โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ - ตอนที่ 98
Ch.98 – จุดจบของราชันย์อัศวิน
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.98 – จุดจบของราชันย์อัศวิน
“กั๊ก กั๊ก!” ชุดคลุมดำกระหายเลือดขบกรามโกรธเกรี้ยว เห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี มันเลยพรวดออกมาจากซ่อนเงา และระเบิดลำแสงแห่งความมืดออกไป
เจ็ดผู้ใช้วรยุทธโบราณที่อยู่ในบริเวณนี้ต่างโดนลำแสงแห่งความมืดกันถ้วนหน้า
แต่แน่นอน ว่าไม่ได้รวมฉินเฟิง
ในปัจจุบัน จากบรรดาทั้งเจ็ดผู้ใช้วรยุทธโบราณ มีหนึ่งคนที่ถูกฉินเฟิงดูดกำลังภายในไป ส่วนฮั่นเจียนกับหลินเซิงไม่เข้ามาร่วมวง แยกตัวห่างออกมา ดังนั้นจึงมีทั้งสิ้นสี่คนที่โดนลำแสงเข้าจังๆและตกอยู่ในภาวะอันตราย
ส่งผลให้สถานการณ์ในปัจจุบัน ทางฝั่งราชันย์อัศวินสามารถพลิกฟื้นกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง
“บัดซบ! ใครก็ได้ ไปฆ่าไอ้ชุดคลุมดำกระหายเลือดนั่นที!”
“แต่มันหายตัวไปอีกแล้วเนี่ยสิ! ในเมื่อหาไม่เจอแล้วจะฆ่ายังไง!”
“แล้วฉินเฟิงล่ะ? มันไปไหนแล้ว ให้ฉินเฟิงลงมือไง ก่อนหน้านี้ฉินเฟิงก็เป็นคนหามันเจอไม่ใช่หรือ งั้นคราวนี้เขาก็ต้องหามันได้สิ!”
ในเวลานี้ เมื่อหลายคนตระหนักถึงความเลวร้ายของสถานการณ์ จู่ๆพวกเขาก็กลับลำ หันมาพึ่งพาฉินเฟิงซะอย่างงั้น!
ฉินเฟิงที่กลับไปหลบในซ่อนเงาลอบหัวเราะหยัน
เห็นฉันเป็นไอ้โง่รึไง ทำไมฉันต้องช่วยพวกแกด้วย?
ช่วงเวลานั้นเอง ชุดคลุมดำกระหายเลือดก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง แต่มันผุดมาจากเงามืดเบื้องหลังผู้ใช้วรยุทธโบราณที่ฉินเฟิงเพิ่งปล้นกำลังภายในไป
เมื่อไร้ซึ่งกำลังภายในที่จะใช้ขัดขืน วินาทีต่อมา ชุดคลุมดำกระหายเลือดก็งับ!เข้าใส่ลำคอของอีกฝ่าย
“อ๊า!” ชายคนนั้นกรีดร้องน่าอย่างน่าสังเวช “ช่วยฉันด้วย รีบช่วยฉันเร็วเข้า!”
แต่น่าเสียดาย ที่เวลานี้ไม่มีใครสนใจจะช่วยเขา เพราะในบรรดาคนทั้งหมดในปัจจุบัน แท้จริงแล้วแบ่งยิบย่อยกันเป็นห้ากองกำลังหรือก็คือเขตใครเขตมัน! และผู้ใช้วรยุทธโบราณในที่นี้ก็มีแค่เขาคนเดียวที่มาจากเขตของตนเอง!
แต่กรณีนี้ก็ยังมีข้อยกเว้น อย่างเช่นฉินเฟิงกับหลินเซิงก็มาจากเขตเฉิงเป่ยเหมือนกัน แต่หากหนึ่งในสองเกิดปัญหาขึ้นล่ะก็ อีกคนย่อมไม่มีวันเข้าไปช่วยเหลือ!
ดังนั้น จึงไม่มีใครเลยในที่นี้ที่คิดยื่นมือช่วยเขา!
ไม่นานเกินรอ ชายคนนั้นก็ถูกสูบเลือดจนเนื้อหนังเหี่ยวแห้ง ตำแหน่งช่วงแขนที่ขาดวิ่นของชุดคลุมดำกระหายเลือดเริ่มก่อร่าง สร้างกระดูกและเลือดเนื้อของมัน งอกขึ้นใหม่อย่างรวดเร็ว
“จงตายให้บิดา!”
