั้งหมดก็สบถด่า
“ยะโสนัก!”
“ทำเป็นแสดงพลังต่อหน้าทุกคน ฉันจะรอดู ว่าแกจะอยู่ต่อไปได้อีกสักกี่วัน!”
“ใช่ ยังเด็กอยู่แท้ๆ ประสบการณ์ชีวิตยังน้อยนิด แต่ดันทำตัวสูงส่งเทียมฟ้า ไม่รู้รึไงว่าชีวิตมันบอบบางยิ่งกว่ากระดาษ!”
มีเพียงซื่อฉิงที่เห็นต่างจากทุกคน เขามีลางสังหรณ์ ว่าจะเกิดเหตุเปลี่ยนแปลงในอนาคตอันใกล้ แต่ลางสังหรณ์นี้เพียงโผล่มาให้รู้สึกในอากาศที่บางเบา ต่อมาก็จางหายไป และซื่อฉิงเองก็มิอาจคาดเดาได้เหมือนกัน ว่าจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น
ส่วนกลุ่มลูกน้อง เป็นธรรมดาที่จะเข้าข้างและพูดปกป้องซื่อฉิง ซื่อฉิงไม่คิดว่าอะไรพวกเขา
ระหว่างสหายกับคนรู้จักมันมีเส้นบางๆคั่นอยู่ ฉินเฟิงแม้เป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่ง แต่ในเมื่อเจ้าตัวเลือกเป็นแค่เพียงคนรู้จัก และไม่ต้องการขอความช่วยเหลือ ซื่อฉิงก็ไม่คิดกระตือรือร้นช่วยเขา
“เอาล่ะๆ ไปกันเถอะ”
ซื่อฉิงกล่าว ก้าวเดินนำคนอื่นๆ ไม่ปล่อยให้ทุกคนด่าทอหยาบคายอีก พาลูกน้องติดตามเข้าไปในภูเขาศักดิ์สิทธิ์
ขณะเดียวกัน ฉินเฟิงก็กลับมาถึงเรือเหาะ
“โกวก๋วน เริ่มเดินเครื่องเรือเหาะได้ พวกเราจะออกไปจากที่นี่”
“ขอรับเจ้านาย”
โกวก๋วนเร่งร้องรับคำสั่ง
แม้ในช่วงหลายวันมานี้ เขาจะไม่ได้เข้าไปในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็รู้สึกกดดันไม่ต่างจากเข้าไป เพราะเริ่มมีคนเดินทางมาที่นี่เยอะขึ้นเรื่อยๆ มีหลายคนที่ทรงพลัง ซึ่งหากต้องเผชิญหน้ากับพวกนั้น เลเวล D อย่างเขาไม่นับว่าเป็นสิ่งใด
และประเด็นก็คือ โกวก๋วนยังเห็นกระทั่งคนจากเมืองหวัง
ห้ามลืมนะว่า พวกเขาเพิ่งสังหารเจ้าเมืองหวังไป!
ยิ่งไปกว่านั้น มีหลายคนที่คอยสังเกตเรือเหาะลำนี้ ทั้งยังให้ความสนใจมากอีกด้วย บางคนกระทั่งคิดจะบุกเข้ามาเยื่อยึดครองเครื่องจักรลอยฟ้าลำนี้ แต่โชคยังดีที่พวกเขามีไป๋หลีคอยดูแลอยู่ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าใช้กำลังเข้าปล้น มิฉะนั้นเรือเหาะคงถูกเปลี่ยนมือไปแล้ว
สถานที่แบบนี้อยู่ต่อไปก็รั้งแต่มีปัญหา!
“เจ้านาย แล้วพวกเราจะไปที่ไหนกัน?”
ฉินเฟิง “ไปเทือกเขาหลงฉวน!”
โกวก๋วนนิ่งค้างไปชั่วขณะ จากนั้นหน้าผากเริ่มยับย่นเล็กน้อย เอ่ยปาก “เจ้านาย ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ คุณจะเดินทางไปหลงฉวนมันก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เทือกเขาหลงฉวนล่มสลายแล้ว มันถูกเข้ายึดครองโดยเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญา หากมุ่งหน้าไปจะอันตราย”
ฉินเฟิงเผยรอยยิ้มบาง “เรื่องนั้นผมทราบ แต่เครื่องจักรบนเรือเหาะลำนี้ คือสิ่งที่ยึดมาจากพวกมัน”
โกวก๋วนไม่ทันคิดถึงข้อนี้
“เข้าใจแล้ว ในเมื่อเป็นสิ่งที่เจ้านายตัดสินใจ งั้นฉันก็ไม่คิดโต้แย้ง”
โกวก๋วนรู้ดีว่าฉินเฟิงมีความคิดเป็นของตัวเอง นอกจากนี้ ไม่มีใครหรอกที่อยากไปตาย
โกวก๋วนปรับทิศทาง มุ่งหน้าไปยังเส้นทางเทือกเขาหลงฉวน ส่วนฉินเฟิงกลับไปยังห้องพักหรูของเรือเหาะ
ปิดประตูและเตรียมฝึกยุทธ!
ชั่วเวลานี้ ความแข็งแกร่งทางกายภาพของฉินเฟิงได้มาถึงเลเวล D9 แล้ว และอีกเพียงเล็กน้อย มันก็จะสามารถตัดผ่านไปถึงเลเวล C !
ต้องรู้นะว่า ฉินเฟิงออกล่าสัตว์ร้ายระดับราชันย์กับจักรพรรดิไปมากมาย และอาศัยเพียงการสังหารที่ว่า จนสามารถยกระดับไปถึงเลเวล D9 ในขณะที่แก่นอบิลิตี้และแก่นพลังงานของของพวกมัน เขายังไม่ได้นำมาใช้เลย!
