โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 591 - สูญเสียครั้งใหญ่
Ep.591 – สูญเสียครั้งใหญ่
“ฉันจะไปเก็บวัตถุดิบ เธอนั่งรออยู่ในรถนะ” ฉินเฟิงบอกไป๋หลี
“แค่เก็บของใส่พื้นที่มิติเองไม่ใช่หรอ ให้ฉันจัดการ-”
“ไม่ได้ ตอนนี้เธอห้ามใช้อบิลิตี้ พักผ่อนอยู่เฉยๆเถอะ”
“นี่ .. ก็ได้!”
บางครั้ง แม้จะมีอาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แค่กัดฟันอดทนก็สามารถผ่านพ้นมันไปได้ก็ตาม แต่ฉินเฟิงยังคงไม่วางใจ อยากให้จิ้งจอกน้อยของเขาพักฟื้นอย่างเต็มที่
แต่ไป๋หลีดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจเหตุผลที่ฉินเฟิงทำแบบนี้
ฉินเฟิงปลดปล่อยอบิลิตี้มืด ปกคลุมรอบรถศึก ตัวรถค่อยๆจางหายไป ราวกับกลายเป็นเงาบนพื้นดิน กระทั่งโดรนก็ไม่สามารถจับภาพได้
ฉินเฟิงตรงเข้าไปในป่า กองทัพสัตว์ร้ายส่วนใหญ่เตลิดหนีไปแล้ว สัตว์ร้ายบางตัววิ่งหนีมาทางฉินเฟิง สุดท้ายกลายเป็นวิญญาณในคมมีดเดียว
จากนั้น ฉินเฟิงก็ใช้มีดกษัตริย์ครามหั่นชิ้นส่วนราชันย์หมูหิมะ เปิดสุสานเทพสงครามและยัดมันใส่เข้าไป ขนาดตัวของมันค่อนข้างใหญ่ ฉะนั้นคงขายได้ราคาดี
ฉินเฟิงกลับมา ยกเลิกอบิลิตี้มืด และเริ่มขับต่อ
ช่วงเวลานี้ โดรนสังเกตการณ์ทั้งหมด ได้แยกเป็นสองฟากฝั่ง บินประกบซ้ายขวาเขา คล้ายกำลังทำหน้าที่เป็นขบวนต้อนรับผู้ทรงเกียรติ
ใจกลางเมือง ในอาคารสำนักงาน เจ้าเมืองปราการหานตงเร่งสั่งการ “เร็วเข้า! รีบเชื่อมต่อการสื่อสารกับท่านผู้ใหญ่คนนั้น”
ช่วงระหว่างที่เกิดการจู่โจมของกองทัพสัตว์ร้าย อุปกรณ์สื่อสารส่วนบุคคลจะเชื่อมต่อกับสายสาธารณะได้ ตัวแทนพันธมิตรมนุษย์สามารถเข้าถึงอุปกรณ์สื่อสารทั้งหมดในพื้นที่ได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องมีหมายเลขติดต่อ ขอแค่จำกัดวงให้แคบลง และล็อคตำแหน่งสัญญาณของตัวบุคคลที่จะติดต่อก็พอ
ติ๊ง!
อุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิงกระพริบแสง จากนั้นปรากฏหน้าจอผุดขึ้นในอากาศ ภาพของเจ้าเมืองปราการหานตงโผล่ขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
“ท่านผู้ใหญ่ ในฐานะตัวแทนของปราการหานตง ขอขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ” อีกฝ่ายกล่าวด้วยความตื่นเต้น
ฉินเฟิงเหลือบตามองปลายสาย และเห็นว่าบุคคลคนนี้ติดตราผู้ใช้พลังเลเวล D ก็ทราบได้ทันทีว่าเป็นใคร
“ผมแค่ผ่านมาพอดี เลยถือโอกาสกำจัดมันให้ แต่ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ช่วยระบุว่าผมเป็นคนบรรลุภารกิจนี้ก็ดี” ฉินเฟิงกล่าว
“ขอรับ ขอรับ ทางเราจะรายงานไปตามความจริง”
“อืม!”
