โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 84
Ch.84 – ความแข็งแกร่งของอัศวิน
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.84 – ความแข็งแกร่งของอัศวิน
ที่นี่เปลี่ยนไปราวกับกลายเป็นอีกโลกหนึ่ง เนินเขาน้อยๆที่แต่เดิมไม่โดดเด่นอะไร กลับกลายเป็นสีดำ ไหม้เกรียมไปเป็นระยะทางกว่าหลายลี้
ในวิดีโอที่ถูกถ่ายไว้โดยโดรนก่อนหน้านี้ ฉินเฟิงเห็นแค่เพียงซากศพจำนวนมาก หากแต่มิได้เห็นถึงอาณาเขตของพวกมันที่กว้างใหญ่ถึงขนาดนี้
สถานการณ์เบื้องหน้า อาจเป็นเพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญบางอย่างขึ้นในช่วงสองวันที่ผ่านมา หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะวิดีโอที่ฉายให้นักเรียนใหม่ดู มันเป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆ เผยให้เห็นแค่ยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น
สภาพการณ์ในปัจจุบัน ดูเหมือนว่าจะอันตรายกว่าที่คิด
แต่ก่อนที่ฉินเฟิงจะทันได้มีเวลาคร่ำครวญ เหนือขึ้นไปบนภูเขาที่ห่างไกล จู่ๆก็ปรากฏรังสีแสงทมิฬปะทุขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีรังสีแสงอีกแปดดวงห้อมล้อมมัน ทะยานขึ้นไปสู่ฟากฟ้าในทำนองเดียวกัน
ต่อมา ใจกลางอากาศก็บังเกิดอานุภาพทรงจานปรากฏขึ้น
“รอยแยก .. นั่นมันรอยแยกมิติ!”
ฉินเฟิงโทรแช่สายทิ้งไว้กับโจวฮ่าว เพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง และติดต่อกันหากเกิดวิกฤต เวลานี้เลยมีเสียงของโจวฮ่าวดังออกมาจากอุปกรณ์สื่อสาร
“ไม่หรอก นั่นไม่ใช่รอยแยกมิติ แต่มันคือช่องว่างมิติที่มีเสถียรภาพต่างหาก!” ฉินเฟิงกล่าว
กลับมายังฉากภายนอก -ช่องว่างมิติถูกเปิดออก และไม่ช้า สัตว์ร้ายนับไม่ถ้วนก็พากันกรูออกมาอย่างรวดเร็ว หากมองดีๆจะพบว่าพวกมันเป็นซากศพเน่าเปื่อย , สัตว์ร้ายเนื้อเน่าติดกระดูก ในปริมาณที่น่าตกใจ
ช่องว่างมิติเปิดออกแค่เพียงหนึ่งนาที ร่างมนุษย์คนหนึ่งก็พลันปรากฏให้เห็นในสายตา
บุคคลที่ว่าติดปีกร่อนไว้เบื้องหลัง มันเป็นอุปกรณ์ที่ดี สามารถช่วยให้บินบนท้องฟ้าได้ และความแข็งแกร่งของคนที่สวมใส่มันก็มิได้อ่อนแอเลย
“จงม้วนหางกลับไปให้บิดา!”
เขาระเบิดเสียงขู่คำรามด้วยความดุร้าย สองมือประกบเข้าหากัน พริบตานั้นพลันปรากฏฝ่ามือขนาดยักษ์ปกคลุมไปทั่วผืนฟ้า บดบังแสงอาทิตย์จนมิอาจสาดส่องลงมาถึงเบื้องล่าง
เปรี้ยง!
หลังจากระเบิดฝ่ามือนี้ออกไป เสารังสีแสงสีดำบนท้องฟ้าก็เริ่มสลายไป ช่องว่างมิติที่แต่เดิมมั่นคงเริ่มเกิดความแปรปรวน
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ร่างสูงใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยรูนมืดก็ปรากฏกายขึ้น เบื้องล่างของมันคือม้าศึกที่กำลังปลดปล่อยไอหมอกสีดำ ราวกับว่าทั้งตัวมันถูกสร้างขึ้นมาจากไอทมิฬ ขณะที่บนตัวของร่างสูงใหญ่ สวมใส่ไว้ด้วยเกราะอัศวิน และถือหอกไว้ในกุมมือ
เคร้ง เคร้ง!
