โรมโบราณ: จากนายทาสสู่มหาจักรพรรดิ์ - ตอนที่ 20
“ไงจ๊ะ ซีซาร์, ไม่นึกเลยนะว่าจะเจอกันที่นี่…”
พอนั่งลงได้ไม่นานก็มีสตรี2นางเข้ามา. คนหนึ่งอายุ36ปีอีกคน14ปี. คนที่แก่กว่าดีใจมากที่ได้เห็นซีซาร์พร้อมก้มตัวมาหยิกแก้มซีซาร์เล็กน้อย.
“สวัสดีครับท่านป้า. สวัสดีครับท่านพี่…”
ซีซาร์พูดอะไรไม่ออกเพราะเธอหยิกแก้มเขาอยู่.
ป้าของซีซาร์หรอ?
ภรรยาของนักปฏิรูปการทหารมาโลรี่งั้นเหรอ? ชั้นคิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะสาวขนาดนี้!
มาโลรี่แต่งงานที่อายุ40 และมันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีภรรยาเด็ก. เพราะผู้หญิงยุคนี้แต่งงานในช่วงอายุยังน้อย.
เย่เทียนตกใจเล็กน้อย.
มาโลรี่ตอนนี้น่าจะเป็นชายแก่อายุ60แล้ว. เวลานี้เขาคงจะโดดเดี่ยวเรื่องการเมือง แต่ถึงอย่างงั้นในวุฒิสภา, มาโลรี่ก็ยังอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญอยู่ดี.
เขาได้สร้างความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ด้านการทหารแก่สาธารณรัฐโรมัน.
เขาเคยได้นั่งเก้าอี้อยู่5สมัย, เป็นผู้รักษาการคลังอยู่6ครั้ง และถูกเรียกว่าท่านพ่อจากพวกทหารโรมันหลายคน.
เดาไม่ยากเลยว่าเกียรติศักดิ์ของเขาในหมู่ทหารโรมันนั้นสูงเอามากๆ.
แม้ว่าตอนนี้เขาจะเริ่มแก่ตัวและอ่อนแอลง ยังไงอูฐผอมๆก็ยังตัวใหญ่กว่าม้าอยู่ดี.
แต่ในช่วงปีหลังๆมานี้มาโลรี่โชคไม่ค่อยดีนัก. ไม่กี่ปีมานี้เขาเริ่มติดๆขัดๆ.
ด้วยความล้มเหลวจากการเปลี่ยนแปลงในหลายปีก่อนทำให้ประชาชนผิดหวัง และผลเสียจากการปฏิรูปทางทหารก็เริ่มจะมีมากขึ้นในช่วงนี้. ระหว่างสงคราม พวกทหารก็เริ่มจะไม่มีงานทำกลายเป็นว่าชื่อเสียงระหว่างพวกทหารของเขาแย่ลงกว่าเดิม.
เพื่อที่จะเรียกชื่อเสียงเขากลับมาเขาเคยเสนอเมืองและเงินบำนาญให้พวกทหาร แต่ก็โดนทางสภาค้านไปอย่างหนัก.
แต่ปัจจุบันตอนนี้อยู่ใน ‘ช่วงสงครามพันธมิตร’ และมาโลรี่กลับมามีบทบาททางการเมืองและชี้นำสงครามภายนอกอีกครั้ง.
ในภายหน้าเย่เทียนรู้ดีว่ามาโลรี่แก่มากแล้ว. ต่อให้เขาพยายามแค่ไหนเขาก็ไม่มีวันเปลี่ยนอะไรได้. เขาถูกชะตาลิขิตมาให้โดดเดี่ยว.
ในอีก2ปีเขาจะก่อสงครามกลางเมืองกับคู่ต่อสู้ยักษ์ใหญ่ของเขา, ทรราชซูระ แต่เขาก็จะพ่ายแพ้จนถูกขับไล่ออกจากประเทศไป.
เย่เทียนเคยคิดว่าจะร่วมมือกับมาโลรี่ดีหรือป่าว แต่พอคิดดีๆแล้วเขาเลือกไม่ดีกว่า.
มาโลรี่ทำอะไรไม่ได้แล้ว มันอาจจะเป็นการแย่ถ้าเขาไปร่วมมือด้วย.
ต่อให้ช่วงก่อนตายที่เขาได้อำนาจกลับคืนมานั้น มันก็เป็นแค่แสงชั่วขณะก่อนที่เขาจะตายลง.
“ออเรเลีย, พ่อหนุ่มสุดล่ำข้างๆเจ้าเป็นใครกันรึ?”
พอหันมาทางออเรเลีย ภรรยาของมาโลรี่ก็สังเกตุเห็นชายหนุ่มแปลกหน้าข้างๆออเรเลีย และอดไม่ได้ที่จะถาม. มีความสงสัยอยู่ในตาเธอเต็มไปหมด.
เนื่องจากพ่อของซีซาร์ไม่อยู่ทั้งปี นางจึงกังวลว่าออเรเลียอาจจะทนเหงาไม่ไหวแล้วทำอะไรที่จะทำให้พ่อของซีซาร์เสียใจ.
“ท่านพี่จูเลีย, ระวังหน่อยค่ะ, นี่คือท่านซาตาน อาจารย์สอนวิชาดาบของซีซาร์!”
ออเรเลียพูดอย่างสุภาพแต่พอเย่เทียนได้ยินดังนั้นคิ้วเขาก็ขมวดเล็กน้อย. เขาไปเป็นอาจารย์สอนวิชาดาบให้ซีซาร์ตอนไหน?
