โรมโบราณ: จากนายทาสสู่มหาจักรพรรดิ์ - ตอนที่ 113
*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*
“ข้าขอกล่าวหาความผิดร้ายแรง3ข้อให้แครสซัส!”
เสียงของเย่เทียนนั้นทั้งกังวานและรุนแรงมากจนแทบจะคิดภาพไม่ออกเลย
แถมมันยังรุนแรงมาก แครสซัสเกือบจะตายเลย!
เงียบเป็นป่าช้าเลย!
ทั่วทั้งศาลนั้นเงียบมากๆ
ทุกๆคนมองมาทางเย่เทียนที่ยืนอยู่ตรงกลางด้วยความผวาอย่างแรง
นี่เป็นสิ่งที่เย่เทียนหรือตระกูลเวิร์นเนอร์วางเอาไว้กันแน่นะ? ตอนแรกยังเป็นเรื่องไม่ลงรอยกันอยู่เลย ตอนนี้ชายคนนี้พยายามจะฆ่าแครสซัสหรอ?
ยิ่งไปกว่านั้นสีหน้าที่เย่เทียนมองก็แน่วแน่มาก.
ตัวของแครสซัสสั่นหนักมาก เขามองไปทางเย่เทียนด้วยความโกรธและความหวาดกลัว
โหดร้ายเกินไปแล้ว! เขาเกือบจะตายเพราะคําพูดของเย่เทียนเลย!
ความผิดร้ายแรง!
ความผิดร้ายแรงสามอย่าง! เขานึกไม่ออกเลยว่าเขาไปทําความผิดร้ายแรงแบบนั้นตอนไหนที่ไหนเลย.
“ซาตานจะทําเรื่องให้ใหญ่โตเลยงั้นรึ?”
ออเรเลียพึมพําเบาๆ ในตอนนี้เย่เทียนได้เรียกความสนใจจากทุกคนมาแล้วและเขาก็ยิ้มสว่างมากจนคนอื่นเกือบจะตาบอด เหมือนพระอาทิตย์จ้าเลย
“อาจารย์ข้าดูเท่มากเลย…………….
ตาของซีซาร์ส่องประกายสกาวและมันก็เต็มไปด้วยความหลงใหลและความนับถืออย่างแรง
ในสายตาของคนนับพันนั้นเย่เทียนได้ประกาศสั่งตายแครสซัสในวินาทีที่เขาพูดออกมา
โคตรหล่อ โคตรเจ๋ง!
“ลอร์ดซาตาน โปรดอย่าพูดอะไรไร้สาระที่นี่!”
เทเรโดตะโกนใส่เย่เทียนอย่างเดือดดาล.
“ท่านลอร์ดครับ ข้ายังไม่ได้เริ่มเลย. แล้วท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าพูดไร้สาระ? นี่ท่านลําเอียงแล้วเพิกเฉยกระบวนการยุติธรรมอีกแล้วหรือครับ?”
เย่เทียนถามอย่างสุขุม
“ลอร์ดซาตาน, ข้าหวังว่าที่ท่านพูดจะเป็นความจริงนะไม่งั้นแล้วข้าคงต้องขอลงทัณฑ์ท่าน!”
เทเรโดพูดกับเย่เทียนอย่างเยือกเย็น.
“ท่านลอร์ดเทเรโด, ปีนี้ใกล้จะหมดลงแล้ว ข้าหวังว่าท่านจะลงสมัครเลือกตั้งปีหน้าได้อีกครั้ง ไม่งั้นแล้วรอบหน้าท่านจะถูกข้าตั้งข้อหาให้แน่!”
ขู่เหรอ? ไม่เลย!
“ข้อหาร้ายแรงของแครสซัสนั้นมีอยู่3อย่างครับ, หนึ่งในนั้นก็มาจากกฏลับทั้ง8ของกฏ12โต๊ะ ของสาธารณรัฐโรมันที่ยิ่งใหญ่, มาตราที่ระบุว่าผู้ใดก็ตามที่ให้ร้ายชนชั้นสูงหรือผู้อื่นด้วยคําพูดหรือขับร้องบทเพลงที่มีเจตนาหมิ่นอย่างเปิดเผยจะต้องถูกตัดสินประหารชีวิต
ตอนที่ความจริงยังไม่ชัดเจนนั้น ตระกูลแครสซัสได้ประกาศต่อสาธารณะในรูปตราสารว่า, เฮร่าบุตรสาวของเวิร์นเนอร์นั้นได้สูญเสียความบริสุทธิ์ของนางและมีเรื่องบัดสีกับสัตว์ประหลาด, ซึ่งนั่นได้คุกคามลูกความของข้าอย่างหนักหนาและนําพามาซึ่งความอับอายสู่ครอบครัวของนาง ดังนั้นผลกระทบครั้งนี้มันช่างใหญ่หลวงนัก!