จู่ๆหลินเซิงก็พุ่งเข้าไป ฉวยโอกาสนี้คิดสังหารชุดคลุมดำกระหายเลือด
เนื่องจากในเวลานี้ เขาไม่ได้ถูกลำแสงแห่งความมืดยิงเข้าใส่จังๆ ร่างกายจึงยังสามารถคงพละกำลังเอาไว้ ไม่สูญสิ้นเรี่ยวแรงจากอานุภาพของลำแสงเหมือนคนอื่นๆ หรืออาจกล่าวได้ว่าปัจจุบันในสนามรบแห่งนี้ เขาคือผู้ใช้วรยุทธโบราณที่ความแข็งแกร่งที่สุด!
ชุดคลุมดำกระหายเลือดไม่ใช่การดำรงอยู่ที่จะยอมให้ตนเองถูกข่มเหง หากฉินเฟิงไม่มีภูมิคุ้มกันอบิลิตี้มืด ผลการต่อสู้ระหว่างฉินเฟิงกับมันคงไม่ปรากฏออกมาในรูปแบบนี้!
เมื่อเห็นศัตรูเสนอหน้า มันก็น้อมรับคำท้า ทั้งสองกระโจนเข้าระเบิดโจมตีใส่กัน ตลอดทั้งฉากกลายเป็นสว่างวาบ
—-
ย้ายกลับมาอีกด้าน ราชันย์อัศวินก็สู้เพียงลำพังเช่นกัน แต่ต่อให้แข็งแกร่งเพียงใด ทว่าคนๆเดียวย่อมไม่สามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ เมื่อต้องตกอยู่ภายใต้การรุมทึ้งของผู้ใช้วรยุทธเลเวล E คาดว่ามันคงสามารถยืนหยัดได้อีกไม่นาน
“กี๊ซซซซซ!”
ราชันย์อัศวินหวีดเสียงแหลม หวดกระแทกศัตรูสองคนที่กำลังรุมล้อมอย่างดุร้าย และขว้างโล่ในมือของมัน โจมตีซ้ำออกไป
ฟาดเปรี้ยง! เข้าใส่หนึ่งในผู้ใช้วรยุทธโบราณอย่างแรง ขอบโล่จมลึกเข้าไปในหน้าอกเขา
เป๊าะ!
เสียงซี่โครงแตกหักดังขึ้น
พรวดดดด!
ผู้ใช้วรยุทธโบราณปลิวกระเด็น เลือดกระอักพุ่งตามเป็นสาย หน้าอกยุบลงดูน่าสยองขวัญ ขณะเดียวกัน ดวงตาของเขาก็เริ่มสูญเสียความสดใสไป
ในหัวใจของเขาบังเกิดความรู้สึกเสียดาย : ทั้งๆที่ตนกอบโกยผลประโยชน์จากสงครามแนวหน้าได้มากมายถึงขนาดนี้แล้ว แต่สุดท้ายก็ต้องเอาชีวิตมาทิ้งอย่างงั้นหรือนี่?
ฉินเฟิงผู้ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในความมืดมิดปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง โฉบไปใกล้ๆผู้ใช้วรยุทธโบราณที่เพิ่งตายลง
“จงดูดกลืน!”
พลังงานทางกายภาพที่แข็งแกร่ง และกำลังภายในจากตันเถียนที่ยังไม่สลายไป ว่ายวนเป็นคลื่นระลอกใหญ่ถ่ายเทเข้ามายังในตันเถียนของฉินเฟิง
ปรากฏกลุ่มหมอกอีกนับสิบกลุ่มเสริมเข้ามาภายในตันเถียนของฉินเฟิง
“เสี่ยวไป๋ ไปเอาโล่มา!”
ฉินเฟิงตะโกน
ไป๋หลีก็หลบอยู่ในซ่อนเงาของฉินเฟิงเช่นกัน และมันไม่เคยปรากฏตัวเลย ใช้ออกด้วยพลังมิติทันที
ราชันย์อัศวินสูญเสียอาวุธของมันอีกครั้ง แต่คราวนี้มันสามารถค้นพบถึงตัวหัวขโมยในที่สุด
เพราะยังไงซะ ก็มีเพียงฉินเฟิงคนเดียวที่ยืนอยู่ข้างๆศพที่ถูกโล่จมลึกอยู่ในอก
“ก๊าซซซซ!”