“ท่านผู้ใหญ่ คุณกำลังหาสถานที่พักผ่อนอยู่รึเปล่า? ทางเรามีวิลล่าสุดหรูสำหรับรองรับแขกเตรียมเอาไว้อยู่นะครับ”
ฉินเฟิงขบคิดถึงสภาพของตัวเองและไป๋หลีในตอนนี้ เลยไม่ปฏิเสธ พยักหน้ารับและกล่าว “ตกลง ผมขอรับน้ำใจนี้ไว้ รบกวนส่งพิกัดทิ้งไว้หน่อยนะครับ แต่ผมมีเงื่อนไขข้อนึง นั่นคือหวังว่าช่วงเวลาที่ผมพักผ่อนในปราการหานตง คุณจะไม่ให้ใครเข้ามาวุ่นวาย”
ประโยคท้ายเป็นการเตือนสติฝ่ายตรงข้าม เพราะสำหรับเมืองที่ล้าหลังและห่างไกล เลเวล C ของฉินเฟิงถือว่าแข็งแกร่งมาก ฉะนั้นคงมีคนจำนวนไม่น้อย คิดปีนป่าย เกาะเกี่ยวต้นไม้อย่างฉินเฟิง เพื่อทะยานสู่ฟากฟ้า
ฉินเฟิงยังบาดเจ็บอยู่ เขาไม่อยากทำร้ายตัวเองโดยการเสียเวลากำจัดคนเหล่านั้น
“รับทราบ ทางเราจะจัดการให้” เจ้าเมืองหานตงพยักหน้าหงึกๆ
“โอเค รบกวนคุณแล้ว”
หลังกล่าวทิ้งท้าย ฉินเฟิงวางสาย จากนั้นส่งข้อมูลหมายเลขสื่อสารและชื่อของตนให้อีกฝ่ายอย่างเป็นทางการ เพื่อให้เจ้าเมืองหานตงกรอกระบุเครดิตในการต่อสู้ของตน
เจ้าเมืองหานตงส่งรายงานการต่อสู้แก่ทางพันธมิตรมนุษย์ เขามีวิดีโออยู่ในมือ ฉะนั้นการยืนยันเครดิตเป็นอะไรที่ง่ายมาก
อย่างไรก็ตาม หลังจากรายงานข้อมูลสงคราม เจ้าเมืองหานตงก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยปาก “อา .. ชื่อนี้ ทำไมถึงได้ดูคุ้นๆจัง?”
ต้องรู้นะว่า คนที่อยู่เหนือกว่าเลเวล C กับผู้ใช้พลังระดับต่ำลงมา เป็นอะไรที่ห่างชั้นกันมาก หากไม่นับเพื่อนหรือญาติของคุณที่สามารถขึ้นเป็นเลเวล C ได้ เลเวลที่ต่ำกว่าลงมาแทบไม่อาจรับข้อมูลหรือข่าวสารใดๆ
เช่นเดียวกับเจ้าเมืองหานตง เขามีหน้าที่รับผิดชอบปกป้องปราการหานตง ดังนั้นไม่เคยไปยังแนวหน้า ผู้ใช้พลังเลเวล C ที่เขารู้จัก มีไม่เกิน 3 คนเท่านั้น หนึ่งในนั้นคือผู้การรัฐซูหยวน
“อ้าว ท่านเจ้าเมือง เด็กคนนี้มันฉินเฟิงไม่ใช่หรอ?”
“ก็เออสิ เรื่องนั้นฉันรู้อยู่แล้ว เขาเองก็บอกมาว่าชื่อฉินเฟิง”
“ไม่ใช่อย่างนั้น ผมหมายถึงเขาคือแชมป์ในงานประลองลูกรักของพระเจ้า เป็นอัจริยะอันดับหนึ่ง ฉินเฟิง!”
“ว่าไงนะ งั้น … งั้นเขาก็ยังอายุไม่ถึง 20 ปีน่ะสิ!?”
ก่อนหน้านี้เจ้าเมืองกับลูกน้องที่กำลังคุยกัน คาดเดาว่าทั้งสองคนที่ขับรถศึกผ่านมา น่าจะเป็นผู้ใช้พลังอย่างน้อยก็เลเวล B มิฉะนั้นจะสามารถสังหารราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล C ในพริบตาเดียวได้อย่างไร พวกเขาไม่เห็นฉินเฟิงเรียกอาวุธออกมาใช้ด้วยซ้ำ เพียงแค่วาดออกด้วยมือเดียว ทุกอย่างก็จบลง
ช่วงเวลานี้ สถานะของฉินเฟิงในใจพวกเขาเพิ่มพูนขึ้น ยิ่งทราบข้อมูลยิ่งสูงไปอีกชั้นและอีกชั้น จนไปถึงจุดที่ทำได้เพียงแหงนหน้ามอง ไม่อาจปีนป่ายไล่ตามได้อีกต่อไป
ผ่านไปสักพัก ฉินเฟิงก็เข้าสู่ปราการหานตง ขับไปตามพิกัดและพบกับวิลล่าที่เจ้าเมืองจัดเตรียมเอาไว้ให้ เริ่มพักผ่อนที่นั่นทันที
ฉินเฟิงไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงอะไรในครั้งนี้ แต่เขาสูญเสียอย่างใหญ่หลวง ไม่ว่าจะเป็นศิลานรก , ศิลาศักดิ์สิทธิ์แห่งเปลวเพลิง และเกราะศักดิ์สิทธิ์ชั้นรองของไป๋หลี ก็ถูกทำลายลงเช่นกัน
ดาวเคราะห์เพชรในจิตสำนึกเอง หลังจากที่ดูดซับรูนมหาศาล มันก็ไม่สามารถทานทนได้ ต่อให้ฉินเฟิงมีศักยภาพมากถึงระดับ SS ก็ตาม แต่นี่มันมากเกินไป
