โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 551 - เกราะศักดิ์สิทธิ์ชั้นรอง
Ep.551 – เกราะศักดิ์สิทธิ์ชั้นรอง
ฉินเฟิงมีไป๋หลี ดังนั้นหากเขาต้องการจะไป ย่อมสามารถไปได้ทุกที่ตามต้องการ เจ้าตัวเพิกเฉยต่อเหล่าวิญญาณต่างมิติรอบกายที่กำลังกรูกันไปยังตำแหน่งเดิมของเสาแสง ไม่ช้าก็สามารถออกจากวงล้อมมาได้
ขณะเดียวกัน เหล่าลูกรักของพระเจ้าที่ยังคงอยู่ เนื่องจากไม่ทราบว่าถุงมือเกราะศักดิ์สิทธิ์ตกอยู่ที่ใคร ดังนั้นล่าสังหารไม่หยุดยั้ง แต่ไม่นานก็ถูกปิดล้อมโดยวิญญาณต่างมิติ ทั้งหมดยอมสงบศึก หันกลับมาผนึกกำลัง ร่วมกันโจมตี และกว่าการต่อสู้จะจบลง เวลาก็ล่วงเลยผ่านไปกว่าสามชั่วโมงแล้ว
ทางด้านฉินเฟิง ตั้งแต่ออกมาเขาก็มองหามุมเงียบๆและปลอดภัย จากนั้นเหยียดมือออกไป ปล่อยอุปกรณ์รูนมิติที่ได้รับมาอย่างน้อยสามสิบชิ้น โยนเข้าไปในเขตแดนลับสุสานเทพสงคราม
ภายในเมืองเฟิงหลี ซูซิงฝูเป็นคนแรกที่ตระหนักถึง เขารู้ได้ทันทีว่าใครเป็นคนส่งมา ดังนั้นติดต่อหาโจวฮ่าวทันที
โจวฮ่าวยังคงรั้งอยู่ในเมืองหลวงมังกร ฝึกพิเศษอยู่ที่นั่น ความแข็งแกร่งของเขาค่อยๆเพิ่มพูน
“อย่าเพิ่งปล่อยข่าวเรื่องนี้ออกไป ให้พวกคิดไม่ซื่อในกลุ่มมันตายใจก่อน ถึงเวลาจะได้ไล่ออกไปทีเดียว!” โจวฮ่าวกล่าว
“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”
“ดีล่ะ ก่อนอื่นก็คอยสังเกตการณ์พวกมัน แล้วหลังจากเจ้าบ้านั่นกลับมา พวกเราค่อยบอกเรื่องของฉินเฟิง ตีแสกหน้าไอ้พวกคิดทรยศ!”
ซูซิงฝูพยักหน้าเห็นด้วย แม้การบริหารของเขาจะยอดเยี่ยม แต่อันที่จริงเขาอายุมากแล้ว ดังนั้นเกิดความคิดว่าตราบใดที่มีคนมีความสามารถอยู่ในควบคุม ทุกสิ่งย่อมเป็นไปด้วยดี แต่น่าเสียดาย ที่ความแข็งแกร่งเขามันน้อยไป ไม่อาจสะกดข่มผู้คนเหล่านั้นเอาไว้ได้
ดังนั้นไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องกำจัด!
คนคิดคดพวกนี้ เดิมมาเข้าร่วมกับเฟิงหลีเพราะความชื่นชม กระทั่งบางคน แฝงตัวมาด้วยเจตนาไม่ดีแต่แรก ดังนั้นเร่งเก็บกวาดพวกมันก่อนสายเกินไปจะดีที่สุด
ฉินเฟิงไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำของตน จะเป็นการช่วยตัดสินใจขั้นเด็ดขาดให้แก่ซูซิงฝูกับโจวฮ่าว ขณะนี้เจ้าตัวกำลังศึกษาเกราะศักดิ์สิทธิ์ชั้นรองอยู่
เดิมทีเขาคิดว่า หลังจากเกราะชั้นรองหลุดจากการปกป้องของวิญญาณต่างมิติแล้ว มันจะไม่ระเบิดแสงออกมา อีกทั้งยังไม่คาดคิดว่า แม้สิ่งนั้นจะตกอยู่ในมิติของไป๋หลีแล้วก็ตาม แต่มันยังคงสาดแสงขึ้นสู่ฟากฟ้า ด้วยเหตุนี้เอง เขาเลยไม่สามารถนำมันออกมาได้
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงก็สามารถคิดหาหนทางแก้ปัญหามันได้อย่างรวดเร็ว!