ราชันย์คำรามด้วยความโกรธ ควบม้าทมิฬเบื้องล่าง พุ่งเข้าหาฉินเฟิง
และฉินเฟิงไม่ลังเลเลยที่จะ —- เผ่นหนี!
ในขณะเดียวกัน อีกสามคนกำลังล้อมราชันย์อัศวินอยู่ เป็นธรรมดาที่ไม่ยินยอมพลาดโอกาสทองนี้ไป เมื่อเห็นศัตรูสูญสิ้นอาวุธ ทั้งหมดก็ไล่ตามอัศวินมาติดๆ
อย่างไรก็ตาม ความเร็วของคน มีหรือจะสู้ความเร็วของม้าได้?
ผู้ใช้วรยุทธโบราณทั้งหมดไม่อาจไล่ตามราชันย์อัศวินได้ทัน ยิ่งนานก็ยิ่งถูกทิ้งห่าง
แน่นอน ว่าความเร็วของฉินเฟิงก็ไม่อาจสู้ม้าได้เช่นกัน!
“ลำแสงเปลวเพลิง!”
ท่ามกลางช่วงวิกฤติ ฉินเฟิงวาดหลังมือออกไป ระเบิดพลังพิเศษยิงกลับหลังอย่างรวดเร็ว
ลำแสงเปลวไฟปะทุขึ้น ฉากนี้เปรียบดั่งดอกไม้เบ่งบานในท้องฟ้ายามค่ำคืน วิสัยทัศน์ของทุกผู้คนกลายเป็นพร่ามัว รู้สึกตัวอีกที ลำแสงก็กระแทกเข้าเต็มอกของราชันย์อัศวินแล้ว!
เปรี้ยง!
แรงปะทะนี้ ส่งผลให้ราชันย์อัศวินร่วงหงาย ตกลงจากหลังม้าโดยตรง
สำหรับไป๋หลี ทุกสิ่งเธอล้วนได้รับการสอนสั่งโดยฉินเฟิง เฝ้าสังเกตและรับฟังฉินเฟิงเสมอมา จนได้มาทั้งหอกและโล่ของศัตรู ดังนั้นเมื่อเห็นถึงสถานการณ์ตรงหน้า เธอก็คิดเองได้ทันทีว่าต้องทำอย่างไร —เมื่อเห็นม้าทมิฬยืนนิ่งงันอยู่เพียงลำพัง ดวงตาของเด็กสาวก็เปล่งประกายสดใส พื้นที่มิติปรากฏขึ้นทันใด โถมกลืนกินม้าศึกเข้าไปทันที
ส่งผลให้เวลานี้ ราชันย์อัศวินกลายเป็นโดดเดี่ยวอย่างแท้จริง!
ฉินเฟิงไม่ยอมปล่อยโอกาสเช่นนี้ไปแน่นอน เขาหยุดหลบหนี สะบัดตัวกลับหลัง ปากอ้าตะโกนก้อง
“ตายซะ!!!”
ฉินเฟิงยกแขนซ้ายขึ้น ปืนใหญ่ในมือที่ยังไม่ถอดออก ส่งเสียงคำรามหึ่งๆ
วูบบบบ เปรี้ยง!!!
กระสุนปืนใหญ่ถูกยิงออกไป
หลิวบาและคนอื่นๆที่ไล่ตามมาต่างเบิกตากว้าง ทั้งหมดสบถสาปแช่ง
แต่ก็มีเวลาไม่มากพอ ด่าได้ไม่กี่คำก็ต้องชะงักฝีเท้า ม้วนตัวหลบ หมอบลงกับพื้น
ตูมมมมม!
