โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 469
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.469 – กลับสู่หลงฉวน
แต่ฉินเฟิงก็ยังไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันมีผลึกชีพจรธรณีตั้งมากมาย แค่ขยายตันเถียนได้หนึ่งเท่า มันจะไปพอได้ยังไง?”
“อย่าลืมสิว่า พวกอัจฉริยะในเมืองหลวงมังกร แต่ละคนก็ครอบครองตันเถียนที่ขยายกว้างกว่าคนทั่วไปหลายเท่าเหมือนกัน ว่ากันว่าในตระกูลผู้ใช้วรยุทธโบราณเอง ก็มีเทคนิคฝึกกำลังภายในที่ตกทอดกันมาเพื่อการนี้เช่นกัน”
“เมื่ออายุได้สามขวบต้องออกกำลังภายอย่างหนัก , เมื่ออายุหกขวบพวกเขาต้องเริ่มฝึกฝนเทคนิคฝึกกำลังภายใน , เมื่ออายุได้สิบหกปี จะเท่ากับว่าพวกเขาฝึกฝนครบสิบปี จากนั้นเมื่อก้าวขึ้นสู่เลเวล D กำลังภายใน ในตันเถียนของผู้ใช้วรยุทธโบราณก็จะเพิ่มขึ้นหลายเท่า”
ฉินเฟิงเป็นเด็กที่เกิดในสถานชุมชนเมืองชายแดน สถานที่ดังกล่าว นับหลายสิบปีถึงจะเกิดผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล D ขึ้นทีหนึ่ง และคนๆนั้นจะถือว่าเป็นการดำรงอยู่ที่แข็งแกร่งมาก
อย่างไรก็ตาม ในเมืองหลวงมังกร สถานที่ดังกล่าว การปรากฏเลเวล D ถึง 10 คนต่อ 1 ปี ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร
“ดูดกลืนต่อ!”
ขุดผลึกชีพจรธรณีมาตั้งมากมาย หากไม่ดูดซับให้หมด จะปล่อยมันทิ้งไว้ให้รากงอกขึ้นมาหรือ?
ฉินเฟิงเป็นคนแรกที่บุกเข้าไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นได้รับผลึกธรณีมามากมาย
ไม่ต้องกล่าวถึงการดูดกลืนแค่ 10 ผลึก ต่อให้เป็น 100 ผลึก ฉินเฟิงก็สามารถดูดซับมันได้
หลายวันถัดมา ฉินเฟิงดูดกลืนผลึกธรณีอย่างบ้าคลั่ง จนทำให้ความจุในตันเถียนของเขา มากกว่าคนธรรมดาถึง 10 เท่า
และหลังจากตันเถียนขยายขึ้นถึง 10 เท่า ไม่ว่าฉินเฟิงจะดูดกลืนอย่างไร ตันเถียนของเขาก็ไม่ขยายอีกต่อไป
มันได้มาถึงขีดจำกัดแล้ว!