ว่ากันตามความยุติธรรมแล้ว แครสซัสควรถูกตัดสินประหารชีวิต!”
เสียงของเยเทียนนั้นกังวานและขึงขังมาก, ไม่ยโสโอหัง, แต่พูดเรื่องจริง, ว่ากันตามกฎหมายและมีมูลฐานจริง
ทุกคนเงียบมากๆ พวกเขาไม่กล้าปฏิเสธเรื่อง “กฏ12โต๊ะ” นี่เลย
แต่ทว่าต่อหน้าชนชั้นสูงทั้งหลายนี้ เอาเรื่องกฏ12โต๊ะมาพูดมันเป็นการกระทําที่ค่อนข้างจะทุเรศไปหน่อย!
“ลอร์ดซาตาน, ข้ามิได้กล่าวหมิ่นหรือเหยียดหยามเฮร่าแต่อย่างใด เพราะสิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริง!!”
แครสซัสมองมาที่เย่เทียนแล้วพูดจริงจัง, เขาไม่ได้ดูกังวลมากเท่าไหร่เพราะเฮร่าเองก็ไม่รู้หายไปไหนเช่นกัน จึงไม่มีหลักฐานอะไรเลย.
“จะกล่าวหมิ่นหรือไม่นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับท่านหรือการตัดสินของท่านผู้พิพากษา! ท่านบอกว่าเฮร่าเสียความบริสุทธิ์และทําเรื่องบัดสีกับสัตว์ประหลาด. โปรดแสดงหลักฐานให้ข้าดูด้วย, พยานหลักฐานและหลักฐานรูปธรรม! อีกอย่างข้ายังอธิบายข้อกล่าวหาของท่านยังไม่เสร็จเลย ในฐานะสุภาพบุรุษท่านไม่ควรพูดแทรกข้า!”
เย่เทียนพูดด้วยความรู้สึกดูแคลนหน่อยๆแล้วกล่าวต่อ “ความผิดร้ายแรงที่สองของแครสซัส นั่นคือเขาได้ดูหมิ่นพระเป็นเจ้าจึงทําให้สัตว์ประหลาดโผล่มาแล้วลักพาตัวเฮร่าไป! ที่สัตวประหลาดปรากฏตัวออกมาข้าคิดว่าเป็นสัญญาณของพระเป็นเจ้าที่ต้องการสื่อว่าเขาได้กระทําสิ่งที่ลบหลู่โรมอันยิ่งใหญ่และรุ่งโรจน์ของเราและถ้าหากเราไม่จัดการกับเขา สัตว์ประหลาดก็จะนําหายนะมาสู่เราทุกคน! ดังนั้นข้าขอเสนอให้ประหารแครสซัสเพื่อเป็นการขอขมาแด่พระเป็นเจ้า!”
“เวรเอ้ยซาตาน, เจ้าพูดอะไรไร้สาระ, เจ้าใส่ร้ายข้า, เจ้ามีความผิดฐานใส่ร้ายข้า, เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นมันหลงเฮร่าต่างหาก!”
แครสซัสระเบิดความโกรธใส่เย่เทียน เขาแทบจะคํารามออกมาเลย.
“มันไร้สาระงั้นเหรอ? ข้าจะพิสูจน์ให้รู้ทีหลังเอง! แล้วก็ ถ้าเจ้าอยากจะกล่าวหาข้า, รอให้ข้าอธิบายข้อหาที่3ของเจ้าก่อน. เจ้าพูดแทรกข้าอีกแล้วนะ!”
