โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 523 - ดึงดูดความสนใจของผู้คน
Ep.523 – ดึงดูดความสนใจของผู้คน
ก่อนหน้านี้เขาบอกว่าฉินเฟิงคิดหนีทัพ แต่ในชั่วพริบตาเดียว ผลลัพธ์กลับกลายเป็นฉินเฟิงสังหารกองทัพสัตว์ร้ายระลอกที่กำลังจะมาถึงทั้งหมดแทน ต้องรู้นะว่า ในกองทัพสัตว์ร้ายแต่ละระลอก มันมีสัตว์ร้ายอยู่อย่างน้อยก็นับพันตัว
แล้วแบบนี้ ตัวเขาจะไม่รู้สึกราวกับถูกตบหน้าได้อย่างไร? ทุกสิ่งเกิดขึ้นเร็วเกินไป ไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ
ขณะเดียวกัน เมื่อเห็นอบิลิตี้ของฉินเฟิง ทหารบนกำแพงชายแดน ต่างส่งเสียงโห่ร้องออกมา
ความแข็งแกร่งของทหารเหล่านี้ต่ำมาก ส่วนใหญ่เลเวล F และ E และในบรรดาคนเหล่านี้ ตราบชั่วชีวิตอาจไม่มีทางไปถึงเลเวล D การก้าวไปอยู่ในระดับเดียวกับฉินเฟิง ยิ่งเป็นไปไม่ได้
พวกเขาไม่รู้หรอกว่าฉินเฟิงแข็งแกร่งแตกต่างจากคนอื่นๆ ทว่าสิ่งที่ฉินเฟิงสำแดงออกมาเมื่อครู่ ย่อมมิใช่ใดอื่น เป็นอบิลิตี้อย่างแน่นอน
และการกระทำของฉินเฟิง มันทำให้ในหัวใจของพวกเขาลุกโชนไปด้วยความหวัง!
“นั่นน่ะหรือคือการโจมตีของผู้ใช้อบิลิตี้ระดับสูง วาดมือเพียงครั้ง สามารถสยบกองทัพสัตว์ร้าย กวาดล้างพวกมันราวกับหายไปในกลุ่มควัน”
“ถ้าเขาทำแบบนั้นได้ งั้นผู้ใช้อบิลิตี้ระดับสูงคนอื่นๆก็น่าจะทำได้เหมือนกัน!”
“อา! ท่านผู้ใช้อบิลิตี้ตรงนั้น โปรดเร่งโจมตีเถอะ กวาดล้างกองทัพสัตว์ร้ายให้หมดไปที”
ทหารบางคนกล่าวด้วยความตื่นเต้น วิ่งเข้าหาผู้ใช้อบิลิตี้บนกำแพงชายแดน ในแววตาของพวกเขาสะท้อนถึงความเคารพเทิดทูน
แม้เหล่าผู้ใช้อบิลิตี้บนกำแพงจะทราบดี ว่าแววตานี้เกิดขึ้นเพราะฉินเฟิง กระทั่งความเทิดทูนที่มี ก็ยังเป็นความเทิดทูนฉินเฟิง
อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกมองด้วยสายตาคาดหวัง พวกเขาก็รู้สึกว่าเลือดในกายตนเริ่มเดือดพล่าน
“ได้เลย! ตั้งใจดูฉันให้ดี!”
“เจ้าสัตว์ร้ายพวกนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าไก่กา เมื่อเผชิญกับอบิลิตี้ทอร์นาโดของฉัน!”
“เทคนิคมังกรดิน!”
“ระเบิดคลื่นสึนามิ!”
เดิมผู้ใช้อบิลิตี้คิดประหยัดพลังสมาธิของตนเอาไว้ ค่อยๆโจมตีทีละเล็ก ทีละน้อย เพราะใครจะรู้ ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น? จะมีสัตว์ร้ายสายพันธุ์ใดปรากฏกาย? เลยเกิดความคิดไปโดยไม่รู้ตัว ว่าสัตว์ร้ายระลอกแรกๆ ไม่คุ้มค่าต่อการใช้อบิลิตี้ที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขา
ทว่าเมื่อเห็นการแสดงของฉินเฟิง และสายตาของเหล่าทหาร ทั้งหมดราวกับถูกต้องมนต์สะกด ให้ต้องทำตาม
อบิลิตี้อันทรงพลัง เทคนิคแล้ว เทคนิคเล่าระเบิดออกมา ส่งผลให้ช่วงเวลานี้ ผู้คนได้ตระหนักว่า –ผู้ใช้อบิลิตี้น่าสะพรึงกลัวเพียงใด!
