โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 585 - โชว์ให้ฉันดูหน่อยสิว่าแกจะแกร่งสักแค่ไหน
Ep.585 – โชว์ให้ฉันดูหน่อยสิว่าแกจะแกร่งสักแค่ไหน!
อย่างไรก็ตาม ความสับสนนี้ได้มลายหายไปอย่างรวดเร็ว
หลังเกิดใหม่อีกครั้ง ฉินเฟิงแทบไม่ค่อยได้เสียเวลาคิด เวลาส่วนใหญ่ เขาตระหนักดีว่าตนควรทำอะไร แล้วทำอย่างไรถึงจะออกมาดี
แม้ร่างของเขาจะดูเป็นวัยรุ่น แต่จิตวิญญาณข้างในเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง
ดังนั้นแทบไม่ต้องเสียเวลาคิด ไม่ต้องเสียเวลาลังเลใดๆ เขาก็ทราบได้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์!
“ไม่มีทางหรอกที่จะไม่มีจุดอ่อน ฉันก็แค่หามันไม่พบ หรือไม่ก็ยังแกร่งไม่พอเท่านั้นเอง!”
เห็นได้ชัดว่าเกราะศักดิ์สิทธิ์สามารถต้านทานการโจมตีของคู่ต่อสู้ได้ แต่หากต้องการขับไล่กดดดันแซดจริงๆ มันยังทำไม่ได้
“งั้นคงเหลือแค่ต้องใช้ออกด้วยความแข็งแกร่งในเลเวล S แล้วสินะ แต่ถ้าจะทำแบบนั้นได้ คงต้องระเบิดพลังเลเวล A ทั้งหมดที่มีในเกราะศักดิ์สิทธิ์ออกไปในคราวเดียว?”
แต่บังเอิญฉินเฟิงดันใช้มันออกไปก่อนแล้วเนี่ยสิ
“ฉันน่าจะรู้ตัวให้เร็วกว่านี้ และระเบิดพวกมันออกทั้งหมดในลมหายใจเดียว!”
ฉินเฟิงรู้สึกเสียใจเล็กน้อย
“ฉินเฟิง ความแข็งแกร่งของนายทำให้ฉันประหลาดใจจริงๆ แต่รู้อะไรไหม ว่าความอดทนของฉัน มันก็มีจำกัดเหมือนกัน!”
แซดเปิดปาก เปล่งเสียงสะท้านดั่งฟ้าลั่น กวาดกระจายออกไป ราวกับมันออกมาจากปากมังกรทมิฬอันน่าหวาดกลัว
เดิมแซดคิดละเล่นเป็นแมวจับหนู ไล่กดดันฉินเฟิงไปเรื่อยๆ แต่หลังจากที่หนูสามารถหลบหนีไปได้หลายครั้ง อีกทั้งยังฉวยโอกาสวกกัดตัวเอง ความสนุกก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ ไม่รู้ว่าเกมนี้น่าเล่นอีกต่อไป
ฉินเฟิงไม่ตอบคำ เวลานี้ใครเล่าจะไปมีสมาธิตอบ? ทุกครั้งที่ฉินเฟิงตอบโต้ ไป๋หลียังคงมุ่งมั่นเปิดใช้งานมิติ พื้นที่โดยรอบเขากำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้ฉินเฟิงต้องตื่นตัว ไม่มีสมาธิเอ่ยปากใดๆ
แต่ความอดทนของแซด ดูเหมือนจะมาถึงขีดจำกัดแล้ว!
