ไหปีศาจ - ตอนที่ 3 ผู้ที่กลายเป็นวิญญาณ
บทที่ 3 ผู้ที่กลายเป็นวิญญาณ
ลั่วอู๋รู้สึกไม่พอใจกับเสียงตะโกนของคนขับรถม้าขึ้นมาทันที
คนขับรถม้าคนนี้เป็นเพียงข้ารับใช้ในครอบครัวของลั่วอู๋ ระหว่างการเดินทาง ชายคนนี้ไม่เคยที่จะเคารพเขาแม้แต่น้อย เขาทำราวกับลั่วอู๋เป็นเหมือนนักโทษในคุกคนหนึ่ง
ซึ่งการกระทำเช่นนั้นสร้างความไม่พอใจให้กับลั่วอู๋มานานพอแล้ว
คนขับรถม้าคนหนึ่งกำลังเลี้ยงม้าพันธุ์เชินชิงจูว ด้วยอาหารสัตว์และน้ำอยู่ และสุดท้าย เขาก็รอต่อไปไม่ไหว เขาเดินเข้ามาหาลั่วอู๋อย่างใจร้อน แล้วกล่าวเร่งว่า “ไปต่อได้แล้ว! หลังจากไปส่งท่านที่เมืองร้างนั่นแล้ว ข้าจะกลับไปที่ตำหนักตระกูลลั่วเพื่อทำงานสำคัญ ท่านอย่าถ่วงเวลาของข้าจะได้ไหม”
เจ้าม้าตัวน้อยเดินตามหลังคนขับรถม้าอย่างไม่รีบร้อน
ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว มองไปที่คนขับรถม้า และไม่พูดอะไร
ต้าหวงที่นั่งอยู่ข้างๆ เท้าของเขาลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ดวงตาขุ่นมัวชัดเจน และมีกรงเล็บแหลมคมยื่นออกมาจากอุ้งเท้า
คนขับรถม้าเห็นว่าลั่วอู๋ไม่สนใจเขา ก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที “ท่านทำท่าอวดดีใส่ข้าแบบนี้ อยากเข้าไปในรถของข้าตอนนี้ด้วยตัวเอง หรือว่าจะให้ข้ามัดท่าน แล้วโยนท่านกลับเข้าไปในรถดีล่ะ”
“ต้าหวง ไปเลย!” ลั่วอู๋พูดเสียงต่ำ
ต้าหวงขยับตัวและวิ่งพุ่งออกไป แววตาของมันทอแววดุร้าย สุนัขเป็นผู้คุ้มกันที่สำคัญที่สุด และเมื่อเจ้าของกำลังถูกคุกคาม ความดุร้ายที่ซ่อนอยู่ในสายเลือดของมันจึงตื่นขึ้น
“โฮกกกกกก!”
ต้าหวงคำราม และใต้ฝ่าเท้าของมันมีแสงส่องสว่างออกมา
คนขับรถม้าตกใจมากเมื่อเห็นสิ่งนั้น
เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเจ้าสุนัขขนสีน้ำตาลมอมๆ ถึงดุร้ายขึ้นมาได้ เขารู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับสิงโตที่ดุร้ายที่สุด
“อย่าเข้ามา! อย่าเข้ามานะ!” คนขับรถม้าตะโกนใส่มันอย่างบ้าคลั่ง
แต่ต้าหวงไม่ได้วิ่งไปหาเขา มันวิ่งผ่านเขาไป และตรงไปที่ม้าที่อยู่ด้านหลัง
ม้าเชินชิงจูวตัวสั่นและย่ำกีบเท้าของมัน แล้วรีบหันหลังกลับ และดีดเท้าเตะออกไปด้วยกีบเท้าหลัง
ลูกเตะของม้าธรรมดาแต่สายพันธุ์ดีแบบนี้ อาจถึงกับเตะชายวัยกลางคนให้เสียชีวิตได้เลย
นับประสาอะไรกับม้าเชินชิงจูว ซึ่งเป็นม้าสายพันธุ์ล้ำเลิศที่สุด แม้ว่าม้าเชินชิงจูวจะยังไม่โตพอ แต่ก็ตัวใหญ่กว่าต้าหวงหลายเท่า
คนขับรถม้าเห็นว่าต้าหวงไม่วิ่งตรงเข้ามาหาเขา จึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง เขามองไปรอบ ๆ และเห็นต้าหวงกำลังวิ่งไปหาม้าเชินชิงจูวของเขา
“เจ้าหมาตัวนั้นมันบ้าไปแล้ว แม้แต่สิงโตก็ยังถูกฆ่าด้วยการเตะของม้าเชินชิงจูวได้ แถมเจ้าหมานั่นพุ่งเข้าไปแบบเดี่ยวๆ” คนขับรถม้าคิดในใจ
แต่ในภาพที่ปรากฏขึ้นต่อไป สิ่งที่เห็นนั้นทำให้คนขับรถม้าเหมือนกับคนตาบอด
ม้าเชินชิงจูวเตะบนตัวต้าหวง แต่ต้าหวงไม่ได้บาดเจ็บใดๆ มันกลับกระโดดกัดไปที่คอม้าเชินชิงจูว จนมีเลือดสาดออกมา
“ฮี่ๆๆ”
ม้าเชินชิงจูวครวญคราง และตะเกียกตะกาย แต่แววตาของมันก็ค่อยๆ จางหายไปจนกลายเป็นไร้ชีวิต
คนขับรถม้าตัวสั่น และร้องไห้ ออกมาด้วยความเจ็บปวด “ม้าข้า! ม้าเชินชิงจูวของข้า!”