ฉินเฟิงมอบรูบิควิเศษให้แก่ไป๋หลี บอกเธอให้นำรูบิคเข้าไปในพื้นที่มิติ และจัดการหลอมรวมมันจากภายใน
เพราะสิ่งที่รูบิควิเศษสร้างขึ้น มันจะไม่สาดแสงใดๆ กลายเป็นอุปกรณ์ที่ดูเรียบง่ายแต่ทรงพลัง!
ไป๋หลีศึกษามันอยู่พักหนึ่ง เธอไม่ได้ใส่อะไรลงไปมั่วๆ นอกจากถุงมือแล้วก็เป็นวัสดุสีเข้มไม่กี่ชิ้น ดังนั้นเมื่อนำถุงมือออกมา ไม่เพียงแสงสีเงินจะหายไปไม่อาจมองเห็น แต่ตัวถุงมือยังกลายเป็นสีดำ
ฉินเฟิงหยิบถุงมือขึ้นมาดู สามารถสังเกตมันอย่างใกล้ชิดได้ในที่สุด เขาพบว่าเจ้าสิ่งที่ผู้คนเรียกกันว่าเกราะศักดิ์สิทธิ์นี้ แท้จริงแล้ว–
“–มันทำมาจากโลหะ? คิดว่าน่าจะเป็นเทคโนโลยีของโลกใบนี้”
ฉินเฟิงลองสวมถุงมือ ถุงมือนี้คล้ายรู้หน้าที่ของตัวเอง มันหดเล็กลง กระชับเข้ากับมือของฉินเฟิงทันที ไม่หลวมหรืออึดอัดจนเกินไป ราวกับว่านอกมือของฉินเฟิง มีชั้นฟิล์มบางๆห่อหุ้มเอาไว้ และชั้นฟิล์มนี้ ราวกับผุดงอกขึ้นมาจากบนมือ มันไม่มีร่องรอยของตะเข็บเลย
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น พลังงานอันมหาศาลพลันปะทุออกมา
พลังงานนี้ แทรกซึมตามฝ่ามือของฉินเฟิงเข้าไปในร่างกายเขา ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงประทังเข้ามาพร้อมกัน
และพลังงานนี้ไม่ได้ไหลไปตามเส้นลมปราณ หรือตามทางเดินของเลือดเนื้อ แต่มันเป็นการกระจายออกไปแบบสุ่ม นี่ไม่ใช่เรื่องดี เพราะมันก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บอย่างใหญ่หลวง
ผ่านไปได้ไม่นาน สองมือของฉินเฟิงรู้สึกราวกับถูกบดขยี้ ที่ยังฝืนทนได้ถึงตอนนี้ เป็นเพราะร่างกายของอันแข็งแกร่งของเขาเลยยังพอสามารถต่อต้านผลกระทบดังกล่าวได้ แต่หากโดนซ้ำๆต่อเนื่องมันก็ไม่ไหวเหมือนกัน
“พลังงานพวกนี้มันบ้าอะไรกัน? ชักไม่เข้าท่าแล้ว” ฉินเฟิงไม่เคยคิดเลยว่าวิกฤตเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับตน
“พลังพิเศษดูดกลืน!”