มังกรยักษ์ที่ว่ายวนอยู่บนท้องฟ้า พลันขดเป็นเกลียวอย่างรุนแรง มิอาจคาดคำนวณได้เลยว่าร่างของมันยืดยาวแค่ไหน ก่อนร่วงโครม! ลงมา เปลี่ยนพื้นที่ใจกลางที่มันขดตัว ปิดล้อมฉินเฟิงกับไป๋หลีอย่างสิ้นเชิง
“โฮกกก …”
เสียงมังกรคำรามเขย่าสวรงสวรรค์ ความไวของมันรวดเร็วจนน่าตกใจ ลำตัวชั้นแล้วชั้นเล่า ขดวนรอบๆฉินเฟิง เพิ่มพูนความสูงเป็นชั้น เป็นชั้น ไม่ต่างจากรางของรถไฟเหาะ ที่ค่อยๆทะยานขึ้นสู่สวรรค์
เมื่อเหตุการณ์ดำเนินมาถึงจุดนี้ ต่อให้ฉินเฟิงมีปีก ก็คงไม่สามารถหลบหนีได้อีกต่อไป
“ดูเหมือนถ้าไม่ใช้เทคนิคสักเล็กๆน้อยๆ ยังไงนายคงไม่ยอมแพ้ เดิมทีฉันไม่อยากทำร้ายนาย แต่เพื่อให้การทดลองสมบูรณ์ ฉันจำเป็นต้องทำ!”
แซดบ่นพึมพำ ส่วนการกระทำของมังกรทมิฬ มิได้ดูอ่อนโยนเหมือนน้ำเสียงของแซดเลย มันอ้าปากใหญ่และ–
–ก๊าซซซ
วินาทีต่อมา ของเหลวข้นสีดำหมึก ถูกพ่นออกมาจากปากมัน
หากจะให้อธิบายว่าของเหลวนี้เหมือนกับฝนกระหน่ำจากเบื้องบน ก็คงไม่ถูกต้องนัก ควรอธิบายว่าท่ามกลางมหาสมุทรใหญ่ จู่ๆก็เกิดหลุมลึกยุบตัวลงอย่างกะทันหัน แล้วมีน้ำจากรอบทิศทาง ไหลทะลักลงไปในหลุมที่ว่านั่น ฉากนี้น่าหวาดกลัวยิ่งกว่า การได้เห็นเขื่อนแตกอยู่เบื้องหน้าเสียอีก
หึ่ง หึ่ง!
ปราณกำลังภายในของฉินเฟิงขยายเพิ่มขึ้นเป็นสามเมตรทันที ฉินเฟิงโอบกอดไป๋หลีเอาไว้ในอ้อมแขน กวาดมองสภาพแวดล้อมโดยรอบที่กำลังดำดิ่งสู่ความมืดมิด
มิใช่ใดอื่น นี่เป็นอบิลิตี้มืดอันน่าหวาดกลัว!
อบิลิตี้ตรงหน้า สำหรับฉินเฟิงผู้ครอบครอบศิลานรก มันอาจไม่ส่งผลกระทบมากนัก แต่ไม่ใช่สำหรับไป๋หลี
ไป๋หลีเป็นสัตว์ร้ายมิติ หากอบิลิตี้มืดนี้กัดกร่อนร่างกายเธอ อายุขัยของเด็กสาวคงไม่พ้นได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง แม้ไป๋หลีจะเป็นจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล C แต่ในแง่ของเวลา เธอไม่ต่างจากลูกเจี๊ยบที่เพิ่งฟักจากไข่ หากได้รับบาดเจ็บจากมัน ความเสียหายที่ตามมามิอาจแก้ไขได้
ช่วงเวลานี้ มังกรทมิฬม้วนตัวเป็นปราการเหล็ก ปิดกั้นจากรอบทิศทาง อักษรรูนมืดที่มันพ่นจากปาก ก็เปรียบดั่งน้ำที่กำลังเติมเต็มปรากการเหล็กอันไร้ทางออก หากไม่ทำอะไร สิ่งสุดท้ายที่จะเกิดขึ้นคือฉินเฟิงกับไป๋หลีจมน้ำตาย
พลังงานของปราณกำลังภายในถูกสูบกลืนอย่างรวดเร็ว แต่ฉินเฟิงไม่สนใจ เขายังคงเติมเต็มพลังงานแก่มันตลอดเวลา อุดช่องว่างมิให้มีรูรั่ว พลังภายในในตันเถียนราวกับเขื่อนแตก ไหลออกจากรูไปเรื่อยๆ
สถานการณ์ดังกล่าว ไม่ว่าจะมองยังไงก็สิ้นหวัง!