มันเปรียบดั่งหัวใจของเขา
เขาใช้เวลาทั้งหมดไปกับการเก็บออม เพื่อที่จะซื้อมัน
มันเป็นสิ่งเสริมสร้างบารมีของเขาเวลาที่เขาเอาไปโม้ในวงเหล้า แต่ตอนนี้ม้าของเขาถูกสุนัขฆ่าตายแล้ว!
ใช้งานทักษะ “กลืนกิน”
ต้าหวงอ้าปากของมัน และฉีกเลือดฉีกเนื้อของม้าเชินชิงจูว จนไม่เหลือแม้แต่กระดูก หลังจากนั้นไม่นาน ม้าเชินชิงจูวก็ถูกต้าหวงกลืนกินจนหมด
พลังงานจากเลือดเนื้อของ ทำให้ม้าเชินชิงจูวค่อยๆ กลายเป็นวิญญาณไหลเข้าสู่ร่างกายของต้าหวง และพลังวิญญาณก็พัฒนาขึ้นเล็กน้อย
นี่คือพลังของกลืนกิน สัตว์วิญญาณสามารถสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง โดยการกลืนกินเลือดและเนื้อของเป้าหมาย
หลังจากกลืนกินม้าเชินชิงจูวเสร็จ ต้าหวงก็เดินกลับไปอย่างช้าๆ และนั่งยองๆ ที่เท้าของลั่วอู๋ คลอเคลียขาของลั่วอู๋ และกลับเป็นสุนัขสีน้ำตาลมอมๆ ตัวเดิม
“ ครั้งหน้า ถ้าเจ้ากล้าที่จะพูดกับข้าแบบนี้อีกละก็ มันไม่ใช่แค่ม้าที่จะต้องตาย” ลั่วอู๋กล่าวเบา ๆ
คนขับรถม้าคนนั้นหวาดกลัวจับใจ ไหนเลยจะกล้ากำแหงอีก เขาพยักหน้าและตอบว่า “ขอรับ นายน้อย”
ในที่สุดลั่วอู๋ก็ได้ตำแหน่งนายน้อยคืน
“เข้าไปในรถกันเถอะ” ลั่วอู๋ไม่ได้หันกลับไปมอง เขาเดินไปที่รถม้าพร้อมกับหลี่หยินและต้าหวง
แต่สถานการณ์นั้นแตกต่างออกไป ความโศกเศร้าและความหงุดหงิดบนหน้าเขาได้หายไปแล้ว แต่เป็นจิตวิญญาณเข้ามาแทนที่
มันไม่ใช่แค่เมืองร้างอีกต่อไป
ไม่ว่าข้าจะอยู่ไกลแค่ไหน ก็ไม่มีใครสามารถหยุดการท้าทายสวรรค์นี้ได้
คนขับรถม้าขึ้นรถ และบังคับรถม้าให้ออกเดินทาง
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทัศนคติของคนขับรถม้าที่มีต่อลั่วอู๋ได้กลายเป็นที่เคารพนับถือ และไม่กล้าพูดจาเย่อหยิ่ง ยิ่งกว่านั้น เขามักจะกลัวต้าหวง และไม่กล้าเข้าใกล้สุนัขแก่สีน้ำตาลมอมๆ อีกเลย
ในรถม้า ลั่วอู๋พยายามทำพันธสัญญากับต้าหวง แต่แปลก ที่มันล้มเหลวทุกครั้งโดยไม่มีข้อยกเว้น
หรือเขาจะเป็นขยะไร้ค่าของตระกูลลั่วจริงๆ
มันเกิดขึ้นได้อย่างไร
หากต้องการที่จะเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณ ก็ควรฝึกฝน และสะสมพลังวิญญาณเสียก่อน ที่จะทำพันธสัญญากับสัตว์วิญญาณได้ เพื่อจุดประกายดาวทั้งเจ็ด
ระดับวิญญาณนั้นเหมือนกับมิติวิญญาณ ซึ่งแบ่งออกเป็นทองแดง, เงิน, ทอง, ทองคำขาว, เพชรและจักรพรรดิ
วิญญาณแต่ละมิติ สามารถทำพันธสัญญาได้ด้วยระดับวิญญาณเดียวเท่านั้น ดังนั้น การเลือกจึงสำคัญอย่างมาก