อย่างไรก็ตาม ที่กล่าวมามิใช่ความสูญเสียร้ายแรงที่สุด แต่ที่ร้ายแรงที่สุด คือการไม่มีศิลานรกอยู่แล้ว เขาไม่ครอบครองความสามารถที่ช่วยเสริมพลังแก่ธาตุมืดเป็นสิบเท่าอีกต่อไป
“หรือบางทีฉันควรให้ไป๋หลีช่วยพาไปยังอีกซีกโลก ไปยังสหภาพตะวันตก แล้วชิงศิลานรกจากเงื้อมมือของจักรพรรดิซอมบี้ … ” ฉินเฟิงคิด
หลังจากที่ทราบถึงความแข็งแกร่งของแซด ฉินเฟิงเริ่มรู้สึกกังวลเกี่ยวกับพวกผู้ใช้พลังเลเวล S
“แต่ตอนนี้ อาศัยเพียงกำลังของตัวเอง ยังไม่พอที่จะบุกไปที่นั่น อย่างน้อยก็ควรรอจนถึงเลเวล B หรือเอาไว้ไป๋หลีขึ้นเป็นเลเวล B ค่อยกลับมานึกถึงเรื่องนี้อีกครั้ง ส่วนตอนนี้ คงต้องเลือกที่ฝึกฝนแถวๆนี้ไปก่อน”
ฉินเฟิงพยายามนึกถึงสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นต่างมิติ , เขตแดนลับ หรือการปรากฏของสมบัติทางธรรมชาติบางอย่าง แต่ไม่มีอันไหนที่ตรงกับช่วงเวลานี้เลย
ในชีวิตก่อน มีสมบัติล้ำค่าปรากฏขึ้นมากมายก็จริง แต่ใช่ว่าจะปรากฏขึ้นพร้อมกันทีเดียว ปัจจุบันฉินเฟิงเกิดใหม่ได้เพียงหนึ่งปีครึ่งเท่านั้น ดังนั้นมีอีกหลายชิ้นที่ต้องรอคอยเวลา ถึงช่วงที่เหมาะสมค่อยไปรับมัน อีกอย่างเพราะการยกระดับที่เร็วเกินไปของฉินเฟิง ทำให้มีสมบัติหลายชิ้นไม่จำเป็นอีกต่อไป ต้องตัดทิ้งไป
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นระหว่างรอ ฉันคงต้องไปรับภารกิจในแนวหน้า!”
เมื่อตัดสินใจได้ ฉินเฟิงก็เริ่มแยกอักษรรูนมืดออกจากในหัวเขา เริ่มฝึกฝนทักษะลับกลืนดารา เรียกคืนกำลังภายในกลับมา และอัดฉีดพลังงานลงในเกราะศักดิ์สิทธิ์ ฟื้นฟูพลังงานของมัน
หลังจากผ่านพ้นไปเจ็ดวัน อาการบาดเจ็บของฉินเฟิงก็หายดี ไป๋หลีก็เช่นกัน อีกทั้งความแข็งแกร่งของเธอยังยกระดับ หลังข้ามผ่านการต่อสู้กับศัตรูที่เหนือกว่า มันเลยช่วยให้เธอแข็งแกร่งขึ้น
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด อุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิงส่งเสียงแจ้งเตือน
ปลายสายคือจ้าวพรมแดนภูมิภาคเหนือ –ซางฮัน
“ฉินเฟิง หลายวันมานี้คุณไม่ได้ประจำการในรัฐทะเลเหนือหรอ?” เสียงของซางฮันดังขึ้น
ฉินเฟิงเลิกคิ้ว เขาไม่ทราบว่าทำไมซางฮันถึงถามแบบนั้น แต่ก็ยังตอบกลับไป “อ่า ใช่ครับ หรือว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“เปล่าหรอก ฉันคิดว่าคุณจำเป็นต้องคอยปกป้องรัฐทะเลเหนือ เลยส่งมอบภารกิจให้คุณไม่ได้ แต่ถ้าในเมื่อไม่ได้ประจำการ งั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
อันที่จริง เหตุผลที่ซางฮันเอ่ยถามคำถามนี้ เป็นเพราะรัฐทะเลเหนือเคยเป็นตำแหน่งแนวหน้ามาก่อน ทะเลทรายทะเลเหนือเป็นสถานที่ที่สามารถทำลายสี่เมืองทะเลเหนือได้ทุกเมื่อ เลยเป็นธรรมดาที่จะต้องมีเลเวล C คอยปกป้อง
แต่ที่เกาหยูคังไม่ค่อยรั้งอยู่ เพราะมีตระกูลผู้ใช้วรยุทธโบราณอยู่ที่นั่นด้วย เลยไม่ต้องกังวล
ซางฮันยังไม่รู้ว่าในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา ทะเลทรายทะเลเหนือได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เลยหลงคิดว่าฉินเฟิงจำเป็นต้องคอยปกป้องรัฐทะเลเหนืออยู่ แต่ผลลัพธ์คือไม่กี่วันก่อน กลับได้รับข้อมูลทางการทหารของฉินเฟิงจากในรัฐอื่น