เย่เทียนเย้ยแล้วกล่าว “สาม, ข้าขอตั้งข้อหาแครสซัสเรื่องทําลายเอกภาพของโรมเราและสร้างความปั่นป่วนในเมือง! บัดนี้สาธารณรัฐโรมันที่ยิ่งใหญ่ของเรากําลังปราบปรามพันธมิตรอิตาเลี่ยนอยู่ เท่าที่ข้ารู้มากําลังของพวกนั้นกําลังกลับมาเฟื่องฟู. ณ ตอนนี้พวกเราทุกคนในโรมควรจะสามคคีกันไว้เพื่อป้องกันศัตรูของเราและคงความรุ่งโรจน์ของสาธารณรัฐโรมันเอาไว้! แต่ทว่าเพื่อตัวเองแล้วนั้น แครสซัสกับต่อสู้กับตระกูลเวิร์นเนอร์อย่างเปิดเผย, สร้างความงุนงงและความอึดอัดในโรม. วันนี้ เขายังกล้าทําให้เราต้องควักสินทรัพย์ออกมาเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งนี้ ดังนั้นข้าจึงขอแนะนําให้ประหารแครสซัสเพื่อเป็นเยี่ยงอย่าง!”
ข้อหาอันหลังนั้นเดือมากจริงๆแต่เย่เทียนก็ไม่สนใจมันมากนัก เขาอยากจะโฟกัสไปที่ข้อหาแรกมากกว่า
“ท่านผู้พิพากษาที่ทรงเกียรติครับ, ท่านคณะลูกขุนอาวุโสทั้งหลาย, ข้ากล่าวจบแล้วครับ! ต่อไปคือการแสดงหลักฐานให้พวกท่านได้ประจักษ์!”
ในที่สุดเย่เทียนก็พูดอย่างมั่นใจ
“ ซาตานพูดถูก. เพราะเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับความยุติธรรมจึงไม่แปลกที่จะทําทุกอย่างให้ถูกต้อง, ในฐานะลูกขุน, ข้าขอแนะนําว่าให้ทางโจทก์และคณะของจําเลยแสดงหลักฐานของตัวเองออกมาบัดเดี๋ยวนี้!”
แอนดรูว์ ค็อตต้า ลุกขึ้นแล้วพูดด้วยเสียงหนักแน่น
“หลักฐาน!”
“หลักฐาน!”
เมื่อเสียงของแอนดรูว์เบาลง คณะของกาอิอุส มาเรียสก็เริ่มตะโกน ทําให้เทเรโดขมวดคิ้ว
เขาไม่มีทางเปลี่ยนสถานการณ์นี้ได้เลย เพราะสิ่งที่ต่างฝ่ายพูดนั้นมีเหตุผลและตรงตามกฏหมายมากและมันยังทําถูกต้องตามพิธีอีกด้วย
พูดได้อย่างเดียวว่าเย่เทียนได้ทําให้แผนและสิ่งที่เขาคิดล่มไม่เป็นท่า
ถ้าเย่เทียนไม่เข้ามาปวนละก็ เขาก็คงจะพูดอะไรให้แครสซัสได้บ้างแต่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้แล้ว.
“โปรดแสดงหลักฐานหรือคําเบิกความด้วย!”
เทเรโดจ้องเขม็งมาที่แครสซัสแล้วพูดอย่างช่วยไม่ได้
“ท่านเอาก่อนเลย! ไม่งั้นแล้วข้าเกรงว่าหากข้าเริ่มพูด เจ้าก็จะไม่มีโอกาสได้พูดอีก!”
เย่เทียนหัวเราะแล้วพูดกับแครสซัสอย่างโอหัง
“แขกทุกคนที่อยู่ในงานสามารถเป็นพยานได้ว่าสัตว์ประหลาดมันโผล่มาเพื่อเฮร่าจริงๆ. ท่านเองก็อยู่ที่นั่น. ท่านเองก็เป็นพยานได้!”
หลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆ, แครสซัสก็พูดกับทุกคน
“ใช่! ถูกต้อง! เราเป็นพยานได้!”
“ข้าก็เป็นพยานได้!”
เหล่าชนชั้นสูงในนั้นพากันลุกขึ้นเพื่อยืนยัน
“ใช่, มันมุ่งเป้าไปที่เฮร่าจริง! แต่ทําไมถึงเป็นเช่นนั้นล่ะ? ไม่มีใครทราบได้เลย! อีกอย่างท่านไม่ต้องพิสูจน์ข้อนี้หรอก ท่านก็แค่ต้องพิสูจน์ว่าเฮร่าเสียความบริสุทธิ์และทําเรื่องบัดสีกับสัตว์ประหลาดจริงหรือป่าว! หากท่านพิสูจน์ไม่ได้ก็เท่ากับว่าท่านดูหมิ่นและให้ร้าย, และนั่นก็เป็นข้อหาที่ร้ายแรงมาก!”
เย่เทียนยิ้มแล้วพูดอย่างสุขุมซึ่งมันทําให้แครสซัสกดดันมากขึ้นไปพร้อมๆกัน