ลั่วอู๋รู้สึกสงสัยในตอนแรก เขาคิดว่าเป็นเพราะมิติวิญญาณไม่ยอมรับเขา ดังนั้นระดับของเขาจึงไม่สามารถปรับเปลี่ยนให้เพิ่มขึ้นได้ แต่ครั้งนี้ เขาคิดว่ามันไม่ถูกต้อง
ต้าหวงมีความจงรักภักดีต่อเขา มันควรที่จะสามารถทำพันธสัญญาได้อย่างง่ายดาย
ลั่วอู๋นำไหปีศาจออกมา แล้วดื่มด่ำไปกับความรู้สึกอันศักดิ์สิทธิ์
ข้าหวังว่าไหปีศาจนี้ จะช่วยแก้ปัญหาให้ข้าได้
มีพลังงานอ่อนๆ ไหลออกมาจากไหปีศาจ เขารู้สึกถึงมัน และทุกสิ่งในทะเลแห่งความรู้ที่สามารถมองเห็นได้
“เดี๋ยวนะ นี่มัน … “
ลั่วอู๋พบเข็มในทะเลแห่งความรู้ มันดูเล็กมาก มันดูเหมือนไม่ได้มีความสำคัญอะไร แต่เข็มแห่งความว่างเปล่านี้เกิดขึ้นจากการรวมตัวกันของพลังงานที่ชั่วร้าย
เข็มเล่มนี้ขวางกั้นสะพานพันธสัญญาของเขาไว้
“นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น!” ลั่วอู๋โกรธมาก
ไม่ใช่เรื่องของการฝึกฝนหรือคุณสมบัติอะไรเลย ที่เขาไม่สามารถทำพันธสัญญาได้ มันเป็นเรื่องของคนที่แอบนำของมาไว้ในตัวเขา
หากเขาไม่ได้รับไหปีศาจ เขาเกรงว่าจะไม่สามารถเกี่ยวข้องกับวิญญาณใดๆได้เลย
มันเป็นใครที่กล้าทำแบบนี้กับเขา
มันช่างเลวร้ายเหลือเกิน
ลั่วอู๋ขมวดคิ้วและคิดไตร่ตรอง
เป็นแม่บ้านคนเก่าแก่ของตระกูล หรือว่าสาวใช้ห้องที่สอง ที่มีชีวิตชีวาอยู่เสมอ หรือว่าผู้ช่วยของบ้านไม้
คนที่ติดต่อเขาควรเป็นคนของตระกูลลั่ว แต่ยากมากที่จะบอกว่าใครเป็นใคร
“อย่างไรก็ตาม คนผู้นั้นเป็นคนในตระกูลลั่วแน่นอน เมื่อข้ากลับไปยังตระกูลลั่ว ข้าจะตามหาคนที่คิดร้ายกับข้า” แววตาของลั่วอู๋ฉายแววโกรธแค้น
เมื่อพบรากแห่งปัญหาแล้ว มันก็ง่ายมากที่จะแก้ไข เมื่อจิตใจขับเคลื่อน เข็มในทะเลจะหายไปทันที
สะพานอุปนัยก็จะไม่มีสิ่งกีดขวางอีกแล้ว
ลั่วอู๋วางมือเขาลงบนหัวต้าหวง และมีดาวหกดวงปรากฏขึ้น รถม้าส่องแสงสว่างสีฟ้าแพรวพราวขึ้น ร่างกายของต้าหวงสุกใสและส่องสว่าง มีคลื่นพลังงานแสงออกมาจากคนคนหนึ่ง และสัตว์ร้ายตัวหนึ่ง พวกมันเกิดขึ้นจากที่เดียวกัน และปะปนกันไป
พลังวิญญาณอันทรงพลังเริ่มที่จะรวมตัวกันในทะเลแห่งความรู้ ลั่วอู๋รู้สึกถึงทะเลแห่งความรู้อย่างชัดเจน ราวกับว่ามีดวงอาทิตย์ถึงเจ็ดดวงด้วยกัน
“นั่นคือวิญญาณทั้งเจ็ด” ลั่วอู๋รู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังสั่นสะท้าน
โดยการจุดประกายไฟ และทำเครื่องหมายทะเลแห่งความรู้ ก็จะสามารถทำพันธสัญญาและกลายเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณได้อย่างแท้จริง
“เข้ามาเลย!”
