โรมโบราณ: จากนายทาสสู่มหาจักรพรรดิ์ - ตอนที่ 13
เย่เทียนคำนวณไว้ว่าหนึ่งทาเลนตั้มในโรม ณ เวลานี้ น่าจะน้ำหนักประมาณ30กิโลกรัม. 2ทาเลนตั้มทองก็เท่ากับเหรียญทอง60กิโลกรัม ก็ประมาณ7500เหรียญ. สำหรับเย่เทียนมันคือจำนวนเงินที่มากมายจริงๆ.
เขาสามารถซื้อบ้านที่หลังใหญ่กว่าหรือแม้แต่ทาสจำนวนมากๆได้. พวกทาสนั้นราคาแพงมากโดยเฉพาะทาสที่เป็นนักรบเก่งๆและพวกทาสหญิงสวยๆ.
“ขอขอบคุณท่านที่เหน็ดเหนื่อย และได้โปรดช่วยขอบพระคุณท่านหญิงออเรเลียสำหรับน้ำใจของท่านด้วย”
เย่เทียนยินดีมาก ความสว่างของทองสะท้อนในดวงตาของเขา เขายิ้มให้ทหารวัยกลางคนผู้นั้นแล้วหยิบเหรียญทองจำนวนมากออกมาแล้ววางไว้ในมือของทหารจากนั้นก็กล่าว “ข้าดีใจที่ได้พบท่านนะ. นี่เป็นของท่านแล้ว สำหรับความเหน็ดเหนื่อยน่ะ. แล้วข้าจะพาท่านไปดื่มคราวหลัง”
เย่เทียนมอบทองอีกจำนวนหนึ่งให้ทหารขณะที่พูดอยู่. เพราะยังไง เขาก็รวยแล้วและมันจำเป็นที่จะต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าหน้าที่พวกนี้.
“ท่านเซตานช่างนอบน้อมจริง. หากท่านพูดเช่นนั้น ข้าก็ขอขอบคุณในความมีน้ำใจ. ข้าจะไปดื่มกับท่านหากข้ามีเวลานะ.”
ความสุขเล็กๆแว่บขึ้นมาในตาของเจ้าหน้าที่วัยกลางคนผู้นั้น และความยกย่องต่อเย่เทียนของเขานั้นพุ่งปรี๊ด. ถึงแม้พวกนายทาสจะร่ำรวย แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกที่เห็นแก่ตัว. แต่วันนี้ เขาได้มาพบกันนายทาสผู้มีน้ำใจถึงขนาดว่าอยากจะเป็นเพื่อนกับเขาเลย.
แต่ก็อย่างว่า, เขาไม่สามารถซ่อนกิเลสของตัวเองได้ เขารับของที่เย่เทียนให้มาขณะที่ทหารด้านหลังของเขามัวแต่ตื่นเต้นกัน.
“จะว่าไปแล้ว ท่านเซตาน, พวกทาสที่อยู่หลังพวกเราล้วนเป็นนักรบที่แข็งแกร่งจากสปาต้า. แม้จะกล้าหาญ แต่พวกมันก็ยากที่จะทำให้เชื่อฟังนักและบางคนก็เป็นทาสที่แพงที่สุดด้วย. พวกมันสามารถฝึกให้กลายเป็นกลาดิเอเตอร์ได้ หากท่านสนใจ.
ทว่า, ท่านต้องระวังด้วยนะขอรับ. แม้พวกทาสเหล่านี้จะดูเหมือนถูกฝึกมาแล้ว แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าพวกมันกำลังคิดอะไร. หากท่านปลดกุญแจคล้องมือออกแล้ว อย่าเข้าไปหาพวกมันเชียว…”
หลังจากได้รับทองของเย่ เทียนมา ทหารผู้นั้นค่อนข้างกุลีกุจอถึงขนาดช่วยเตือนเย่เทียนด้วย.
“ขอบคุณที่ท่านเตือน!” เย่เทียนพูดด้วยรอยยิ้ม. มันแน่อยู่แล้ว, หากเขาไม่ได้ให้สินน้ำใจแก่เขา เขาคงไม่สนใจที่จะเตือนเย่ เทียนเรื่องพวกทาสหน้าใหม่เป็นแน่.