“พลังงานในส่วนของเลเวล S บนตัวฉันมันมีไม่เพียงพอ เกราะศักดิ์สิทธิ์ก็เหมือนกัน แต่! จงมองมาที่ฉัน ดูให้ดี! เห็นว่าฉันยอมแพ้รึยัง!!”
สายตาของฉินเฟิงกลายเป็นหนักแน่นมั่นคง นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาเป็นเช่นนี้ นับตั้งแต่ได้เจอแซด
“เทคนิคเพลิงบรรจบ!”
สภาพแวดล้อมโดยรอบฉินเฟิงลุกเป็นไฟ
เปลวไฟนี้ ท่ามกลางทะเลรูนมืด มันไม่แตกต่างไปจากกองไฟที่เล็กจ้อยและอ่อนแอ ทั้งยังใกล้จะมอดดับลงในไม่ช้า
“ยังคิดขัดขืนอีกหรอ? ลูกรักของพระเจ้าแบบนายมันช่างรั้นซะจริง ฮี่ ฮี่ หรือจะให้เรียกว่าหยิ่งทะนงแต่ไม่รู้จักชะโงกดูเงาหัวตัวเองดี?” ภายในคู่ดวงตาอันลึกล้ำของแซด สะท้อนถึงความเหยียดหยาม
ลูกรักของพระเจ้ามีอะไรที่น่าหยิ่งทะนงบ้าง? ความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าคนอื่น? ศักยภาพไร้ขีดจำกัด? แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน สองสิ่งนั้นไม่มีประโยชน์อะไรหรอก
นี่คือช่วงวัยแห่งความมุทะลุ ลูกรักของพระเจ้าในวัยนี้ยังเด็กเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่าท้องฟ้ามันกว้างใหญ่เพียงไหน
เอาไว้ถึงวัยอันควร และรู้เรื่องรู้ราวมากขึ้น เดี๋ยวก็จะรู้จักกังวล และก้าวเดินอย่างระมัดระวังเอง
แต่การที่ฉินเฟิงดื้อรั้นถึงขีดสุดเช่นนี้ บอกตามตรงว่าแซดอดชื่นชมเขาไม่ได้ ทั้งยังแทบทนรอไม่ไหว ที่จะเปลี่ยนฉินเฟิง ให้กลายเป็นตัวทดลองอันสมบูรณ์แบบ
“แซด แกมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองมันก็เป็นเรื่องที่ดี แต่อย่าลืมสิว่า ต่อให้เป็นแค่ไฟกองเล็กๆ แต่ถ้าปล่อยให้มันลุกลาม ก็สามารถเผาทั้งผืนป่าได้!”
น้ำเสียงอันสั่นเครือของฉินเฟิง ถ่ายทอดผ่านกำลังภายในออกมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นแค่มดแต่คิดเขย่าต้นไม้ นายไม่ประเมินตัวเองสูงเกินไปหน่อยหรอ”
“จะเป็นอย่างนั้นรึเปล่านะ?”
ฉินเฟิงเอ่ยทวนถาม วินาทีต่อมา พลังสมาธิพลันปะทุรุนแรงบ้าคลั่ง
ณ หว่างคิ้วของฉินเฟิง บังเกิดกระแสวังวน และใจกลางกระแสวังวน ปรากฏหินสีแดงเพลิงบินออกมา
หินก้อนนี้พอออกจากกระแสวังวน มันก็ค่อยๆเพิ่มขนาดขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายมีขนาดเท่ากำปั้น อย่างไรก็ตาม พลังงานที่อัดแน่นอยู่ในหินขนาดเท่ากำปั้น กลับรุนแรงเดือดดาลอย่างหาผู้ใดเปรียบ!
สิ่งนี้ ในตอนที่ฉินเฟิงอยู่ในเมืองเป่ยหัว ซางฮันเคยเสนอให้เขา มันคือวัตถุเลเวล S ที่ตนได้แลกเปลี่ยนมา –ศิลาศักดิ์สิทธิ์แห่งเปลวเพลิง!
สำหรับวัตถุเลเวล S ไม่ว่าชิ้นใด ก็ล้วนครอบครองอำนาจอันน่าสยดสยองชนิดไร้ที่เปรียบ!