นางอยากจะให้เขามีตัวตนขึ้นมาต่อหน้าพวกผู้ดีเหล่านี้งั้นหรอ?
แน่นอนว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีความคิดและคงเดาไว้แล้วว่าเย่เทียนต้องปฏิเสธคำขอ ให้เป็นอาจารย์ของซีซาร์แน่ๆ เธอจึงพูดออกไปแบบนั้นต่อหน้าคนอื่น.
นางยังคิดไว้แล้วอีกว่าเย่เทียนคงไม่กล้าฉีกหน้าเธอตรงนี้แน่ เพราะไม่อย่างงั้นเขาอาจจะทำให้เธอไม่พอใจและนั่นหมายถึงการทำให้ทั้งตระกูลซีซาร์และตระกูลออเรเลียส ค็อตต้าไม่พอใจเอาได้เหมือนกัน.
มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยที่ชาวเมืองที่เป็นนายทาสธรรมดาจะทำให้ชนชั้นสูงไม่พอใจ.
เรื่องนี้มันจะดีอยู่หรอกถ้าตระกูลซีซาร์กับมาโลรี่นั้นลอยลำไปได้ด้วยดี แต่เย่เทียนรู้ว่าอีกไม่กี่ปี ตระกูลของซีซาร์ก็จะมีเพียงแค่ซีซาร์ที่เหลืออยู่ และพอมาโลรี่ตายไป บวกกับซูระที่มีอำนาจกลับมาเป็นทรราชอีกครั้ง พวกคนของมาโลรี่ทั้งหมดก็จะถูกฆ่าตายไป.
แม้แต่ออเรเลียส ค็อตต้าก็คุ้มกันซีซาร์ไม่ได้.
ในประวัติศาสตร์นั้น ซีซาร์รอดมาได้โดยบังเอิญ จากการถูกเนรทศและการลอบสังหาร แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ถูกทิ้งไว้หลายปีอยู่ดี.
“……”
ตอนเย่เทียนกำลังจะเปิดปากพูด ออเรเลียจับมือเขาไว้อย่างลับๆ. ความหมายก็ชัดเจนอยู่.
“ท่านหญิงยูเลียผู้งดงามและสูงส่ง, ข้าเป็นเกียรตินักที่ได้พบท่าน ข้าคิดว่านี้คงเป็นลิขิตของพระเจ้าแน่!”
เย่เทียนเปิดปากพูดไป. แม้จะไม่แฮปปี้เล็กน้อย แต่เย่เทียนก็ไม่กล้าฉีกหน้าเธอ. เพราะว่าถ้าเขาอยากจะเกาะแข้งเธอไว้ตลอด เรื่องแค่นี้ก็ไม่น่าจะเป็นอะไร.
แม้ว่าจะติดแหงกอยู่กับซีซาร์ที่อาจจะเป็นก้างขวางเขาในอนาคต แต่อีกไม่กี่ปีก็จะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่.
หลังจากวางแผนมาหลายปีถ้าเขาไม่มีพลังที่มั่นคงไว้ยึดเกาะล่ะก็ มันก็เป็นความด้อยค่าของตัวเขาและสมควรจะถูกฆ่า.
เย่เทียนยิ้มอย่างสดใสแต่มือเขาก็จับมือของออเรเลียแน่นขึ้นและบีบมันเบาๆ, ร่างกายของเธอหวั่นไหวเล็กน้อยแต่ใบหน้าของเธอยังดูนิ่งอยู่.
“ครูฝึกวิชาดาบของซีซาร์งั้นรึ? นี่เขาอายุเยอะพอขนาดจะมีความสามารถแล้วรึ?”
คำชมของเย่เทียนทำให้ยูเลียดีใจจริงๆ แต่นางก็ยังสงสัยอยู่.
“ท่านป้าครับ ท่านอาจารย์เป็นนักดาบที่แข็งแกร่งที่สุดจริงๆ. พละกำลังของเขาไม่สามารถวัดได้จากอายุเลยครับ!”
ซีซาร์รีบตอบและเขาก็ยังคว้าโอกาสนี้ที่จะทำให้เย่เทียนเป็นอาจารย์. พอถูกเย่เทียนจ้องมา เขาก็แลบลิ้นใส่และหลบหน้าไป.
ภาพเด็กโดนตื้บแว่บมาในหัวของเขาเลย.
“ข้าจะไปเยี่ยมชมวันหลังแล้วกัน, แล้วพบกันนะ…”
รอยยิ้มเล็กๆโผล่ขึ้นมาที่ใบหน้าของยูเลียและเธอจ้องไปทางเย่เทียนดีๆอีกครั้ง ราวกับว่าเธอพยายามจะนึกหน้าเขาให้ออก. แล้วพาลูกสาวไปนั่งที่ที่ไม่ห่างจากพวกเขานัก.
“มือเจ้า!”
พอยูเลียจากไป ออเรเลียกระซิบที่หูของเย่เทียน.
“เอ่อ…โปรดอย่าเข้าใจผิด….”
เย่เทียนปล่อยมือนางไปแล้วยิ้มพร้อมพูดอย่างอินโนเซ้นส์.
“ความรู้สึกที่ได้จับมือข้าเป็นยังไงบ้าง?”
ใบหน้าของออเรเลียแดงออกมาพักหนึ่ง ต่อว่าเย่เทียนที่กล้าจับมือนางอย่างไร้ยางอายแล้วถามเขาด้วยรอยยิ้ม.
“ข้าชอบมันมาก ขนาดว่าไม่อยากให้มันจากไปและอยากจับมันไว้ทั้งปีเลย”
เย่เทียนพูดความจริงออกไป.