“ด้วยความยินดีขอรับ. อ้อแล้วก็ ข้ามีนามว่า วิลเลี่ยม นิค. ข้าจะมาเพื่อดื่มในวันหลัง. พวกเราขอตัวกลับก่อนขอรับ” หลังจากคุยกันนิดหน่อย วิลเลี่ยม นิคส่งกุญแจให้เย่ เทียน.
“อ้ออีกอย่างนึง, เด็กชื่อแครสซัสแห่งตระกูลบรูตัส จะจัดงานกลาดิเอเตอร์พรุ่งนี้ขอรับ. นายน้อยซีซาร์ต้องการเชิญท่านไปรับชมด้วย, ท่านจะมาหรือไม่ขอรับ?” วิลเลี่ยม นิค ถามก่อนจากไป.
“เป็นเกียรติอย่างมาก!” เย่เทียนยิ้ม. เขาไม่มีวันพลาดงานกินเลี้ยงใหญ่ๆแน่.
“โอเค, ข้าจะแจ้งให้เขาทราบขอรับ!” ทหารคนนั้นโล่งอกที่ได้ยินเช่นนั้นแล้วก็จากไป.
บรูตัสแห่งแครสซัส?
เย่เทียนหลุดไปในภวังค์.
แครสซัสคือหนึ่งใน3ยักษ์ใหญ่แห่งโรมโบราณ, และพันธมิตรของ3ยักษ์ใหญ่ก็สร้างโดยเขา.
ใน3หัวหอกแห่งพันธมิตร, ความสำเร็จด้านการทหารของปอมปีไม่มีใครเหมือน, ปัญญาของซีซาร์นั้นพิเศษสุด และความมั่งคั่งของแคสซัสนั้นไม่มีผู้ใดเทียบได้!
แครสซัสนั้นเป็นที่รู้จักในเรื่อง ปัญญาด้านพลิกแพลงและสร้างสรรค์.
สังคมโรมันเปรียบพวกค้าขายเสมือนผู้ร้ายดีๆนี่เอง. ชนชั้นสูงทั้งหลายรังเกียจที่จะต้องทำการค้ากับพวกเขา, แต่แครสซัสนั้นเดินตามรอยการทำงานของพวกพ่อค้าเพื่อที่จะสร้างความมั่งคั่ง.
เขาละทิ้งความคิดแบบนั้นเพื่อที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมด้านการค้าขายทาส,การจัดการ
สินแร่และการเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์. ผลลัพธ์ก็คือ เขาได้สั่งสมเงินตั้งมากมาย ซึ่งเป็นเรื่องหายากแม้แต่ในหมู่ชนชั้นสูงด้วยกันเอง.
เขาได้กลายเป็นชนชั้นสูงคนแรกที่ไม่ต้องพึ่งพาการโกงหรือกดขี่ผู้อื่น และสามารถร่ำรวยขึ้นมาด้วยน้ำมือของเขาเอง. นั่นทำให้เขาถูกดูหมิ่นจากชนชั้นสูงอื่นๆ แต่ก็ถูกสรรเสริญจากคนธรรมดา.
สวะแห่งชนชั้นสูง, มหาบุรุษแห่งคนจน, แครสซัส.
ยิ่งกว่านั้น วิธีการเจรจาของเขานั้นมีประสิทธิภาพที่สุดยอด. ภายในไม่กี่ปี ทรราชซูระ ผู้ที่เชื่อใจแครสซัสอย่างสุดใจได้กลายเป็นคนมีอำนาจขึ้นมา. หากไม่ใช่เพราะความอยากได้อยากดีของแครสซัสที่ทำให้เขาตายในสงครามภายหลังล่ะก็ ซีซาร์ก็คงเทียบไม่ติด.
ไม่นานนัก เย่เทียนจ้องสายตาไปที่ทาสนักรบสปาตั้นทั้ง10คน. เขาพบว่าค่าสเตตัสของพวกนั้นสูงมาก ทุกค่านั้นถึง80หมดเลย ขนาดพวกเขาได้กินแต่อาหารแย่ๆและใส่แต่เสื้อผ้าขาดๆ.
แต่ว่า ค่าความภักดีต่อเย่เทียนนั้นค่อนข้างแย่มาก มันต่ำกว่า0เลย ติดลบเลยแหละ! แน่นอน, ความเกลียดชังของพวกเขาไม่ได้มีต่อเย่เทียนแต่ มีต่อนายทาสโรมันทุกๆคนต่างหาก.
