โรมโบราณ: จากนายทาสสู่มหาจักรพรรดิ์ - ตอนที่ 87
“ทำลายชื่อเสียงของสุละงั้นรึ?”
ตาของออเรเลียหรี่ลงเล็กน้อยเพราะความสงสัยและซีซาร์ก็เข้ามาฟังใกล้ๆมากกว่าเดิม.
ถ้าจะพูดว่าชื่อเสียงของสุละนั้นยิ่งใหญ่ก็คงจะไม่โอเวอร์เกินไปเลย, ตระกูลของเขานั้นหลักแหลมมากๆ, ทายาทรุ่น6ของพวกเขาได้เป็นกงสุลถึง2ครั้ง. แต่ทว่าตอนที่เขาเกิดมาตระกูลก็เริ่มตกต่ำไปแล้ว, แต่เพราะกาอิอุส มาเรียสเขาจึงกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งได้แล้วเขาก็ทรยศกาอิอุส มาเรียสเพื่อความต้องการของตัวเอง. ในที่สุดเขาก็ได้ความชอบกลับมาแก่วงศ์ตระกูลและทำให้มันเป็นใหญ่อีกครั้ง.
พูดได้เลยว่าความยิ่งใหญ่ของตระกูลสุละนั้นขึ้นอยู่กับเขาคนเดียวเลย.
ชายคนนี้ยังเก่งเรื่องเอาเงินปิดปากและยกยอพวกไพร่อีกด้วย เขาจึงมีชื่อเสียงที่ดีท่ามกลางพวกไพร่.
ออเรเลียกับซีซาร์สงสัยมากๆว่าเย่เทียนจะทำยังไงให้ชื่อเสียงของสุละ เจ้าของฉายาสิงโตกึ่งจิ้งจอกย่อยยับไปได้.
“ใช่แล้วครับ, ต้องโจมตีชื่อเสียงของสุละ, แล้วก็ลดอิทธิพลท่ามกลางพวกไพร่ของเขาลงด้วยอย่างน้อยเราก็สามารถปรามความโอหังของเขาได้!”
เย่เทียนพูดด้วยน้ำเสียงเสียดสี.
“แข็งแกร่งและหยิ่งยโส, ใช้อำนาจข่มขู่ชาวบ้าน, ริดรอนสิทธิคนอื่น, ขโมยทรัพย์สินของชาวเมืองอย่างหน้าตาเฉย! ถ้าสุละถูกกล่าวหาข้อหาพวกนี้ล่ะก็, ท่านไม่คิดรึว่าชื่อเสียงของเขาจะป่นปี้แค่ไหน?”
เย่เทียนยิ้มอย่างเยือกเย็นแล้วกล่าวหาสุละด้วยข้อหาร้ายแรง.
“ข้อหาพวกนี้น่ะรึ? ข้าเกรงว่าข้าจะไม่สามารถสร้างปัญหาให้สุละมากมายแบบนั้นได้น่ะสิ!”
ออเรเลียขมวดคิ้วแล้วส่ายหัวเบาๆ.
“ถ้าอย่างงั้นพวกเราก็ไปป่าวประกาศให้สาธารณะฟังก็ได้หนิครับ?”
เย่เทียนถามด้วยความสงสัย.
“มันไม่ง่ายอย่างงั้นน่ะสิ. พวกเขาสามารถรับมือแล้วก็อธิบายเรื่องข่าวลือได้แน่. เพราะเรื่องนี้เขาไม่ได้เป็นคนทำ เพราะเขายังอยู่ที่สนามรบอยู่เลยตอนนี้”
ออเรเลียส่ายหัว.
“ไม่ครับ!! นั่นเป็นเพราะท่านไม่รู้วิธีสร้างข่าวลือ. ท่านไม่รู้หรอกว่ากองทัพน้ำลายนั้นน่ากลัวแค่ไหน!!”
เย่เทียนยิ้ม. เขาคือคนที่มาจากอนาคตย่อมรู้ดีว่ากองทัพน้ำลายนั้นน่ากลัวแค่ไหน. ตราบใดที่เงินเข้ามาเกี่ยวข้องขาวและดำก็สามารถกลับกันได้. ยิ่งไปกว่านั้นคือรอบนี้ตระกูลสุละเป็นคนทำพลาดเอง, เย่เทียนก็แค่จะขยายเรื่องนี้ให้มันใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ.