ฉินเฟิงปลดปล่อยอบิลิตี้ติดตัวอีกครั้ง และดูเหมือนว่าจะได้ผล พลังงานอันน่าหวาดกลัวนี้ถูกดูดซับโดยพลังพิเศษของเขา
พลังงานดังกล่าวถูกส่งเข้าไปยังจักรวาลแห่งจิตสำนึกของฉินเฟิง ดาวเคราะห์เพชรหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง อบิลิตี้สีดำปะทุออกมา เริ่มดึงดูดพลังงานอันโกลาหลเหล่านี้ แล้วกลืนกินเข้าไป
พลังงานดังกล่าว ถือเป็นพลังงานบริสุทธิ์ระหว่างฟ้าดิน และปริมาณก็มหาศาล อีกทั้งดูเหมือนว่ามันจะสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานชนิดใดก็ได้
ฉินเฟิงนำมันไปใช้เสริมสร้างร่างกายของตนเอง ความแข็งแกร่งทางกายภาพค่อยๆพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ทว่าระดับการผสานตัวของเซลล์ของฉินเฟิง มันไม่สามารถจุพลังงานมากขนาดนี้ได้ ดังนั้นฉินเฟิงไม่มีทางเลือกอื่น ทำได้แค่ใส่พลังงานนี้ เข้าไปผสานกับดาวเคราะห์ในจักรวาลจิตสำนึก
ส่งผลพลังสมาธิของฉินเฟิงเพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม พลังเหล่านี้แม้บุกเข้ามา แต่ก็จากไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ปริมาณพลังสมาธิของฉินเฟิงที่เพิ่มขึ้น อาจเทียบเท่าได้กับการฝึกฝนเทคนิคหนทางสู่เจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ถึงหนึ่งเดือน
ช่วงเวลานี้ ฉินเฟิงก้มลงมองถุงมืออีกครั้ง ปัจจุบัน เขาสามารถสัมผัสได้ถึงระดับของเกราะศักดิ์สิทธิ์อันแสนพิเศษนี้แล้ว
เกราะศักดิ์สิทธิ์ที่เผ่าวิญญาณใช้ เมื่อเทียบกับอุปกรณ์ดัดแปลงแบบพิเศษ มันมีประสิทธิภาพกว่ามาก สามารถแปลงพลังสมาธิให้กลายเป็นพลังงานชนิดอื่น และระเบิดมันออกมาได้
สรุปให้เข้าใจก็คือ ฉินเฟิงยังไม่สามารถบอกได้ว่ามันทรงพลังแค่ไหน แต่สิ่งที่โชคดีก็คือ เจ้าสิ่งนี้สามารถใช้ทดสอบได้เลยในทันที
ฉินเฟิงวาดมือออกทันใด ลำแสงสีเงินขาวสว่างวาบ พุ่งจากฝ่ามือเขาในพริบตา
ลำแสงนี้ เทียบได้กับอำนาจของปืนใหญ่พลังงานแก่นสัตว์ร้าย แต่พลังงานของมันเหมือนจะเป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร โดยเฉพาะอำนาจในการเจาะทะลวง ถือว่าแข็งแกร่งมาก
“ของชั้นดี!” เจ้าสิ่งนี้เทียบเท่ากับอาวุธปืนใหญ่ขนาดพกพา สามารถโจมตีได้ทันทีโดยไม่ต้องติดตั้งจักรกลขนาดใหญ่ หากนำไปศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม แล้วผลิตมอบให้แก่กองทัพใดกองทัพหนึ่ง พวกเขาจะไม่กลายเป็นคงกระพันเลยหรือ?
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน สำหรับฉันในตอนนี้ มันไม่มีประโยชน์อะไร ไป๋หลี ฉันขอมอบมันให้เธอ ถ้าใครก็ตามเข้ามาใกล้ ให้ยื่นฝ่ามือออกไป รับรองเลยว่ามันจะถูกเป่าจนระเบิดเป็นจุณ!”