ความแข็งแกร่งของสปาตั้นนั้นไม่ต้องสงสัยเลย. ตั้งแต่เด็กพวกเขาถูกปลูกฝังในหัวว่าสปาตั้นนั้นสูงส่ง ส่วนไฮลอสนั้นเป็นแค่สัตว์ชั้นต่ำ. พวกครูฝึกจะด่าทอและหวดแส้ใส่ไฮลอสต่อหน้าเด็กๆบ่อยครั้ง
และจะพาเด็กๆไปทำพิธี “คริพติ” เพื่อที่จะฆ่าพวกไฮลอส. เมื่อเด็กชายอายุเข้า12ปี พวกเขาต้องเข้าร่วมกับกองทัพ. หลังจากเข้าแล้วชีวิตพวกเขาจะลำบากขึ้น. พวกเขาต้องนอนบนฟาง และใส่ได้เฉพาะเสื้อโค้ทตัวเดียวกับรองเท้าคู่นึง ไม่ว่าจะอยู่ในฤดูไหน.
ปกติสปาตั้นนั้นมีอาหารอยู่น้อยมาก พวกผู้ใหญ่ก็จะเชียร์ให้ไปขโมยมาจากข้างนอก. ถ้าใครโดนจับได้ ก็จะถูกทุบตีเพราะทำได้ห่วย. เคยมีเรื่องเล่าว่า วัยรุ่นผู้หนึ่งขโมยหมาจิ้งจอกและซ่อนมันไว้ที่อกของเขา หมาจิ้งจอกก็กัดเขาใต้เสื้อตัวนั้น. เพื่อไม่ให้ถูกจับได้ เขาทำตัวนิ่ง จนตัวเองถูกกัดจนตายโดยไม่ได้เอะปากใดๆ.
พออายุเข้า20ปี สปาตั้นหนุ่มจะได้กลายเป็นทหารอย่างเต็มตัว. พวกเขาจะได้แต่งงานที่อายุ30 แต่ก็ต้องเข้าร่วมการฝึกซ้อมกับกองทัพทุกๆวัน.
จากนั้นก็จะเกษีรณที่อายุ60ปี แต่ถึงกระนั้นก็ยังต้องรับใช้กองทัพในฐานะ ทหารสำรอง.
สปาตั้นหญิงนั้นจะรับใช้อยู่ในบ้านในวัยเด็กแต่แทนที่จะทำงานเย็บปักและงานบ้าน พวกเธอต้องฝึกร่างกาย, เรียนรู้กันวิ่ง เดิน การขว้างโล่กรมและการต่อสู้.
สปาตั้นนั้นเชื่อว่าแม่ที่แข็งแกร่งจะให้บุตรนักรบที่แข็งแกร่งได้. สปาตั้นหญิงนั้นกล้าหาญและแข็งแกร่ง และพวกเธอจะต้องไม่กลัวที่จะเห็นลูกชายตัวเองบาดเจ็บหรือถูกฆ่าในสนามรบ.
เมื่อมารดาสปาตั้นจะส่งลูกชายตนเองเข้ารบ พวกเธอจะไม่อวยพรให้กลับมาโดยปลอดภัย แต่จะมอบโล่ให้ลูกแล้วพูดว่า
“ หากไม่ถือมันไว้ก็จงตายอยู่บนมันเสีย”
นึกออกเลยว่าเผ่าพันธุ์นี้แข็งแกร่งและสุดยอดเพียงใด เพราะพวกเขาคือสัตว์ดุร้ายของจริง.
จากผู้แปล: สวัสดีครับ วันก่อนเพื่อนผมได้อ่านที่แปลไว้ แล้วรู้สึกว่าผมแปลหยาบมาก ผมเลยอยากจะแจ้งให้ทุกท่านทราบว่า ขออภัยที่แปลหยาบเกินไปด้วยครับ หลังจากนี้จะแปลให้สุภาพขึ้นครับผม
อีกเรื่องนึงที่อาจจะทำให้ทุกท่านไม่ชอบใจก็คือ ทำไมเป็น เซตาน เย่เทียน แทนที่จะเป็น ซาตาน เย่เทียน
จริงๆแล้ว Satan มันอ่านว่าเซตานไม่ใช่ซาตานอย่างที่คนไทยเรียกกัน และผมจะแปลว่าซาตานก็ได้ แต่เปรี้ยวอยากแปลว่าเซตาน เพราะฉะนั้นขออภัยที่ใช้คำแปลกๆนะครับ 55555.