ตูม!
ทั้งสองฝ่ายเริ่มหันมาต่อสู้กัน
ฉินเฟิงหรี่ตาของเขาลง เพ่งมองไปและจดจำได้ว่าร่างที่กำลังขี่ม้าศึก คือราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล F ที่เคยปรากฏมาก่อนในวิดีโอ
แม้ว่าระยะทางจะอยู่ห่างไกลออกไปกว่าหลายพันเมตร แต่ฉินเฟิงก็สามารถสัมผัสได้ว่า มันเป็นราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล F8!
อย่างไรก็ตาม คู่ต่อสู้ของมันก็มิได้อ่อนแอเลย เป็นถึงตัวตนทรงพลังในเลเวล E !
ทั้งสองต่อสู้กันอย่างหนักหน่วง ปะทะกันไปกันมาจนค่อยๆถอยห่างจากภูเขาที่เกิดเสาแสง
ช่วงจังหวะนั้นเอง เสียงหวีดหวิวก็ดังขึ้นจากเส้นขอบฟ้า -กระสุนสีเหลืองแหวกฝ่าอากาศเข้ามา ก่อนจะวาดเป็นเส้นโค้งอันสมบูรณ์แบบ ร่วงตกลงบนยอดเขาพอดิบพอดี
ตูมมมม!
กระสุนเกิดการระเบิดในพริบตา แรงอัดอากาศกวาดพรึบ! กระทั่งฉินเฟิงที่อยู่ห่างออกไปหลายพันเมตรก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของมัน
กระสุนเมื่อครู่ คงจะถูกยิงออกมาโดยมือปืนที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก อย่างแน่นอน
เสาแสงสีดำที่แต่เดิมเคยมี 8 บัดนี้มีเพียง 7 ที่ยังเหลืออยู่ บนท้องฟ้าเริ่มบิดเบี้ยว ความเสถียรของช่องว่างมิติเริ่มถูกสั่นคลอน สุดท้ายก็ต้องปิดลง ส่งผลให้ซากศพและร่างเน่าเปื่อยนับไม่ถ้วนที่กำลังจะออกมา ถูกบีบกลับไป ไม่ก็ถูกมิติตัดจนขาดครึ่ง จบชีวิตลง
ตามต่อด้วย เสียงโห่ร้องไชโยของมนุษย์ดังขึ้น
“พวกเราเข้าค่ายไปรายงานตัวกันก่อนเถอะ!”
เสียงของฉินเฟิงดังขึ้น เรียกคืนสติของโจวฮ่าว
การต่อสู้ในครั้งนี้ กระตุ้นเลือดลมเขาจนเดือดพล่าน
สำหรับโจวฮ่าว พอได้เห็นถึงฉากต่อสู้อันยิ่งใหญ่นี้ เจ้าตัวก็รู้สึกว่าสิ่งที่ตนเคยประสบพบเจอก่อนหน้านี้ ทั้งหมดมันกลายเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยไปเลย
รถของทั้งสองเริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้ง และในไม่ช้าพวกเขาก็เริ่มพบกับคนอื่นๆ
ตัวค่ายตั้งอยู่ห่างออกไปจากตำแหน่งของกองทัพซากศพราวๆ 1 กิโลเมตร พื้นที่โดยรอบถูกติดตั้งกับดักและวางการป้องกันไว้อย่างสมบูรณ์ ภายในพื้นที่โล่งเต็มไปด้วยขยะ และมีการตั้งเต็นท์น้อยใหญ่กระจัดกระจายกันออกไป
ในบางครั้ง จะได้ยินถึงเสียงของปืนจักรกลแว่วเข้ามาจากแนวหน้าของค่าย ยิงสกัดป้องกันไม่ให้ซากศพใกล้เข้ามา
นอกจากนี้ บางส่วนของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ยังมีสีหน้าดำคล้ำ เห็นได้ชัดว่าติดเชื้อโรคมืด
อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้พลังมิใช่คนอ่อนแอ ตราบใดที่พวกเขาออกไปจากที่นี่ อาการจากโรคระบาดก็จะทุเลาขึ้นโดยอัตโนมัติ
“มีคนมาเข้าร่วมเยอะถึงขนาดนี้เชียว!!”
