โรมโบราณ: จากนายทาสสู่มหาจักรพรรดิ์ - ตอนที่ 43
“จะว่าไปแล้ว, ฟิลิป, เจ้าตัวลึกลับที่เจ้าได้มามันคือตัวไรล่ะ? ข้าดูได้ป้ะ?
แครสซัสถามฟิลิปด้วยรอยยิ้ม.
“ข้าขออภัยด้วยท่านลอร์ดแครสซัส. ตอนนี้มันเป็นของข้า ข้าซื้อมันมานะครับ”
เย่เทียนรู้ว่าฟิลิปไม่กล้าหืออือกับชนชั้นสูงมากอำนาจแบบแครสซัส, เขาเลยเลือกเปิดปากถูกเวลา.
ถ้าตัวตนของวูฟเกิร์ลถึงหูแครสซัสล่ะก็หมอนี่คงทุ่มสุดตัวเพื่อซื้อเธอแน่.
เพราะสมมติว่า ถ้าเย่เทียนพาวูฟเกิลลงอารีน่าต่อสู้ นางต้องดึงดูดความสนใจของชาวโรมันบ้าๆหลายคนแหง. และถ้าแครสซัสได้ตัวเธอมานางคงเป็นแหล่งทำเงินที่ดีให้เขาแน่.
เย่เทียนคิดมาถึงขั้นนี้ได้ เขาก็เชื่อว่าแครสซัสก็คิดแบบนี้ได้เช่นกัน.
“นั่นเหรอ?”
แครสซัสถามฟิลิปด้วยรอยยิ้ม.
“ใช่ครับ…..นายท่าน….”
ฟิลิปลังเลทันทีแล้วก็กัดฟันพูดกับแครสซัสไป.
ทั้งแครสซัสและเย่เทียน, ฟิลิปไม่กล้าฉีกหน้าทั้งคู่เลย. เย่เทียนก็ชนชั้นสูงหน้าใหม่แต่ก็มีแรงหนุนจากทั้งตระกูลจูเลียสและออเรเลียส.
ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็เป็นคนสัญญากับเย่เทียนก่อนด้วย. ถ้าเขากล้ากลับคำตอนนี้ เขาคงตายศพไม่สวยแน่.
“ข้าขอดูได้ป้ะ?”
ตาของแครสซัสมีประกายความประหลาดใจแว่บขึ้น, ไม่อยากเชื่อเลยว่าฟิลิปจะเลือกเย่เทียนแทนที่จะเป็นเขา.
“ท่านหลอด, เหมือนว่าท่านจะถามผิดคนนะครับ, เฉลียวฉลาดอย่างท่านนี่ไม่น่าจะผิดพลาดได้หนา”
เย่เทียนยืนหน้าแครสซัสบังความกดดันที่เขาทำใส่ฟิลิปไว้ ตัวของเขาค่อนข้างสูงกว่าแครสซัสนิดหน่อยเขาเลยดูน่าเกรงขามกว่าเล็กน้อย. แครสซัสจึงกล่าว
“บางทีข้าอาจจะเสียมารยาทไปหน่อย แต่ข้าอยากจะทราบว่าลอร์ดซาตานให้เจ้าเท่าไหร่ ข้าจะให้เป็นสองเท่า. ข้าว่าเจ้าคงอยากจะขายให้ข้าแน่ ใช่มั้ย? ฟิลิปของข้า?”
แครสซัสยิ้มแล้วดูมั่นหน้ามาก. เขาอยากจะเกทับเย่เทียนเรื่องความรวย.
“ท่านลอร์ด, ข้าว่าท่านเข้าใจผิดแล้ว! นี่ไม่ใช่งานประมูลนะ! ต่อให้เป็นงานประมูล, ค้อนมันก็ตีไปเรียบร้อยแล้ว. นั่นแปลว่าฟิลิปไม่มีสิทธิ์จะมายุ่งกับของของข้า ต่อให้ท่านจ่ายมากกว่า10เท่าก็าม. เพราะงั้นได้โปรดอย่ารังแกประชาชนเลย, นี่นอกจากจะไม่สุภาพแล้วมันยังไม่สมกับสถานะของท่านด้วย…”
รอยยิ้มของเย่เทียนมีความเย้ยหยันอยู่เล็กน้อย.
“ฟิลิปคนดีของข้า, ข้าคิดว่าเจ้ารู้นะว่าจะทำยังไง…”
หลังจากนั้นเย่เทียนก็เตือนฟิลิปอีกครั้งแล้วจากไปพร้อมกับซูซาน.
“ไว้พบกันใหม่, ท่านลอร์ดแครสซัส….”
หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าว เย่เทียนก็กล่าวลากับแครสซัสโดยไม่หันกลับไป.
แทนที่จะตอบเย่เทียน แครสซัสกลับมองมาทางฟิลิปอย่างนิ่งๆ. ขณะที่ฟิลิปกำลังมึนๆหัวอยู่นั้น แครสซัสก็อ้าปากพูด “เล่นกับเสือ, ข้าหวังว่าเจ้าจะรู้ตัวนะว่าทำอะไรอยู่….ฟิลิป”
กล่าวเสร็จแครสซัสก็จากไปเช่นกัน เหลือแค่ฟิลิปยืนนิ่งอยู่กับที่.
“สปาต้า!”
พอกลับถึงบ้าน เย่เทียนส่งตัวซูซานให้ไดอาน่าและแองเจล่าไป. จากนั้นก็เดินไปทางสนามฝึกแล้วตะโกนเสียงดัง.
“ฮุฮ่า!”
เสียงตะโกนนั้นทำให้เลือดของสปาตั้นเดือดพล่าน. พวกเขาทุกคนวางมือจากงานแล้วรีบตั้งแถวให้เร็วที่สุด.