และจำนวนของผลึกธรณีที่กลืนลงไปเอง ก็เป็นตัวเลขที่น่าหวาดกลัวเช่นกัน
“ตันเถียนขยายใหญ่ขึ้นถึง 10 เท่า กระทั่งผู้คนจากเมืองหลวงมังกรก็ยังไม่สามารถทำแบบฉันได้!” ฉินเฟิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ แต่เขายังไม่หยุดดูดกลืน ทว่าเปลี่ยนตำแหน่งส่งพลังงาน จากเดิมถ่ายเทลงในตันเถียน ย้ายไปยังดาวเคราะห์เพชรในจักรวาลแห่งจิตสำนึกแทน
ดาวเคราะห์เพชรขยายตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับผลกระทบที่มันมีต่อตันเถียนแล้ว ผลกระทบที่มีต่อแก่นอบิลิตี้รุนแรงยิ่งกว่าเสียอีก
“มิน่าเล่า ช่วงหลายวันมานี้ เสี่ยวไป๋ถึงเอาแต่กอดผลึกชีพจรธรณี แทะเล็มมันทั้งวัน”
ผลึกธรณี ช่างเหมาะสม คู่ควรกับคำว่าสมบัติทรงพลัง ผลกระทบที่มันสร้างต่อผู้ใช้อบิลิตี้มหาศาลนัก
ในขณะที่ฉินเฟิงดูดกลืนมันทั้งวันทั้งคืน จนลืมกินลืมนอน ทางด้านเรือเหาะ ก็ยังคงลอยลำ มุ่งไปยังเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง
…
ในเทือกเขาหลงฉวน หนึ่งเดือนหลังการมาเยือนของเมืองลอยฟ้าเผ่ากริม ความสงบได้กลับคืน
เพราะท้ายที่สุดแล้ว พวกกริมยังคงเป็นเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญา พวกมันไม่คิดปักหลักในทุ่งล่า แต่เลือกตั้งรกรากในสถานที่เดิม ที่มนุษย์เคยอยู่มาก่อนหน้านี้ และสร้างอารยธรรมทับลงไป
ภายในสถานชุมชนหลงฉวนทั้งสิบแห่ง เต็มไปด้วยประชากรเผ่ากริม มีแม้กระทั่งทาสมนุษย์
ส่วนเมืองหลงฉวน ที่แต่เดิมเป็นสถานที่รวมตัวของผู้ใช้พลังระดับสูง บัดนี้ได้กลายเป็นฐานใหญ่ของเผ่ากริม
เมื่อต่างฝ่ายต่างอยู่กันคนละมิติ ดังนั้นพอเผ่ากริมสามารถยึดเมืองและได้รับสินสงคราม พวกมันจึงรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
เนื่องจากได้ค้นพบวัตถุล้ำค่ามากมายในมิติของตน ทว่าสำหรับที่นี่ กลับเป็นแค่วัตถุธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งศิลามิติ
ด้วยเหตุนี้ พวกมันจึงยิ่งออกปล้นสะดม สั่งสมความมั่งคั่งมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ
และเนื่องจากประชากรลงไปเคลื่อนไหวบนผืนดินกันเกือบหมด ดังนั้นกริมที่อยู่บนเมืองลอยฟ้า จึงเหลือแค่ 1/10 เท่านั้น กระทั่งระดับสูงบางคน หรือยานรบของเผ่าก็ยังถูกส่งออกไปปฏิบัติภารกิจ
“พอแล้วโกวก๋วน ไม่ต้องไปไกลมากกว่านี้ หยุดที่นี่” ฉินเฟิงสั่งการ
“รับทราบเจ้านาย และฉันจะรีบรวบรวมข้อมูลของหลงฉวนมาให้”
แม้มาพื้นที่ของเทือกเขาหลงฉวนแล้ว แต่โกวก๋วนก็ยังไม่วางใจ เร่งรวบรวมข้อมูลทันที และข้อมูลเหล่านี้ คือสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุดของหลงฉวน
เนื่องจากเมืองหลงฉวนอยู่ในเขตหลงเซี่ยน กลุ่มพันธมิตรมนุษย์จึงส่งกำลังคนจำนวนมาก กระจายไปประจำการยังเมืองอื่นๆ เรื่องที่โชคดีก็คือ เผ่ากริมยังไม่มีความคิดที่จะบุกโจมตี ขยายอาณาเขตในตอนนี้ ดังนั้นต่างฝ่ายต่างอยู่ในสภาวะเพ่งเล็งกันและกัน แต่มิได้ลงมือ
อย่างไรก็ตาม เรื่องที่พันธมิตรมนุษยชาติได้สูญเสียผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล A ไป ถือเป็นราคาที่มหาศาลจริงๆ
“อืม ผมว่าจะออกไปคืนนี้ ส่วนคุณ หลังจากหาข้อมูลเสร็จแล้วก็พักผ่อนเถอะ” ฉินเฟิงกล่าว
“รับทราบ ได้เรื่องแล้วฉันจะส่งคนอื่นไปแจ้งให้ทราบ ว่าแต่เจ้านายจะออกไปล่าสัตว์คนเดียวอีกแล้วหรือ?”