อีกด้านหนึ่งของซีกโลก ศิลานรกขนาดเท่าก้อนกรวดเคยตกลงใจกลางเมือง อำนาจของมันถึงขั้นก่อกำเนิดจักรพรรดิซอมบี้ในเลเวลS มาแล้ว แต่ตอนนี้ ศิลาศักดิ์สิทธิ์แห่งเปลวเพลิงในมือมีขนาดเท่ากำปั้น แม้อำนาจของมันจะยังถูกยับยั้งเอาไว้ก็ตาม แต่หากปลดปล่อยมันออกมา ท่านลองจินตนาการดูเถิด ว่ามันจะน่าสะพรึงกลัวขนาดไหน!
“ไหนลองโชว์ให้ฉันได้ดูหน่อยเถอะ ว่าไอ้คนที่ยืนกรานว่าอาชีพของตัวเองน่ะแข็งแกร่งที่สุด แท้จริงแล้วมันจะแน่สักแค่ไหน!”
“นักรบวิญญาณ จะคงกระพันจริงๆรึเปล่า?”
“ลองรับการโจมตีนี้ของฉันดู!!”
พลังสมาธิของฉินเฟิง ควบคุมศิลาเปลวเพลิงให้ลอยสูงขึ้น
พลังสมาธิเริ่มแปรสภาพเป็นเหมือนดั่งสว่านอันแหลมคม เจาะกระเทาะเปลือกของศิลาศักดิ์สิทธิ์แห่งเปลวเพลิง และเริ่มแงะมัน
เปร๊ยะ!
บังเกิดเสียงเล็กๆ แผ่วเบาแทบไม่ได้ยิน ศิลาศักดิ์สิทธิ์แห่งเปลวเพลิง สมบัติระดับ S พลันแตกออก แบ่งเป็นสองซีก พลังงานที่ฝังแน่นอยู่ภายในมัน พลังงานที่แทบไม่ว่าสิ่งใดก็สามารถหลอมละลายได้พรั่งพรูออกมา จากนั้นระเบิดเปลวเพลิงลุกฮือขึ้นสู่ฟากฟ้า!
อักษรรูนภายในมัน หลั่งไหลเข้าไปหลอมรวมกับเทคนิคเพลิงบรรจบ!
ศิลาศักดิ์สิทธิ์แห่งเปลวเพลิง อำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมัน คือสามารถเพิ่มพูนพลังให้แก่ธาตุไฟได้ถึงสิบเท่า
แต่ที่ฉินเฟิงคิดทำในตอนนี้ คือการทำลายล้างอย่างบ้าคลั่งโดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ อำนาจของศิลาศักดิ์สิทธิ์แห่งเปลวเพลิงถูกดึงออกมาทั้งหมดในคราวเดียว ดังนั้นเพิ่มพูนพลังแก่ธาตุไฟไม่ใช่แค่สิบเท่า แต่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่า ลากยาวไปจนถึงพันเท่า!
เปรี้ยงงงง!!
เทคนิคเพลิงบรรจบเกิดการแตกตัว ขยายออกไกลสุดจะคาดคะเน มันแผดเผาทะเลสีหมึก ระเหยหิมะบนภูเขาสูง หลอมละลายแผ่นดิน พื้นที่โดยรอบแปรเปลี่ยนเป็นธารลาวา!
ศิลาศักดิ์สิทธิ์แห่งเปลวเพลิงเกิดการระเบิดออก ปราการเหล็กกล้าที่ถูกสร้างขึ้นโดยมังกรทมิฬ โดนกระหน่ำซัด จนพังทลายลง!
ตูม ตูม ตูม ตูม ตูมมมมม!
ช่วงเวลานี้ กระทั่งมังกรทมิฬอันน่าสยองขวัญ ตามตัวมันยังถูกเจาะทะลุโดยพลังงานเปลวเพลิงนี้
“แซด ขอฉันดูหน่อยเถอะ ว่าแกจะแน่ซักแค่ไหน!!”
ฉินเฟิงสะบัดหน้ามองฟ้า แผดคำรามกู่ก้องสุดเสียง