“ดีมาก. ความยากลำบากที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้จิตวิญญาณนักรบของพวกเจ้าจางหายไปเลย. ข้าก็หวังด้วยว่าความสามารถในการต่อสู้ของพวกเจ้าจะไม่ลดลงจากการเป็นทาสนะ. นักรบที่แข็งแกร่งของข้า, ทหาร, บอกข้ามาดังๆ, พวกเจ้ายังจับหอก, ถือดาบได้หนักแน่นอยู่หรือไม่?”
เย่เทียนตะโกนอย่างดัง.
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
…………
เหล่าสปาตั้นตอบค่อนข้างสั้นและเร็ว แต่ก็เป็นแค่เสียงคำราม.
“ดีมาก. ตอนนี้วางมือจากงานก่อนแล้วหยิบดาบศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้าขึ้นมาอีกทีสิ. ข้าหวังว่า, ตอนที่ฆ่าศัตรูคืนนี้, เจ้าจะไม่ทำดาบหลุดมือเหมือนกระเป๋านะ…”
เย่เทียนพูดอย่างสุขุม. รังสีอาฆาตของสปาตั้นเหล่านี้ก็เพียงพอจะทำให้เย่เทียนพอใจอย่างมาก.
เนื่องจากแครสซัสไปหาฟิลิปถึงบ้านด้วยตัวเอง เพื่อถามเรื่องวูฟเกิลวันนี้, บวกกับเย่เทียนไม่ยอมอ่อนข้อให้, มันคงจะทำให้แครสซัสเพ่งความสนใจใส่เรื่องนี้มากแน่ๆ. บางทีเขาอาจจะใช้วิธีต้อนให้จนมุมเพียงเพราะอยากจะรู้ว่าฟิลิปกำลังครอบครองอะไรอยู่ ก็เป็นได้.
ถ้าทุกอย่างดูราบรื่นผิดปกติ มันน่าจะมีกลุ่มคนลึกลับมาก่อกวนฟิลิปกลางทาง ตอนเคลื่อนย้ายวูฟเกิลคืนนี้แน่ๆ.
กันไว้ดีกว่าแก้. เพราะยังไงเย่เทียนก็ต้องการันตีว่าวูฟเกิลต้องมาที่นี่อย่างปลอดภัยให้ได้.
ดังนั้น คืนนี้อาจจะเป็นการต่อสู้ครั้งแรกของสปาตั้นก็ได้ แต่เขาต้องการแค่10คนเท่านั้น.
เพราะว่า ยิ่งใช้คนเยอะมันก็จะยิ่งดูเตะตา. ส่วนพวก20คนที่มาใหม่ พวกเขายังฟื้นตัวจากบาดแผลที่เย่เทียนอัดซะน่วมรอบก่อนเลย. อย่าว่าแต่ฆ่าคนเลย ทำงานหนักๆยังยาก.
“ฮุฮ่า!”
“ฮุฮ่า!”
……………….
พอได้ยินคำพูดของเย่เทียน พวกสปาตั้นก็เหวี่ยงหมัดและตะโกนออกมา.
พวกเขาพยายามจะสื่อว่าตัวเองมีพลังใจจะสู้อยู่.
“นักรบของข้า, คืนนี้อาจจะมีการต่อสู้เกิดขึ้น! ภายใต้การเฝ้ามองของพระเจ้า พวกเจ้าจงใช้หัวของศัตรูเพื่อพิสูจน์ความจงรักภักดีต่อข้า. เอาล่ะ, ข้าจะให้อาวุธพวกเจ้าเพื่อให้แสงแห่งความรุ่งโรจน์สาดใส่ตัวเจ้าอีกครั้งหนึ่ง….”
เย่เทียนส่งเสียงดังขึ้น, คำพูดของเย่เทียนเกือบทำให้เลือดของพวกเขาลุกโชนขึ้นมา.
“สปาต้า!”
“สปาต้า!”
……………………
นักรบสปาตั้นตะโกนออกมาอย่างแข็งขัน.
“แกร๊ง แกร๊ง แกร๊ง…”
พอได้ยินสปาตั้นคำราม, เย่เทียนก็สะบัดมือแล้วพวกอาวุธที่เก็บอยู่ในช่องเก็บของระบบก็หล่นออกมาทีละเล่มๆ.
สุดยอด! อะไรกันเนี่ย!
การกระทำของเย่เทียนทำให้พวกเขาทุกคนช้อค. เจ้านายของเขาเป็นใครกันนะ? แค่สะบัดมือ อาวุธก็โผล่ออกมาจากไหนก็ไม่รู้. เจ้านายของพวกเขาเป็นพระเจ้างั้นหรอ?
ทันใดนั้น อาการช้อคและความประหลาดใจของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นความยำเกรงแบบสุดๆ.
“ซาตาน!!”
พอเห็นดังนั้น เย่เทียนก็ชูดาบคมๆขึ้นแล้วตะโกน.
ในตอนนั้นเองก็มีแสงอาทิตย์สาดแสงลงมาที่ตัวเขาพอดี. สีผิวบร๊อนซ์ของเขาสะท้อนกับแสงอาทิตย์ ดูราวกับเทพแห่งสงครามเลย.
“ซาตาน!”
“ซาตาน!”
…………………..
เหล่าสปาตั้นนั้นศรัทธาในตัวเทพแห่งสงครามอย่างแรงกล้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว. และตอนนี้เย่เทียนก็ทำให้พวกเขารู้สึกปลาบปลื้มขึ้นไปอีก, พวกเขาจึงพยายามคำรามออกมาให้ดีที่สุด.
และค่าความภักดีของพวกเขาก็พุ่งขึ้นอย่างบ้าคลั่งถึง79เลย.