ฉินเฟิงถอดถุงมือและมอบให้ไป๋หลี
สำหรับอำนาจอันน่าสะพรึงของมัน อันที่จริงแล้วจำเป็นต้องได้รับการสั่งสมพลังงานอยู่ตลอดเวลา กระทั่งพลังงานที่กักเก็บไว้ในเกราะศักดิ์สิทธิ์ชั้นรองชิ้นนี้ ตัวถุงมือก็สามารถนำออกมาชาร์จได้ มันสามารถระเบิดอำนาจออกมาหลายเท่าจากพลังงานที่ชาร์จเข้าไป เพราะแบบนี้เองสินะ บรรดาลูกรักของพระเจ้าถึงได้คลุ้มคลั่งหลงใหล ปรารถนาในมัน
อย่างไรก็ตาม การดำรงอยู่ของสิ่งที่เรียกว่าเกราะศักดิ์สิทธิ์ ฉินเฟิงไม่คิดสวมใส่มันเลย เพราะกำลังภายในของเขาเองก็แข็งแกร่งกว่าคนปกติหลายเท่าอยู่แล้ว ดังนั้นไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอะไรแบบนี้
แต่เจ้าสิ่งนี้เหมาะสมกับไป๋หลี เพราะนอกจากช่วยป้องกันมิให้สถานะผู้ใช้อบิลิตี้มิติของเธอถูกเปิดเผยแล้ว การได้รับเกราะชั้นรองชิ้นนี้ ยังทำให้เธอมีความสุขมาก เด็กสาวเปิดใช้งานรูบิควิเศษอีกครั้ง เปลี่ยนรูปลักษณ์ของถุงมือ ให้กลายเป็นถุงมือลายลูกไม้สีดำ ดูเหมือนเครื่องประดับมากกว่าอาวุธ เกรงว่าหากใครมาเห็น ต่อให้มองใกล้ๆ ก็คงไม่มีใครจดจำได้ ว่านี่คือการดำรงอยู่ที่พวกเขาปรารถนาแย่งชิง
“ต่อให้เป็นเกราะศักดิ์สิทธิ์ชั้นรองแต่ก็มีมูลค่ามหาศาล ยิ่งไปกว่านั้น พลังงานที่เหลืออยู่ข้างใน ยังมีประโยชน์มากสำหรับฉัน มันใช้ยกระดับได้!”
อย่างไรก็ตาม ช่างน่าเสียดายที่พลังงานดังกล่าวเหลืออยู่ไม่มากนัก แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถเก็บเกี่ยวสมบัติอื่นๆได้มากมาย ฉินเฟิงเลยไม่ค่อยเสียใจเท่าไหร่
เพียงชั่วพริบตา เวลาก็ผ่านพ้นไปอีกสี่วัน ในช่วงหลายวันมานี้ ฉินเฟิงยังเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรอยู่หลายครั้ง ปล้นชิงสมบัติของเผ่าวิญญาณ ขณะเดียวกัน ลูกรักของพระเจ้าจากเผ่าต่างๆก็เริ่มมารวมตัวกันมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ จนกลางเมืองที่ล่มสลายตอนนี้ มีผู้คนมารวมตัวกันอยู่นับหมื่นชีวิต
ในวันเดียวกัน หลังจากเข้าร่วมภารกิจนองเลือด ช่วงชิงสมบัติได้ตามต้องการ ฉินเฟิงกับไป๋หลีก็แยกตัวออกมาอย่างเงียบๆ
แต่สิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดเลยก็คือ เมื่อพวกเขาตัดสินใจเดินเข้ามายังค่ายใหญ่ที่สุดของลูกรักของพระเจ้า กลับมีคนๆหนึ่งที่ฉินเฟิงรู้จักรวมอยู่ด้วย
–เป็นไป่หยู!
ฉินเฟิงเลิกคิ้ว ปลดปล่อยโอบกอดทมิฬปกคลุมตนและไป๋หลีทันที พลังสมาธิกวาดออกไปตรวจสอบสถานการณ์อย่างเงียบๆ