ขณะนี้ ทั้งคู่ไม่สามารถมองหาคนจากสถาบันระดับสูงเขตเฉิงเป่ยได้เลย
อย่างไรก็ตาม ไม่เจอก็ช่างหัวมัน! เพราะฉินเฟิงมิได้มาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับคนจากสถาบันอยู่แล้ว
“ไปหาเสี่ยวจิงกันก่อนเถอะ!” ฉินเฟิงกล่าว
ปัจจุบัน เสี่ยวจิงเป็นทหารรักษาการณ์ของสถานชุมชนทางตอนเหนือ เนื่องจากความสามารถอันยอดเยี่ยมและการทุ่มเทตั้งใจทำงานของเธอ หลังจากช่วงครึ่งเดือนแรก เธอก็สามารถกลมกลืนเข้ากับทางกองทัพได้เป็นอย่างดี และสามารถเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นหัวหน้าหน่วยของหลี่เหวินได้แล้ว และยังมียศเป็นถึงร้อยโท!
โลกใบนี้ ยิ่งแข็งแกร่งก็ยิ่งเป็นที่ยอมรับ ไม่มีใครสนว่าเสี่ยวจิงเพิ่งจะเข้าร่วมกองทัพหรือไม่ ตราบใดที่เธอแข็งแกร่ง ต่อให้เป็นนายพลก็ยังต้องโค้งหัวให้เธอ!
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังรอให้เสี่ยวจิงออกมารับ คนรอบข้างก็ไม่ลืมที่จะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น
“มือปืนจากตะวันออก(เขตตงหลิง)แข็งแกร่งเกินไปแล้ว! มือปืนเลเวล E คนนั้น สามารถยิงโดนหัวศัตรูได้จากระยะที่ห่างไกลออกไปกว่าหลายพันเมตรได้อย่างง่ายดาย! นายก็เห็นใช่ไหม ที่เสาแสงสีดำมันหายไปต้นหนึ่งน่ะ!”
“เหอๆ ถ้าไม่มีหลิวบาจากตะวันตก(เขตซิต๋า)คอยยื้อศัตรูเอาไว้ล่ะก็ มีหรือเขาจะสามารถยิงโดนได้ง่ายๆ อย่าลืมสิว่าปืนพลังงานแสงที่เขายิงออกไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ถูกราชันย์อัศวินปัดทิ้งไปอย่าไม่ใยดี เล่นเอาผู้ใช้พลังกว่าสิบคนโดนลูกหลงจนถึงแก่ความตาย!”
“ก็แล้วจะเถียงทำไม ฉันแค่ต้องการจะบอกถึงความแม่นยำในการยิงของมือปืนก็เท่านั้นเอง!”
“แล้วอีกอย่าง ใครมันจะไปรู้ว่ามีผู้ใช้พลังยืนอยู่แถวนั้น พวกมันซื่อบื้อเองที่ไปโดนลูกหลง!”
โจวฮ่าวที่แอบฟัง รู้สึกอิจฉาจนอดพึมพำออกมาไม่ได้
“สามารถรับมือกับศัตรูเพียงลำพัง หลิวบาต่างหากที่ทรงพลังอย่างแท้จริง!”