“ล่าสัตว์?” ฉินเฟิงทวนซ้ำ ผุดรอยยิ้มจาง “นั่นสินะ บางทีนี่อาจเป็นการล่าสัตว์ก็ได้”
ตกดึก ความมืดมิดปกคลุมไปทั่วแผ่นดิน
ท่ามกลางสภาพแวดล้อมเช่นนี้ อบิลิตี้มืดของฉินเฟิง จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น!
ยังไม่พอ ฉินเฟิงและไป๋หลีได้สูบพลังงานจากแก่นอบิลิตี้ไปมากมาย รวมไปถึงผลึกชีพจรธรณี ส่งผลให้หากเทียบกับช่วงก่อน ความแข็งแกร่งของพวกเขาเพิ่มขึ้นหลายเท่า
ประสิทธิภาพการต่อสู้ ได้พุ่งทะยาน ก้าวมาถึงจุดที่น่าสะพรึงกลัว
“ไปกันเลย”
“ตอนนี้เพราะผลจากการดูดซับผลึกธรณี ทำให้อบิลิตี้มิติของฉัน สามารถเคลื่อนย้ายไปตำแหน่งได้อย่างแม่นยำแล้ว” อบิลิตี้ของไป๋หลี แกร่งขึ้นเป็นอย่างมาก เลยเป็นธรรมดาที่เธอจะดีใจ และพาฉินเฟิงเทเลเพอร์ตไปทันที
ไม่นาน พวกเขาก็ผ่านเทือกเขาหลงฉวน มายังตำแหน่งใกล้เคียงกับสถานชุมชนที่ 3
จากนั้น ก็มุ่งหน้าต่อไป จนสามารถเข้ามาในเมืองหลงฉวน
ชั่วเวลานี้ เหนือเมืองหลงฉวน มีเมืองยักษ์กำลังลอยลำอยู่บนท้องฟ้า
เมืองๆนี้ คือสิ่งที่ก่อภัยคุกคามต่อพันธมิตรมนุษย์ ข่มขวัญให้เหล่าผู้ใช้พลังระดับสูง ไม่กล้าบุกเข้ามาใกล้
วูซซซ!
ฉินเฟิงกับไป๋หลีปรากฏตัวขึ้นในเมืองลอยฟ้าทันที
ส่วนล่างของเมืองลอยฟ้าเป็นทรงครึ่งวงกลม ส่วนบนสร้างเป็นหอคอยและอาคารสูง เรียงรายกันหนาแน่น แต่ทั้งหมดก็ยังเป็นทรงวงกลม
เมืองลอยฟ้าแห่งนี้ สามารถจุคนได้นับแสนคน มันมีขนาดกว้างใหญ่มาก แต่ตอนนี้ในเมือง เหลือเผ่ากริมที่ประจำการอยู่แค่หมื่นตนเท่านั้น
การปรากฏตัวของไป๋หลีกับฉินเฟิง ไม่ได้ดึงดูดความสนใจจากใครเลย พวกเขามาโผล่ในบ้านว่างเปล่าหลังหนึ่งบนเมืองลอยฟ้า
ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณอบิลิตี้อันทรงพลังของไป๋หลี ที่สามารถเลือกสถานที่ลับสายตาได้
พลังสมาธิของไป๋หลีกวาดออก ทั้งสองหายวับไปจากตัวบ้าน
เพียงพริบตา เมื่อวิสัยทัศน์กลับมาอีกที ฉินเฟิงก็พบกับห้องควบคุมขนาดใหญ่แล้ว
ห้องนี้มีขนาดใหญ่กว่าเรือเหาะมาก เต็มไปด้วยแผงวงจรและปุ่มนับไม่ถ้วน และเสียงเผ่ากริมที่กำลังวุ่นวายกับภารกิจของตนเอง
“ใครกัน?”