พลังงานวิญญาณรวมกลายเป็นเสาและชี้ขึ้นสู่ท้องฟ้า
จุดประกายไฟ!
ดูเหมือนว่าจะเกิดการเหนี่ยวนำขึ้น ระหว่างคนคนหนึ่งกับสัตว์วิญญาณตัวหนึ่ง
เพียงแค่นึกคิด ก็จะสามารถเข้าใจความคิดของกันและกันได้
หลี่หยินที่อยู่ข้างๆ เขา ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจและตื่นเต้น
นายน้อยของนางทำพันธสัญญาสำเร็จแล้ว
กลายเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณอย่างแท้จริง!
18ปี แห่งการรอคอยอันยาวนาน ลั่วอู๋ก็ยังคงเป็นเพียงแค่ชายหนุ่ม เขารู้สึกตื่นเต้น และจับไหปีศาจด้วยมืออันสั่นระริก
แต่ละระดับ สามารถทำพันธสัญญากับสัตว์วิญญาณได้หนึ่งตัวเท่านั้น ความแข็งแกร่งของสัตว์วิญญาณ จะต้องมีระดับวิญญาณอยู่ในระดับเดียวกัน แต่ศักยภาพของสัตว์วิญญาณ สามารถเกินกว่าระดับวิญญาณได้
อีกนัยหนึ่ง วิญญาณระดับทองแดงสามารถทำ พันธสัญญากับสัตว์วิญญาณที่มีศักยภาพระดับเงินได้ แต่ความแข็งแกร่งของพวกมันยังคงอยู่ในระดับทองแดง
เนื่องจาก พลังของสัตว์วิญญาณระดับทองสูงเกินไป หากวิญญาณระดับทองแดงทำพันธสัญญาโดยการบังคับ มันมีแนวโน้มที่จะเกิดการล่มสลายของต้นกำเนิดพลัง
ดังนั้น การทำพันธสัญญาระหว่างลั่วอู๋กับแมวผีจึงเป็นสิ่งที่เหมาะสมกันอย่างมาก
แต่ลั่วอู๋กลับไม่ทำ
ประการแรก แมวผียังเล็กอยู่ ต้องใช้เวลาในการเจริญเติบโต ลั่วอู๋นั้นต้องการพลังในการที่จะปกป้องตนเอง หากเขาได้กลายเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณ พลังของเขาก็จะเพิ่มมากยิ่งขึ้น
ประการที่สอง ต้าหวงและลั่วอู๋มีความจงรักภักดีต่อกันมานานมากกว่ากว่าสิบปี เวลานี้ ต้าหวงได้กลายเป็นสัตว์วิญญาณ ลั่วอู๋มีความผูกพันกับต้าหวงทางด้านอารมณ์
ไม่ว่ากรณีใด เมื่อมีไหปีศาจในมือของลั่วอู๋ เขาก็จะสามารถช่วยต้าหวง ในการปรับปรุงพัฒนาศักยภาพของมันมากยิ่งขึ้น
คนขับรถม้ารู้สึกถึงสถานการณ์ภายในรถ เขารู้สึกขมขื่น เขาเคยพูดว่าลั่วอู๋เป็นพวกอ่อนแองั้นเหรอ อีกฝ่ายจะกลายเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณได้อย่างไร หลังจากที่เขาถูกขับไล่ออกจากตระกูลลั่ว
ถ้าข้าได้รู้มาก่อนหน้านี้ ข้าอาจจะเคารพเขามากยิ่งขึ้น และบางทีตอนนี้ข้าอาจได้ประโยชน์จากมัน
ตอนนี้ ม้าของเขาได้เวลาสูญเสียคู่ของมันไปแล้ว และเขาก็สูญเสียผู้ที่จะคุ้มครองเขาไปแล้ว
คนขับรถม้ารู้สึกเสียใจอย่างมาก แต่ก็เหมือนจะสายเกินไปเสียแล้ว
Related