“อาจารย์ครับ กองทัพน้ำลายมันคืออะไร? มันคือการต่อสู้ด้วยอาวุธพิเศษบางอย่างหรือครับ?”
ซีซาร์ได้ยินคำพูดของเย่เทียนเกี่ยวกับกองทัพน้ำลาย จึงอดถามเย่เทียนไปไม่ได้.
“ไม่ใช่หรอกนะ! กองทัพน้ำลายคือกองทัพที่เก่งเรื่องสู้ด้วยน้ำลายยังไงล่ะ! พวกนี้เก่งเรื่องสร้างข่าวลือ. กองทัพแบบนี้สามารถชนะคนอื่นได้ด้วยจำนวนคน ตราบใดที่มีคนพอพวกนี้สามารถทำให้เจ้าจมกองน้ำลายไปได้, ยิ่งสุละคงไม่ต้องพูดถึงเลย!”
เย่เทียนยิ้มแล้วอธิบายให้ซีซาร์ฟัง.
“ฮ่าฮ่า…”
พอได้ยินคำอธิบายของเย่เทียน, ออเรเลียก็เข้าใจและอดยิ้มและหัวเราะออกมาไม่ได้, ราวกับดอกไม้งามที่เสน่ห์เหลือล้น.
“ท่านเคยได้ยินเรื่องคน3คนกลายเป็นเสือหรือไม่ครับ?”
เย่เทียนมองมาทางออเรเลีย, ทำให้หน้าเธอแดงขึ้นเล็กน้อยแล้วค่อยๆหุบยิ้มไปจากนั้นเขาก็ถามต่อ.
“มันหมายถึงเมื่อคน3คนรวมพลังกันแล้วจะมีพละกำลังมหาศาลเหมือนเสือหรือป่าว?”
ออเรเลียคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยายามเดาความหมาย.
“ออเรเลียครับ, หากทาสคนหนึ่งมาบอกท่านว่ามีเสืออยู่ในลานหน้าบ้านท่าน ท่านจะเชื่อหรือไม่ครับ?”
เย่เทียนไม่ตอบแต่ถามด้วยรอยยิ้ม.
“โอ้ไม่มีทาง, เสือจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร, ข้าไม่เชื่อหรอก”
ออเรเลียไม่เสียเวลาคิดเลย เธอตอบทันที.
“แล้วถ้าทาสคนที่สองวิ่งมาบอกท่านว่ามีเสืออยู่ในลานหน้าบ้านท่าน ท่านจะเชื่อหรือไม่ครับ?”
“ถ้าเป็นงั้นจริงข้าก็จะสงสัยมาก”
ออเรเลียคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดช้าๆ.
“แล้วถ้าหากมีคนที่3มาพูดว่ามีเสืออยู่ที่ลานหน้าบ้านท่านล่ะครับ?”
เย่เทียนถามต่อ.
“ไม่ต้องสงสัยเลย, ข้าเชื่อแน่!”
หลังจากเงียบอยู่พักหนึ่ง, ออเรเลียก็พยักหน้า.
“แต่ความจริงคือ ไม่มีเสืออยู่ที่ลานหน้าบ้านของท่าน. ของแบบนี้ก็รู้ๆกันอยู่แล้วครับ แต่เพราะทาส3คนมาบอก มันเลยดูเหมือนว่ามีเสืออยู่จริงๆ”
เย่เทียนสรุปให้ฟัง.
“ข้าเข้าใจที่เจ้าพูดแล้ว! ซาตาน, บางทีเจ้าก็ดูเหมือนนักปราชญ์มากความรู้จริงๆ….”
ออเรเลียพูดด้วยสายตาเป็นประกายและความนับถือ.
“แต่แค่นี้เรายังไม่พอครับ, มันยังไม่น่าตกใจพอ! ถ้าเราไม่กระตุ้นความโกรธของชาวบ้านล่ะก็ เราคงทำลายชื่อเสียงเขาไม่ได้!”
เย่เทียนส่ายหัวด้วยสายตาอำมหิต.
“ไม่พอรึ?”
พอเห็นความบ้าในตาของเย่เทียน ออเรเลียจึงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย.
“ครับ! มีแค่การนองเลือดเท่านั้นที่จะกระตุ้นความโกรธของชาวบ้านได้!”
เย่เทียนยิ้มอย่างเยือกเย็น. ความบ้าคลั่งและโหดร้ายแว่บขึ้นมาในดวงตาของเขา.