หลังก้าวเข้าสู่ยุคโลกาวินาศ อาชีพที่แข็งแกร่งที่สุด ย่อมไม่พ้นผู้ใช้อบิลิตี้ และในเวลานี้ คมเขี้ยวของพวกเขา ได้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว!
เพียงเสี้ยวพริบตา สัตว์ร้ายที่แสนโหดเหี้ยม ทั้งหมดถูกอบิลิตี้แล้ว อบิลิตี้เล่าระเบิดเข้าใส่ กดดันอย่างหนัก เสียงคร่ำครวญน่าเวทนาดังสะท้อนสะท้านไปทั้งสมรภูมิ
“เหล่าพี่น้อง พวกเราจะพลาดงานฉลองเช่นนี้ได้อย่างไร ไปร่วมวงกันเถิด!” ผู้ใช้วรยุทธโบราณเมื่อเห็นฉากดังกล่าว ย่อมไม่ยินยอมปฏิเสธว่าอาชีพตนนั้นด้อยกว่า ทั้งหมดรีดเร้นกำลังภายใน ระเบิดพละกำลังขั้นสุดในทำนองเดียวกัน
และกำลังภายในที่รีดเร้นออกมาอย่างเต็มที่ ยามใช้ออกด้วยกระบวนท่าวรยุทธ มันรุนแรงโหดเหี้ยมไม่แพ้กัน!
สัตว์ร้ายที่กำลังจะตายจากการถูกโจมตีโดยอบิลิตี้ มิอาจฝืนต้านทาน ถูกบดขยี้ทันที
ภายใต้การระเบิดความแข็งแกร่งสุดกำลังของผู้คน ส่งผลให้ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง กองทัพสัตว์ร้ายบริเวณหน้ากำแพง ถูกกวาดล้างจนสิ้น
เลือดลมของผู้คนพลุ่งพล่านถึงขีดสุด แม้พลังสมาธิและกำลังภายในจะเหือดหายไปมาก ทว่ากำลังใจในกายกลับยังเต็มเปี่ยม เพราะอย่างไรเสีย ผลลัพธ์ในครั้งนี้ ถือว่าน่าพอใจยิ่ง
อย่างน้อยที่สุด การต่อสู้บ้าคลั่งเช่นนี้ ก็ลดความเสียหายได้มาก ผู้คนส่วนใหญ่ สามารถรอดชีวิตมาได้ทั้งหมด
แม้หลังจากนั้น จะยังมีสัตว์ร้ายบางส่วนที่กระจัดกระจาย แตกฝูงจากกองทัพปรากฏขึ้นประปราย แต่มันก็ถูกจัดการโดยผู้แข็งแกร่งอย่างทันท่วงที ขณะที่สายตาของคนส่วนใหญ่ตรึงอยู่กับอุปกรณ์สื่อสาร
เพราะมีแค่วิธีนี้เท่านั้น ที่จะสามารถดูฉินเฟิงได้
โดรนของเมืองเป่ยหัว สามารถเก็บภาพของฉินเฟิงได้อย่างชัดเจน บันทึกลงไป และส่งผ่านมายังอุปกรณ์สื่อสารของพวกเขา
ห่างจากแนวชายแดนหลายกิโลเมตร ฉินเฟิงยังคงมุ่งหน้าต่อไป
ก่อนหน้านี้เขาเดินทางโดยฮอลศึก ต้องใช้เวลากว่าสามชั่วโมงจึงสามารถไปถึงรอยแยกมิติของป่าหยวนได้ แต่ในครั้งนี้ ฉินเฟิงเดินทางด้วยเท้า เลยเป็นธรรมดาที่จะเสียเวลากว่าเดิมมาก
อีกทั้งระหว่างทาง ยังปรากฏสัตว์ร้ายต่างมิติคอยดักอยู่เบื้องหน้า และยิ่งลึกเข้าไป ก็ยิ่งทวีจำนวนมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ
ณ ตำแหน่งที่ห่างไกลออกไป บังเกิดเสียงคำรามฟังดูมืดมนขึ้นอย่างกะทันหัน คู่ดวงตาของฉินเฟิงเปล่งประกายขึ้นทันใด
เพราะสิ่งที่กำลังจะปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขาต่อจากนี้ คาดว่าจะเป็นฝูงโทรลล์!
