ไหปีศาจ - บทที่ 124 สองรูปแบบ
บทที่ 124 สองรูปแบบ
การต่อสู้นั้นได้จบลงอย่างรวดเร็ว โดยที่ยังไม่มีใครได้ตอบโต้อะไรต่อ
เมื่อภูตทะเลทรายจากไปแล้ว ทักษะทรายดูดที่มันใช้ก็จะเสื่อมสภาพไปและหายไปในอีกไม่นานนัก
หยู่เฮาอยู่ในสภาพที่ครึ่งตัวของเขาถูกดูดลงไปในทรายสีเหลือง จากนั้นพักหนึ่งก็ได้ยินเพียงเสียงของเขาดูดพลังวิญญาณเข้าไปแล้วพุ่งขึ้นมาเหมือนระเบิด
ลั่วอู๋อดไม่ได้ที่จะสรรเสริญ ช่างเป็นการระเบิดพลังที่น่าทึ่ง
หยู่เฮามองไปทางที่ภูตทะเลทรายได้หลบหนีไป ดวงตาของเขาแสดงให้เห็นถึงความผิดหวัง หลังจากไล่ตามมานาน เขาก็ยังคงพลาดปล่อยให้หนีไปได้
“ข้าโทษเจ้า” หยู่เฮาจ้องไปที่ฉูจงฉวน “เจ้าเป็นคนทำให้มันตื่น”
ฉูจงฉวนโกรธมาก “เห็นได้ชัดว่าเสียงของเจ้าดังกว่า”
“เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร เสียงของเจ้าต่างหากที่ดังที่สุด”
“เป็นเจ้าต่างหาก”
“เป็นเจ้าต่างหาก!”
“เป็นเจ้าต่างหาก”
ทั้งคนสองคนโกรธพอ ๆ กับเด็กที่กำลังทะเลาะกันว่าใครจะชนะหรือแพ้
“เจ้าว่าใครเป็นคนที่พูดเสียงดังที่สุด” พวกเขามองไปที่ลั่วอู๋ในเวลาเดียวกัน
ลั่วอู๋มีรอยยิ้มที่น่าอึดอัดแต่ก็ยังดูสุภาพ “ดูเหมือนว่าคนที่เสียงดังกว่าจะเป็นเจ้านะ เสียงของเจ้าดังกว่า”
หยู่เฮาเกิดมาพร้อมกับโทนเสียงที่ดัง แม้ว่าฉูจงฉวนจะมีอารมณ์โกรธมากกว่า แต่เขาก็ยังคงส่งเสียงเบากว่า เพื่อรักษามาดท่าทางของเขา
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ฉูจงฉวนมองไปที่หยู่เฮาอย่างอิ่มเอมใจ “หึ ข้าบอกแล้วใช่ไหมล่ะ ทีนี้เจ้าว่าอย่างไร?”
หยู่เฮาโกรธมากจนพึมพำออกมา “บ้าจริงเจ้าเด็กลามก”
“ข้าเป็นคนโรแมนติก!” ฉูจงฉวนโกรธอีกครั้ง
“ลามก”
“โรแมนติก”
“ลามก”
“โรแมนติก”
“ลามก”
ฉูจงฉวนอดไม่ได้ที่จะสาปแช่ง “เจ้ามันก็เป็นแค่คนเถื่อนที่หยาบคาย ข้าจะสู้กับเจ้าตรงนี้แหละ”
“มาเลยเถอะ” หยู่เฮาไม่ต้องการที่จะถูกดูหมิ่นและหยิบเอาขวานของเขาขึ้นมา
จากนั้นภูตไฟของฉูจงฉวนก็ปรากฏตัวขึ้นกลายเป็นม่านไฟขนาดใหญ่อยู่กลางอากาศ ให้ความรู้สึกจริงจัง ที่ทำให้ทุกคนคนรู้สึกหนาวสันหลังว่าเขาพร้อมจะเอาจริง
ขณะเดียวกันเสือดาวหินของหยู่เฮา ก็หมอบเตรียมพร้อมอยู่ข้าง ๆ และหายใจเข้า
ความแข็งแกร่งของหยู่เฮาเองก็ใกล้เคียงกับผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงมาก เหมือนกันกับฉูจงฉวน การเผชิญหน้าของทั้งสองคน เป็นการเผชิญหน้าต่อสู้ภายใต้ความสามารถที่เท่าเทียมกัน
และสถานการณ์ของทั้งสองก็คล้ายกันมาก
พวกเขาทั้งคู่มาเพื่อค้นหาสัตว์วิญญาณตัวที่สอง ก่อนการพัฒนาเลื่อนระดับวิญญาณ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าทั้งคู่นั้นมีความอดทนมาก
ลั่วอู๋เดินไปข้างหน้าอย่างไม่เต็มใจเพื่อหยุดการต่อสู้ในครั้งนี้ “หยุดการต่อสู้ที่ไร้สาระนี่เถอะ สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือเจ้าควรจะตามภูตทะเลทรายไปให้ทันไม่ใช่เหรอ ? ถ้าเจ้าชักช้าเกินไปจะตามมันไม่ทันเอานะ”
“ใช่ขอบคุณเจ้าที่ช่วยเตือนข้า” หยู่เฮาปรบมือและเรียก ฉูจงฉวน “ครั้งนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน และจะเอาชนะเจ้าในครั้งต่อไป”
หลังจากนั้นหยู่เฮาก็วิ่งออกไปพร้อมขวานขนาดใหญ่ของเขา
ลั่วอู๋รู้สึกชื่นชม เขาช่างดุเดือดจริง ๆ ที่สามารถวิ่งได้อย่างรวดเร็วในขณะที่ถือขวานขนาดใหญ่เช่นนั้นไปด้วย
“อย่ามาล้อกันเล่นน่า ใครบอกกันว่าให้เจ้าหนีไปก่อนได้” ฉูจงฉวนตะโกนแต่หยู่เฮาวิ่งไปไกลแล้วซึ่งเขาเองก็น่าจะยังคงได้ยินอยู่
ไอ้คนเถื่อนหยาบคายเอ๊ย!