ฉินเฟิงวาดมือ แก่นสัตว์ร้ายทั้งหมดที่รวบรวมมาตกลงบนพื้น
กริ๊ง กรั๊ง ตึง
เสียงตกกระทบที่แตกต่างกันออกไปของแก่นสัตว์ร้าย กลิ้งไปตามพื้น
ให้ตายเถอะ นี่มันเยอะมากจริงๆ
อย่างไรก็ตาม สำหรับฉินเฟิง แก่นสัตว์ร้ายเหล่านี้ มีไว้เพื่อจุดประสงค์เดียวเท่านั้น นั่นคือดูดกลืน
“ปลดปล่อยพลังพิเศษ!”
แก่นสัตว์ร้ายเริ่มหดเล็กลง และทยอยหายไปทีละก้อน ทีละก้อน ในขณะที่ความแข็งแกร่งทางกายภาพของฉินเฟิง ค่อยๆเพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จนกระทั่งมันถึงขีดจำกัด และตัดผ่านไปอีกขั้น!
ปัง!
กลิ่นอายกวาดกระจายออกมา
เลเวล C !
บนเรือเหาะ ทุกคนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่ายำเกรง ทั้งหมดสะท้านด้วยความหวาดกลัว
พวกเขาหลงคิดว่าเรือเหาะ ได้ตกเป็นเป้าของสัตว์ร้าย
ทว่าบนเรือเหาะ กลับไม่มีไซเรนแจ้งเตือนใดๆ
“เดี๋ยวก่อน นี่มันกลิ่นอายของลูกพี่ไม่ใช่หรอ?”
เมื่อกลิ่นอายกระจัดกระจาย จิ่นเฟยเป็นคนแรกที่ตอบสนอง
“อะไรนะ ลูกพี่ยกระดับเป็นเลเวล C แล้วงั้นหรอ? ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ เขาอยู่ในเลเวล D8 ?”
“ไม่จริงน่า ตอนพบกับเจ้านายในเมืองหวังครั้งแรก เขามีเลเวลอยู่ที่ D5 เท่านั้นเอง”
“ใช้เวลาแค่สองเดือน แต่สามารถยกระดับจาก D5 ตัดผ่านเป็นเลเวล C ได้นี่มัน … ”
เหนือล้ำกว่าจินตนาการไปแล้ว! เพราะคนปกติ ต่อให้ได้รับทรัพยากรมหาศาล ก็ยังต้องใช้เวลาดูดซับ หรือเป็นคนมีพรสวรรค์ที่ได้รับการปลูกฝัง มีวิธีการฝึกฝนเป็นอย่างดี ก็ยังต้องใช้เวลา
ฉะนั้น ไม่ต้องกล่าวถึงการยกระดับ 5 ขั้น ในสองเดือน บางทีใช้เวลาถึง 1 ปี ก็ยังทำไม่ได้เลย!
นี่สินะที่เรียกกันว่าความห่างชั้น
–ความห่างชั้นระหว่างอัจฉริยะกับคนธรรมดา!
…
ภายในห้องนอนสุดหรู ฉินเฟิงผ่อนลมหายใจยาว
กายเนื้อได้มาถึงเลเวล C พละกำลังเพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมาก
ส่งผลให้ปัจจุบัน แม้ฉินเฟิงจะยังไม่สามารถต่อกรกับเลเวล B ตรงๆ แต่อย่างน้อยหากเผชิญหน้า ย่อมสามารถรักษาชีวิตตนเอาไว้ได้!
จากนั้น ฉินเฟิงก็หยิบผลึกชีพจรธรณีออกมา
“ดูดกลืน!”
พลังงานของผลึกธรณี ล้นทะลักออกมาทันที จมลงไปในตันเถียนของฉินเฟิง
ชั่วเวลานี้ ผนังด้านในของตันเถียน เริ่มทนทานและหนาขึ้น ยังไม่พอ มันค่อยๆขยับขยายทีละน้อย เพื่อให้สามารถรองรับกำลังภายในได้มากขึ้น
“ของโคตรดี!”
ดวงตาของฉินเฟิงเปล่งประกายสดใส
ต้องแจ้งให้ทราบก่อนว่า ผลึกชีพจรธรณีนี้ ตั้งแต่เกิดใหม่ฉินเฟิงไม่เคยได้ใช้มันมาก่อนเลย แต่ตันเถียนของเขาก็มีขนาดใหญ่กว่าคนปกติทั่วไปอยู่แล้ว
และตอนนี้ เมื่อได้ครอบครอง และใช้มัน ตันเถียนของเขาจะใหญ่ขึ้นไปถึงขนาดไหนกัน?
เมื่อคิดก็รู้สึกตื่นเต้น เร่งลงมือทำทันที
“ดูดกลืน!”
ผลึกธรณีถูกดูดซับอย่างรวดเร็ว ตันเถียนของฉินเฟิง ยิ่งนานยิ่งขยายไม่หยุดยั้ง
ผลึกธรณีขนาดเท่าลูกบาสเกตบอลหนึ่งลูก สามารถขยายตันเถียนได้ 1/10 ส่วน
เมื่อกลืนผลึกธรณีทั้งเล็กใหญ่ไปถึง 10 ก้อน ตันเถียนของฉินเฟิงก็ขยายตัวขึ้น 1 เท่า!
กล่าวอีกนัยนึงก็คือ หากฉินเฟิงต้องการ ตอนนี้เขาสามารถครอบครองสระน้ำกำลังภายในได้มากกว่าคนธรรมถึง 200 สระ!
เป็นกำลังภายในที่กระทั่งผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล B ก็ยังไม่อาจครอบครองได้!