จู่ๆกริมตัวหนึ่งส่งเสียงตวาดโวยวายออกมา
เพราะสุดท้ายแล้ว ไป๋หลีกับฉินเฟิงปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน จึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะทันตั้งตัว —ที่แท้นี่ก็คือกองบัญชาการของเมืองลอยฟ้านั่นเอง!
และหนึ่งในนั้นแต่งตัวอลังการเป็นพิเศษ มันคือกริมที่ครอบครองปีกขนาดใหญ่ ทั้งตนทั้งร่างแผ่กลิ่นอายจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล C
—เป็นนายพลผู้รับผิดชอบในการบุกโจมตีเมืองมนุษย์ในครั้งนี้!
“พวกมันคือมนุษย์! รีบฆ่าพวกมันซะ!” นายพลกริมเมื่อเห็นฉินเฟิงและไป๋หลี ก็ชี้นิ้วมาทางพวกเขาทันที
ทหารกริมรอบด้านชักอาวุธออกมา เล็งไปทางฉินเฟิง
แต่แล้วในเสี้ยววินาที ความมืดมิดพลันปกคลุมทั่วบริเวณ
ท่ามกลางความมืดมิด ปรากฏเสียงกรีดร้องน่าสังเวชดังสะท้อนครั้งแล้วครั้งเล่า
นายพลกริมยังไม่ทันได้เอ่ยประโยคที่สอง ก็ถูกมีดกษัตริย์ครามในมือของฉินเฟิงสะบั้นศีรษะ!
ในเวลาไม่กี่ลมหายใจ กริมหลายร้อยตนในห้องควบคุม ทั้งหมดจบชีวิตลง
ฉินเฟิงเปิดใช้งานแผงควบคุมเมืองลอยฟ้า แม้การทำงานของเมืองลอยฟ้าจะแตกต่างจากเรือเหาะ แต่ในชีวิตก่อน ฉินเฟิงเคยเข้าร่วมการจำลองขับเมืองลอยฟ้ามาก่อน ดังนั้นปุ่มพื้นฐานเขารู้จักมันทั้งหมด นอกจากนี้ เมืองลอยฟ้ายังสามารถใช้พลังสมาธิควบคุมได้ ฉะนั้นเข้าทางเขา
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากขนาดอันใหญ่โตของมัน ทำให้ต้องการคนจำนวนมากร่วมควบคุม ถึงจะสามารถระดมยิงเป็นพิสัยกว้างได้
แต่ฉินเฟิงในตอนนี้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งใครหน้าไหนทั้งนั้น
พลังสมาธิของเขาเชื่อมต่อกับปืนใหญ่นับไม่ถ้วน เปิดการทำงานของพวกมัน เริ่มการสั่งสมพลังงาน
ไม่กี่อึดใจต่อมา ปืนใหญ่ก็ระเบิดยิงลงไปยังเมืองหลงฉวนโดยตรง!
เผ่ากริมในเมืองหลงฉวน เชิดหัวขึ้นมองด้วยความตื่นตะลึง จ้องค้างไปยังเมืองลอยฟ้าที่ปะทุแสงสีขาวพรั่งพราวท่ามกลางความมืดมิด
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเมืองลอยฟ้าถึงเปิดใช้งานระบบโจมตีได้?”
“พวกเขากำลังคิดจะทำอะไร เป็นบ้าไปแล้วรึไง?”
“นั่นสิ ทำ—–แว๊กกกก”
ทั้งหมดต่างบังเกิดข้อสงสัยในหัวใจ แต่ในที่สุด ข้อสงสัยเหล่านี้ ภายใต้เสียงกระหึ่มของลำแสงพลังงานขนาดใหญ่ เสียงสบถด่าแปรเปลี่ยนเป็นเสียงร้องระงม
ฉินเฟิงควบคุมเมืองลอยฟ้า สาดยิงปืนใหญ่เข้าใส่หลงฉวนไม่ยั้ง
กริมหลายหมื่นตนจบชีวิตลง