ครั้งนี้เขาเผชิญหน้ากับสุละ ผู้มีฉายาว่าสิงโตกึ่งจิ้งจอก เขาจึงต้องจัดหนักๆ.
“เหตุนองเลือด?”
ออเรเลียสูดหายใจเข้าลึกๆ.
“ใช่แล้ว!”
เย่เทียนพยักหน้าช้าๆ.
“จะทำยังไงล่ะ?”
ออเรเลียถามด้วยความสงสัย เธอนึกภาพออกเลยว่างานนี้จะหนักหนาเพียงใด.
“พอเราได้พันธมิตรแล้ว, ขอให้ท่านจงอย่าพูดอะไร. ข้าจะให้ฟิลิปเริ่มทำเหมืองทันทีแล้วก็เชิญพวกไพร่มาดูด้วย! ลองคิดสิครับ, พอเห็นเหมืองตัวเองกำลังโดนคนอื่นมาทำ ตระกุลสุละจะทำอย่างไร?”
เย่เทียนยิ้มอย่างเลือดเย็นแล้วอธิบายแผน.
“ไม่ต้องสงสัยเลย! ต้องมีใครส่งคนไปห้ามไม่ก็ไล่พวกเขาไปแน่!”
ออเรเลียพูดช้าๆ.
“ใช่แล้วครับ, เมื่อคนใดคนหนึ่งในตระกูลเขาโผล่มา, ไม่ว่าจะห้ามหรือจะมาไล่, ข้าก็จะให้คนของข้าที่ปนอยู่ในนั้นเริ่มทำตัวดุร้ายขึ้นมา, สร้างสถานการณ์นองเลือดขึ้นมาแล้วให้ทั่วทั้งโรมรู้จากนั้นก็จ้างให้ไพร่สร้างข่าวลือแย่ๆซะ, พอถึงตอนนั้นแหละที่พันธมิตรของเราจะลึกขึ้นสู้เพื่อฟิลิปและทวงความยุติธรรมให้ชาวบ้าน. ถึงตอนนั้นแหละตระกูลสุละจะต้องยอมสละหางกันตายแน่! เราไม่สามารถทำให้พันธมิตรของสุละสั่นคลองได้แต่เราจะทำลายชื่อเสียงท่ามกลางชาวบ้านของเขาซะ!”
เย่เทียนยิ้มแล้วพูดแผนให้ฟัง.
“โอ้พระจ้า, โหดร้ายมาก! ซาตาน, ข้าโชคดีจริงๆที่พวกเราไม่ได้เป็นศัตรูกับเจ้า!”
พอได้ฟังแผนของเย่เทียน ออเรเลียก็กลัวและความรู้สึกเยือกเย็นก็เกิดขึ้นมาในใจของเธอ.
แผนของเย่เทียนนั้นเกือบจะไร้ที่ติในสายตาเธอและมันก็จะรุนแรงมากๆ. อาจพูดได้เลยว่าเมื่อแผนของเย่เทียนลุล่วง, สุละคงจะถูกเหยียบย่ำลงหลุมไปแน่.
ศัตรูแบบนี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก. ปกติแล้วเย่เทียนจะเปล่งออร่าด้วยท่าทางไร้เดียงสาแต่พอเขาเริ่มลงมือ เขาก็ดุร้าย, ป่าเถื่อนและอันตราย!
“ไม่หรอกครับ เราจะเป็นศัตรูกันได้อย่างไร, ข้าคือลูกเขยของท่านนะและเป็นถึงอาจารย์ของซีซาร์ด้วย…..”
เย่เทียนยิ้มและรอยยิ้มสดใสดั่งพระอาทิตย์ก็กลับมาที่ใบหน้าของเขาอีกครั้ง.
“อาจารย์ครับ, นอกจากวิชาดาบแล้ว ข้าเองก็อยากหาความรู้ยอดเยี่ยมจากท่านด้วย!”
ซีซาร์ลุกขึ้นแล้วคำนับเย่เทียนอย่างนอบน้อม. วันนี้เขาชื่นชมเย่เทียนมากๆ.
ค่าความภักดีของเขาพุ่งขึ้นไปถึง99อย่างไม่น่าเชื่อทันที, เขาเกือบจะสามารถทิ้งชีวิตตัวเองให้เย่เทียนแบบไร้เหตุผลได้เลยด้วย.