ฝูงโทรลล์มิใช่เผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญา สมองของพวกมันเทียบไม่ได้กับเด็กสามขวบด้วยซ้ำ ทว่าแต่ละตัวล้วนกระหายเลือด โหดร้ายป่าเถื่อนเป็นอย่างมาก
ยิ่งไปกว่านั้น โทรลล์ยังมีความสูงกว่า 5 เมตร ขาข้างหนึ่งของมัน เทียบเท่ากับมนุษย์ผู้ใหญ่ และในบรรดาโทรลล์ อาจมีบางตัวที่สูงมากกว่า 10 เมตร ขณะนี้ ฝูงโทรลล์ปรากฏตัวขึ้น ใบหน้าของพวกมันบูดบึ้งน่าเกลียด ตามตัวแพร่กลิ่นอายสังหารออกมา
กระทั่งอาวุธที่ดูเรียบง่ายในมือ ยังมีเลือดสดๆหยดย้อย เบื้องหน้าพวกมัน เป็นสัตว์ร้ายหลายตัวกำลังถูกล่า
เห็นได้ชัดว่าตลอดเส้นทางที่พวกมันเดินผ่าน เกิดการฆ่าสังหารตลอดเวลา
“เป็นโทรลล์เลเวล C6 !” ฉินเฟิงสาดสายตาเย็นชา ในป่าหยวนแห่งนี้ มีสัตว์ร้ายโผล่ออกมาไม่สิ้นสุดจริงๆ
ตูม!
ฉินเฟิงทิ้งดิ่งจากฟ้า ตกลงสู่พื้นอีกครั้ง วินาทีต่อมา อบิลิตี้ก็ถูกปลดปล่อย แต่ในคราวนี้ มันมิใช่เพลิงบรรจบ
จำนวนฝูงโทรลล์เหล่านี้ คาดว่าน่าจะสักสองพันตัว แต่พวกมันกระจุกรวมตัวกันเดิน มิได้กินพื้นที่อะไรมากมาย
ดังนั้นฉินเฟิงเลยคิดว่า มีอบิลิตี้อื่นที่เหมาะสมกับสถานการณ์นี้
“สายฝนแห่งความตาย!”
เพียงพริบตา เสาแสงสีดำพลันปะทุออกจากมือฉินเฟิง พวยพุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้า ไม่นานมันก็ทะลวงผ่านชั้นเมฆ แปรเปลี่ยนบรรยากาศโดยรอบให้กลายเป็นมืดมิด
ฝูงโทรลล์เงยหน้ามองด้วยความสงสัย แต่มันก็พบแค่ว่าเมฆเบื้องบนดูประหลาดไป ไม่มีอื่นใดอีก
ดังนั้นกรีฑาทัพต่อไป ไม่มีเจตนาจะหยุดเดิน
ฉินเฟิงควบคุมเมฆทะมึนโดยไร้ซึ่งความลังเล กดพวกมันให้ต่ำลงมา
แน่นอน สายฝนแห่งความตายไม่ทำให้ผู้คนต้องเสียเวลารอนาน เพียงไม่กี่ลมหายใจ เม็ดฝนสีดำก็ร่วงตกลงมา ปกคลุมผืนฟ้า ให้กลายเป็นดินแดนแห่งความตาย
เป๊าะ …
ต้นไม้ยักษ์ถูกกระหน่ำโดยเม็ดฝน ลำต้นใหญ่กลายเป็นลีบแบนเปราะบาง ใบและกิ่งก้านแห้งเหี่ยวทันใด สูญเสียชีวิตชีวาไป กลายเป็นต้นไม้ตายในพริบตา
“อู อู!”
