โรมโบราณ: จากนายทาสสู่มหาจักรพรรดิ์ - ตอนที่ 76
“ไอ้ชั่วซาตาน…..”
เพี๊ยะ!
“อ่าก….ไอ้ทาสชั้นต่ำ!!!”
เพี๊ยะ!
“อ๊าก….ไอ้สปาตั้นสถุน, เดี๋ยวเจ้าได้ตายหมู่แน่…..”
เพี๊ยะ!
“อ้าาาาก….หยุดเฆี่ยนข้าซักที, ให้อภัยข้าเถอะได้โปรด? บ้าเอ๊ย, เจ็บนะเว้ย, ให้อภัยข้าด้วย…..”
ปอมปีย์แค่อายุ16ปีเท่านั้น. ผิวของเขาทั้งอ่อนและเปราะบาง. เพราะไม่เคยโชกโชนในสนามรบมาก่อนเขาจึงไม่สามารถทนความเจ็บปวดได้. ตอนแรกเขาดื้อด้านอยู่ แต่พอถูกเฆี่ยนหลายครั้งจากแส้ของนักรบสปาตั้นเข้า เขาเลยหวาดกลัวสุดขีดและรีบอ้อนว้อนขอความเมตตา.
“เห็นแก่ความเมตตาของพระเป็นเจ้า, ได้โปรดช่วยข้าเก็บเหรียญทองที่กระจัดกระจายนี่ซะ, ได้มั้ย?”
เย่เทียนเดินไปหาทหารของปอมปีย์ที่กำลังถูกนักรบสปาตั้นล้อมอยู่แล้วพูด.
น้ำเสียงของเขาดูสุภาพมากและเขายังใช้คำว่า “ได้โปรด” อีกด้วย.
“ได้….ครับ….”
พวกทหารกระอั่กกระอ่วมมากตอนที่ตอบ.
ชนชั้นสูงหนุ่มพูดนี้น่ากลัวเหลือเกิน, บ้าบิ่นเหลือเกินและโหดร้ายจริงๆ, ขนาดเขายังกล้ามัดและเฆี่ยนนายน้อยของตระกูลชนชั้นสูงเก่าแก่ได้เพียงนี้ มีอะไรที่เขาจะไม่กล้าอีกเล่า.
“ขอบใจนะ!” เย่เทียนพูด.
จากนั้นเย่เทียนเดินไปหามาโคเนียแล้วพูด “ข้าว่าเราต้องคุยกันหน่อย, นายน้อยผู้สูงส่งแห่งตระกูลสุละ. ในฐานะหลานชายของสุละ ข้าคิดว่าต่อให้เจ้าไม่ลงสมัครเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการในการเลือกตั้งของปู่เจ้ารอบหน้า, อย่างน้อยเจ้าก็ไม่ควรทำให้เขาผิดหวังและทำชื่อเสียงของสุละย่อยยับลงใช่หรือไม่? การดูหมิ่น, เหยียบย่ำและขัดกฏหมายย่อมจะทำให้ผู้คนโกรธเคืองได้ง่ายๆ, จงอย่าดูถูกเหล่ามดที่สาปแช่งความอยุติธรรมของชนชั้นสูงเด็ดขาด!”
เสียงของเย่เทียนสุขุมมากแต่เขาเองก็เตือนมาโคเนียเกี่ยวกับผลที่จะตามมาของคำพูดที่เขาเพิ่งพูดไปเมื่อตะกี้นี้.
สำหรับชนชั้นสูงแล้ว “กฏ12โต๊ะ” นั้นมีไว้เพื่อประดับก็จริงและก็เป็นที่รู้ๆกันทั่วในหมู่ชั้นสูงแต่ก็ไม่มีใครกล้าจะเอ่ยถึงมัน. เพราะถ้าหากเอ่ยถึงเมื่อใดก็จะเกิดการจลาจลในหมู่ชาวเมืองเป็นแน่.
โดยเฉพาะเวลานี้, สิทธิและผลประโยชน์ของชาวเมืองเป็นจุดที่สาหัสในโรมมาก เนื่องจากการปะทุของสงครามพันธมิตรอิตาเลี่ยนที่เกิดขึ้นมาจากชาวเมืองอิตาเลี่ยนไม่สามารถยอมรับชาวเมืองโรมันได้และพวกเขาก็มีอิทธิพลในสาธารณรัฐโรมันอีกด้วย….
“เจ้าต้องการให้ข้าทำอะไร?.
หลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆแล้ว มาโคเนียก็ถามเย่เทียนด้วยเสียงลุ่มลึก, เขาค่อนข้างสิ้นหวังเพราะเขาไม่คิดเลยว่าสิ่งที่เขาเผลอพูดออกมาจะกลายเป็นอาวุธให้กับเย่เทียน.
เขาเองก็อยากจะปฏิเสธแต่มันก็อาจจะน่ากลัวอยู่ถ้าเย่เทียนแพร่งพรายเรื่องนี้ไปทั่ว.
ฉะนั้นเขาจึงหาทางประณีประนอม.
“เหะเหะ…ข้าเป็นคนมีความถูกต้องนะ, ข้าไม่ทำร้ายท่านหรอก! ตราบใดที่เจ้ายินยอมร่วมมือกับข้า, ข้าขอสาบานในนามของพระเป็นเจ้าว่าจะไม่แพร่งพรายสิ่งที่เจ้าเพิ่งพูดไปแต่จะเปลี่ยนให้ท่านเป็นผู้สนับหนุนความยุติธรรมเอง!”
เย่เทียนยิ้มแล้วค่อยๆพูด.
“จะให้ข้าร่วมมือยังไง?”
มาโคเนียถอนหายใจอย่างแรงด้วยความโล่งอกแล้วถามเย่เทียนไป, ตราบใดที่เย่เทียนไม่ปากเปราะ ทุกอย่างก็โอเค.
“ง่ายมาก, มาลงพิพากษาและลงทัณฑ์ปอมปีย์ด้วยกันเถอะ!”
เย่เทียนยิ้มอย่างเยือกเย็นจากนั้นก็เอาแส้มาจากนักรบสปาตั้นแล้วส่งไปให้มาโคเนีย. เขาพูด “เหลืออีก3ครั้งแล้วเจ้าก็ต้องลงมือเอง! ชนชั้นสูงที่ละเมิดกฏหมายและกระทำความผิดกับคนอื่น, ตราบใดที่ท่านลงโทษปอมปีย์ด้วยมือของตัวเอง ท่านก็จะถือว่าเป็นผู้สนับสนุนกฏหมาย, ต่อให้ข้าเผลอหลุดพูดคำพูดของท่านเข้าก็จะไม่มีใครเชื่อสิ่งที่ข้าพูด!”
เสียงของเย่เทียนเต็มไปด้วยความยุแยง.
“แต่ว่า….”
มาโคเนียรับแส้มาและกำลังสับสนกับสถานการณ์ตอนนี้. มันเหมือนกับว่าเย่เทียนพูดออกมาจากใจเขาเลย.
ใช่แล้ว, ตราบใดที่เขาเป็นผู้สนับสนุนแห่ง “กฏ12โต๊ะ” ไม่ว่าเย่เทียนจะไปเปล่าประกาศในสิ่งที่เขาพูดไป, เขาก็จะไม่มีความผิดเลย.
แต่ทว่า ถ้าเขาลงมือเฆี่ยนปอมปีย์3ครั้งจริงๆ ไมตรีของพวกเขาก็จะเสียไปตลาดกาล.
“พระเจ้าทรงสั่งสอนให้เรารู้จักตัดสินใจ, ไม่มีสิ่งใดจะต้องลังเลหรอกนะ, ทุกๆคนล้วนใช้ชีวิตเพื่อตัวเองทั้งนั้น. อีกอย่างหนึ่ง, ความผิดพลาดที่ท่านทำอาจจะสร้างปัญหาให้แก่ปู่ของท่านได้และท่านก็ต้องแก้มันด้วยตัวเองซะ! นี่คือโอกาสเดียวของท่านแล้ว, ถ้าหากท่านปล่อยไปท่านก็จะกลายเป็นตราบาปแก่วงตระกูล. ข้าเชื่อว่าท่านลอร์ดกาอิอุส มาเรียสจะเป็นผู้ที่ปลื้มปิติแน่หากได้ยินข่าวนั้น. อีกอย่างหนึ่งเลย, ท่านคิดจริงๆหรือว่าเขาเห็นท่านเป็นสหาย? เขาคือคนที่ยุให้ท่านมาหาเรื่องข้าเมื่อคืนนี้. ก่อนที่เขาจะยุท่านเขาได้บอกหรือป่าวว่าข้ากับเขาไม่ลงรอยกันน่ะ? อย่าโง่ไปหน่อยเลยเขาแค่หลอกใช้ท่านเมื่อคืนนี้แค่นั้นเอง. เขาหลอกใช้ท่าน…”
ถูกหลอกล่อ, ข่มขูและยั่วยุในเวลาเดียวกัน.