‘เรื่องนั้นไม่จริงหรอก’
ฉินเฟิงคิดในใจ
‘เพราะถ้าหลิวบาแข็งแกร่งถึงขนาดนั้นจริงๆ ที่เขาทำคงไม่ใช่แค่พยายามตรึงมันเพื่อรอการโจมตีสนับสนุน แต่คงสร้างความเสียหายหนักหน่วงแก่มันได้ไปแล้ว’
ไม่เพียงเท่านั้น แต่ฉินเฟิงยังรู้อีกด้วยว่าหลิวบาอาจจะได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ในครั้งนี้
“ฉินเฟิง , โจวฮ่าว!” เสียงของเสี่ยวจิงดังขึ้น ทั้งสองมองไปตามทิศทาง แล้วก็พบกับเสี่ยวจิงในชุดทหารรักษาการณ์ ดูเหมือนว่าเธอจะโตขึ้นอีกเล็กน้อย ตอนนี้เจ้าตัวสูงชนิดที่ว่าผู้ชายหลายคนต้องแหงนหน้ามอง
“ฮะฮ่า! เสี่ยวจิง เธอดูดีมากเลยในชุดนี้ ทำไมฉันถึงไม่เคยรู้ตัวมาก่อนเลยนะ ว่าเธอจะสวยได้ถึงขนาดนี้!” โจวฮ่าวอดแซวไม่ได้
เสี่ยวจิงมองเขาด้วยแววตาว่างเปล่า “อย่าเล่นลิ้นไป ตอนนี้อยู่ในสถานการณ์สู้รบ ฉันกำลังจะออกไปลาดตระเวน ฉะนั้นตอนนี้ต้องรีบจัดหาสถานที่ให้พวกนายอยู่ก่อน!”
และที่พักของฉินเฟิงกับโจวฮ่าว มันไม่ควรจะอยู่ในตำแหน่งที่ผู้คนพลุกพล่านจนเกินไป มิฉะนั้นยามเมื่อเกิดวิกฤต มันจะส่งผลกระทบต่อเส้นทางสนับสนุนได้
และหากเลือกไม่ดี ก็จะส่งผลกระทบต่อการหลบหนีในทำนองเดียวกัน
ไม่นานนัก ฉินเฟิงกับโจวฮ่าวก็ถูกจัดให้อยู่ในสถานที่ด้านหลังของค่าย รถศึกล่องเวหาสองคันจอดลงที่นั่น ประกบซ้ายขวาโดยมีเต็นท์ตั้งอยู่ตรงกลาง กลายเป็นที่พักอาศัยชั่วคราวของทั้งคู่
“พวกนายกินกันให้อิ่มซะ แล้วไม่จำเป็นต้องมีเวรยามตอนกลางคืน พักผ่อนให้เต็มที่ เพราะในวันพรุ่งนี้ พวกเราจะทำการปิดล้อมครั้งใหญ่!”
เสี่ยวจิงแบ่งอาหารให้ฉินเฟิงกับโจวฮ่าว แม้ว่าทั้งสองจะตักมันใส่เข้าปากแบบไม่ใส่ใจ แต่อาหารที่เสี่ยวจิงทำจากสัตว์ร้ายก็ยังมีรสชาติที่ดี
“สถานการณ์ในตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่ค่อยดีเลย!”
เสี่ยวจิงเปิดอุปกรณ์สื่อสาร และส่งต่อแผนที่ระบุตำแหน่งสนามรบให้กับฉินเฟิงและโจวฮ่าว
“ตอนนี้กองทัพซากศพอยู่ใกล้กับทิศทางของเมืองเฉิงหยาง มันได้เข้ายึดครองเนินเขาสามลูกในแผนที่ พวกผู้นำเลยตั้งชื่อภูเขาเหล่านั้นว่า เทือกเขาพ่อแม่ลูก!”
ปรากฏสัญลักษณ์ภูเขาบนแผนที่ ไม่เพียงเท่านั้น บนภูเขายังมีจุดสีต่างๆทั้งใหญ่และเล็กกระจายตัวกันไป
จุดสีดำ – แดง ปรากฏขึ้นใจกลางภูเขาแม่มีจำนวนมากที่สุด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความอันตรายระดับสูง ในขณะที่ด้านนอกสุดอย่างภูเขาลูกเป็นสีส้ม
สิ่งเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ของปริมาณสัตว์ร้ายในเลเวล F และ G ตามลำดับ ขนาดของจุดจะแสดงถึงความแข็งแกร่งและอ่อนแอ แต่จุดสีดำและแดงขนาดใหญ่ จะแสดงถึงระดับราชันย์ ซึ่งขณะนี้ บนแผนที่มีสัญลักษณ์ระดับราชันย์อยู่ทั้งสิ้นสองจุด