โทรลล์กรีดร้องขวัญผวา เพียงเม็ดฝนตกกระทบลงบนกายของพวกมัน เนื้อหนังถูกกัดกร่อนเป็นหลุมบ่อขนาดใหญ่
“อู อู อูออออ! ”
เสียงร้องโวยวายน่าเวทนาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
กระทั่งโดรนบางตัว ยังถูกละลายโดยเม็ดฝน ในขณะที่โดรนอื่นๆจากระยะไกล ไม่สามารถถ่ายสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้ก้อนเมฆ ส่งมาได้แค่เพียงฉากอบิลิตี้อันน่าพรั่นพรึง
“นี่ .. นี่คืออบิลิตี้มืดอย่างงั้นหรือ? ที่แท้ ฉินเฟิงก็เป็นผู้ใช้อบิลิตี้สองประสาน!”
“แข็งแกร่ง จะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”
“แต่ไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าจะหยุดกองทัพสัตว์ร้ายได้รึเปล่า”
ผู้ใช้พลังที่ก้มลงมองอุปกรณ์สื่อสาร ทั้งตื่นเต้นทั้งกังวล
และในหัวใจของพวกเขา ก็ยิ่งหนักอึ้งขึ้น เมื่อเห็นโทรลล์บางตัว วิ่งหลบหนีออกจากเขตเมฆทะมึนอย่างโกลาหล ทว่าทั้งตัวของพวกมันท่วมไปด้วยเลือด กล้ามเนื้อไม่กำยำอีกต่อไป ทั้งยังเต็มไปด้วยหลุมบ่อขุรขระ
โทรลล์เหล่านี้ หลบหนีออกจากสายฝนแห่งความตาย แตกฮือไปทุกทิศทาง สีหน้าของพวกมันตื่นตระหนก ราวกับเพิ่งพบเผชิญกับเรื่องน่าหวาดกลัวมา
แน่นอน ว่าที่หนีพ้น มีราวๆ 100 ตัวเท่านั้น
ส่วนที่เหลืออยู่ ยังถูกขังอยู่ภายใต้เมฆทะมึน
สิบนาทีต่อมา เมฆทะมึนก็เริ่มสลายตัว สองร่างทะยานจากพื้นดินขึ้นสู่ฟากฟ้า เริ่มมุ่งหน้าต่อไป เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคือฉินเฟิงและไป๋หลี
เบื้องหลังเขาและเธอ สภาพแวดล้อมที่แต่เดิมเต็มไปด้วยป่าทึบ บัดนี้กลายเป็นพื้นที่รกร้างขนาดสี่เหลี่ยมจัตุรัส บนพื้นดินปกคลุมไปด้วยสีดำ ราวกับแอ่งโคลนที่เป็นหลุมลึกดูน่าสะพรึงกลัว
และภายในสี่เหลี่ยมจัตรัส มันไม่มีอะไรอยู่เลย ราวกับว่า ไม่เคยมีกองทัพโทรลล์อยู่มาก่อน
บรรดาตัวตนทรงพลังที่อยู่บริเวณชายแดน กลายเป็นใบ้ไปชั่วขณะหนึ่ง
ต้องใช้เวลาอยู่นาน กว่าเลเวล B คนหนึ่งจะเอ่ยขึ้น “เตรียมตัวรับมือศัตรู! มีหลายสิบโทรลล์กำลังมุ่งหน้ามาทางเรา!”
อย่างไรก็ตาม แม้จะได้รับคำสั่ง แต่บางคนกลับนิ่งงันไม่ไหวติง
หลายสิบโทรลล์? ป้ามันเถอะ ที่นี่มีผู้ใช้พลังเลเวล C ประจำการอยู่อย่างน้อยก็หลายพันคน และเลเวล B อีกนับร้อย แล้วพวกเขาต้องให้ความสนใจฝูงโทรลล์ไม่ถึงร้อยด้วยหรือ? แค่ใช้นิ้วดีดพวกมันคนละครั้งก็ตายหมดแล้ว
พวกเขาในตอนนี้ ต้องการดูฉินเฟิงต่างหาก ดูว่าฉินเฟิงจะทำอย่างไรต่อไป จะสามารถไปถึงส่วนลึกของป่าหยวนซึ่งมีรอยแยกมิติอยู่หรือไม่
แต่ที่พวกเรารู้แน่ๆก็คือ ฉินเฟิงมิได้คุยโวอย่างแน่นอน!