จุดประสงค์ของเย่เทียนก็เหมือนทำลายมิตรภาพของพวกเขาและทำให้กลายเป็นศัตรูกันไปเลย…
ถ้าเย่เทียนเฆี่ยนปอมปีย์ ทุกอย่างก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่แต่ถ้ามาโคเนียมาร่วมกับเขาล่ะก็, เรื่องต่างๆมันก็จะไม่หนักหนาอะไรมากมาย เพราะยังไงตระกูลสุละตอนนี้ก็มีอำนาจมากกว่าตระกูลปอมปีย์.
หากมาโคเนียบอกว่าปอมปีย์ผิด เขาก็จะผิดจริง.
เย่เทียนเองก็รู้ดีว่าเรื่องแบบนี้มันเอาไว้ขู่และทำให้เด็กตัวเล็กๆอย่างมาโคเนียกลัวได้ แต่ถ้าเป็นตัวสุละเองล่ะก็, เขาคงจะหาทางออกได้อย่างง่ายดาย.
แน่นอนอยู่แล้วว่าแม้แต่ตัวสุละเองก็ไม่อยากได้ยินคำพูดแย่ๆเกี่ยวกับตัวเขาในโรม, มันคงจะกระทบต่อชื่อเสียงของเขาแน่.
“ไอ้ชั่ว, ปอมปีย์. ข้าก็คิดอยู่แล้วว่าทำไมเจ้าถึงดีกับข้านักเมื่อคืนนี้ ที่แท้เจ้าก็แค่จะหลอกใช้ข้างั้นเหรอ!!”
แหงอยู่แล้ว, พอได้ยินคำยั่วยุของเย่เทียน ตาของมาโคเนียก็เริ่มเย็นชาทันทีและตอนนี้เขาสามารถเฆี่ยนปอมปีย์โดยไม่รู้สึกผิดได้เลย.
“มาโคเนีย, นี่เจ้าจะเฆี่ยนสหายเจ้าจริงๆหรอ?”
ปอมปีย์สิ้นหวังอย่างสุดขีดและในเวลาเดียวกัน ความเกลียดชังที่มีต่อเย่เทียนก็พุ่งไปถึงจุดที่อธิบายไม่ได้แล้ว.
“สหายรึ? ใช่, เราคือสหายกัน, ฉะนั้นปอมปีย์เอ้ย, เจ้าเต็มใจจะยอมรับมัน ใช่มั้ย?”
มาโคเนียเองก็ไม่ใช่คนที่ดีเหมือนกัน. ปอมปีย์หลอกใช้เขาเพื่อให้เขาและตระกูลอับอายก่อน, ในเวลาเดียวกันเขาก็สร้างศัตรูที่น่ากลัวไว้ด้วย. ความขุ่นเคืองในใจของมาโคเนียนั้นยากที่จะล่วงรู้ไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวที่จะใช้ปอมปีย์เป็นเครื่องมือแก้ไขความผิดพลาดที่ตัวเองได้พูดไป.
“พิพากษาแล้วลงทัณฑ์เขาซะ แล้วท่านจะได้กลายเป็นพันธมิตรแห่งความยุติธรรม!”
เย่เทียนกระซิบเบาๆข้างๆหูเขา ทำให้ความเย็นชาผุดขึ้นมาในดวงตาของมาโคเนีย.
เขาเกลียดปอมปีย์แต่ก็เคืองเย่เทียนด้วยเหมือนกัน.
ปอมปีย์แค่หลอกใช้เขาแต่เย่เทียนกำลังควบคุมเขาอยู่.
“ปอมปีย์, เจ้าได้เทเหรียญทองและเหยียบย่ำทรัพย์สินของลอร์ดซาตาน. ว่าด้วย “กฏ12โต๊ะ” แล้ว, บทลงโทษของเจ้าจะต้องถูกมัดและเฆี่ยนจากนั้นก็จะถูกเสียบไม้แล้วเผาเสีย. แต่ครั้งนี้เป็นความผิดครั้งแรกของเจ้าเท่านั้น ข้าจะเฆี่ยนเจ้าแค่10ครั้งก่อนแล้วจะปล่อยไป!”
เสียงของมาโคเนียสั่นแต่ก็ดูสุขุม. ถ้าหากเขาไม่พูดถึง “กฏ12โต๊ะ” เย่เทียนก็จะหาโอกาสกล่าวผิดใส่เขาได้.