ตำแหน่งที่ราชันย์อัศวินเคยยืนอยู่ เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง
เปลวไฟขนาดใหญ่พวยพุ่ง แรงระเบิดส่งผลให้ผู้ใช้วรยุทธโบราณหลายคนได้รับผลกระทบ อวัยวะภายในสั่นสะเทือนราวกับมีอะไรมากระชากให้หลุดไปจากตำแหน่งเดิม
ตรงกันข้าม มีเพียงฉินเฟิงที่ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เนื่องจากตั้งแต่แรกที่เขายิงราชันย์อัศวิน เขาอยู่ห่างจากมันมากที่สุด
ไม่รีรอให้ฝุ่นผงปลิวหาย ฉินเฟิงปราดเข้าไปในเปลวไฟจากแรงระเบิดที่ลุกไหม้ รูนไฟว่ายวนขึ้นรอบตัวเขา เพื่อปกป้องร่างกายให้พ้นจากอันตราย
ณ ใจกลางของการระเบิด ราชันย์อัศวินมิได้ถูกระเบิดจนแหลกสลายก็จริง หากแต่เกราะตัวของมันบัดนี้บิดเบี้ยวไม่เป็นรูปเป็นร่าง โดยเฉพาะส่วนหัวถูกแรงระเบิด จนฉีกขาดแยกจากลำตัว
มันจบชีวิตลงโดยสิ้นเชิง!
ฉินเฟิงเร่งหยิบหมวกเกราะ และเขย่าๆเทเอาหัวของราชันย์อัศวินลงมา
ตุบ ..
หัวที่มีน้ำหนักพอๆกับหมวกเกราะแยกออกจากกัน
ไม่เพียงแค่นั้น แต่ในเบ้าตาของมัน ยังสามารถมองเห็นถึงแก่นพลังงานสีแดง – สีแดงที่มีขนาดเท่ากำปั้นปรากฏอยู่!
–เป็นแก่นพลังงานระดับราชันย์เลเวล F8 !
หากอิงตามราคาห้องประมูลของกลุ่มหวันซ่ง มูลค่าแก่นพลังงานชิ้นนี้น่าจะมีราคาอยู่ที่หลักร้อยล้าน!
“ที่รัก ฉันต้องการมัน!” ไป๋หลีกระโดดออกมาจากซ่อนเงา โผเข้ากอดรัดพัวพันกับฉินเฟิง แต่สายตายังคงจดจ้องกับแก่นพลังงาน
ฉินเฟิงพอถูกเรียกโดยไป๋หลีก็ได้สติกลับคืน เขารู้สึกร่างกายเริ่มด้านชา ช่วงล่างจู่ๆก็เริ่มขยายตัวขึ้น!
“เออๆ รีบเอาไปเลย!” ฉินเฟิงโยนแก่นพลังงานนี้ให้กับไป๋หลีทันทีโดยไม่ลังเล
ไป๋หลีรับมันมาอย่างมีความสุข จากนั้นก็เก็บเอาหัว และร่างของราชันย์อัศวินลงในพื้นที่มิติ
“แค่ก แค่ก ไอ้โง่ฉินเฟิง คิดจะฆ่าพวกเดียวกันรึไง ว่าแต่ราชันย์อัศวินมันหายไปไหนแล้ว?”
ในที่สุด เศษฝุ่นรอบตัวก็กระจายหายไป หลิวบาและคนอื่นๆจึงสามารถไล่ตามมาได้ในที่สุด ส่วนไป๋หลีเมื่อเสร็จกิจก็หายวับไปทันที ปัจจุบันจึงเหลือฉินเฟิงเพียงลำพัง
“มันปลิวเป็นขี้เถ้าไปหมดแล้ว” ฉินเฟิงผายสองมือออก ถึงเขาจะไม่มีหลักฐานการตายของมัน แต่ต่อให้คนเหล่านี้พลิกทั้งภูเขาแม่ พวกเขาก็จะไม่มีวันเจอราชันย์อัศวินอยู่ดี!
“โกหก! แกซ่อนราชันย์อัศวินเอาไว้ใช่ไหม แกจะต้องมีอุปกรณ์รูนมิติอยู่กับตัวแน่ๆ สารภาพมาซะดีๆ พวกเราเป็นคนช่วยกันฆ่าราชันย์อัศวินไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมแกต้องฮุบสินสงครามเอาไว้คนเดียว!”
ฉินเฟิงแสยะยิ้ม “ผมสามารถฆ่ามันได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพวกคุณ ตรงกันข้าม พวกคุณนั่นแหละที่พาคนจำนวนมากเข้ามาจนก่อความวุ่นวายให้กับผมแทน!”
“ฉินเฟิง อย่าทำเป็นอวดดีไป!”
“ไอ้หนู แส่หาเรื่องตาย!”
อีกสองผู้ใช้วรยุทธโบราณคำรามด้วยความโกรธ