ฉูจงฉวนขบฟันของเขา
“เสียแรงเปล่าจริง ๆ” ฉูจงฉวนนั่งลงบนผืนทรายสีเหลือง
เขาคิดว่าเขาจะได้พบกับภูตทะเลทราย
เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าภูตทะเลทรายในความคิดของคนเถื่อนจะเป็นสัตว์ประหลาดน่าเกลียดเช่นนี้
มันน่าเกลียดมาก
ลั่วอู๋ก้าวไปข้างหน้าและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉูจงฉวนอย่าทำตัวโง่เง่าไปหน่อยเลย รีบตามเขาไปกันเถอะ”
“จะไล่ตามมันทำไม นั่นมันไม่ใช่ภูตทะเลทราย เจ้าคนเถื่อนนั่นทำให้ข้าเข้าใจผิด บางทีข้าอาจจะได้พบภูตทะเลทรายจริง ๆ ไปแล้ว หากไม่มามัวเสียเวลามาที่นี่” ฉูจงฉวนพยายามจะไม่โกรธ
ลั่วอู๋หัวเราะและส่ายหัว “ ถ้ามันเป็นภูตทะเลทรายจริง ๆ ล่ะ?”
“มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน เจ้าหมายความว่าข้าคิดผิด และเจ้าคนเถื่อนพูดถูกงั้นสิ?” ฉูจงฉวนขมวดคิ้ว
“ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น” ลั่วอู๋พูดด้วยรอยยิ้มที่ดูลึกลับ “ถ้าหากพวกเจ้าคิดถูกกันทั้งคู่ล่ะ? ”
ดวงตาของฉูจงฉวน ฉายแววสับสนเล็กน้อย “มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน”
“แน่นอนเจ้าเคยได้ยินเรื่องของสุนัขชาชีไหมล่ะ?” ลั่วอู๋ถาม
ฉูจงฉวนพยักหน้าอย่างครุ่นคิด
ลั่วอู๋กล่าวช้า ๆ ว่า“ สุนัขชาชี ที่เติบโตใกล้ทะเลทราย มันจะมีฝ่ามือเนื้อนุ่มเพราะมันได้เหยียบบนพื้นทรายนุ่ม ๆ และปรับเพื่อให้มันเดินบนพื้นทรายได้ บางคนเรียกมันว่าสุนัขอูฐ อย่างไรก็ตามหากสุนัขชาชีอาศัยอยู่ในสถานที่ที่หนาวเย็นและเต็มไปด้วยหิมะมันจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสุนัขอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่าสุนัขลากรถ มีขนหนาและมีความอดทนเป็นเลิศจึงใช้เป็นสุนัขลากรถเลื่อน”
สัตว์วิญญาณชนิดนี้แปรเปลี่ยนคุณสมบัติทางกายภาพไปตามสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันอย่างมากจนแทบจะถือได้ว่าเป็นอีกสายพันธุ์หนึ่ง
“เจ้าหมายความว่ายังไง … ” ฉูจงฉวนประหลาดใจมากจากนั้นก็เริ่มนึกถึงคำพูดของนักผจญภัยอาวุโสและบันทึกของภูตทะเลทรายในหนังสือโบราณ
ภูตทะเลทรายที่นักผจญภัยอาวุโสเคยเห็นดูเหมือนจะได้รับการยอมรับในพันธสัญญาแล้ว
บันทึกโบราณยังคลุมเครือว่ามันเกิดในทะเลทราย หรือเติบโตในดินแดนอันรุ่งเรือง จนบัวที่คลุมร่างอันสวยงามยังสามารถเปลี่ยนไปเป็นทรายได้
นอกจากนี้ยังสามารถกลายเป็นทรายได้
นั่นคือทักษะ สู่ธาตุ ไม่ใช่หรือยังไง?
ฉูจงฉวนเริ่มอยากขยับตัวมากขึ้นในใจและถามออกไปด้วยเสียงต่ำ “ลั่วอู๋เจ้าแน่ใจใช่ไหม?”
“ข้าไม่แน่ใจ แต่ข้าคิดว่ามันคงจะดีกว่าถ้าหากเราจะพอมีเงื่อนงำบ้าง มันน่าจะดีกว่าที่การเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ทั้งหมด มันอาจจะมีอะไรให้เจ้าแปลกใจ” ลั่วอู๋กะพริบตา
แต่ตอนนี้ลั่วอู๋ไม่แน่ใจจริงๆ
ข้อมูลที่ได้รับจากไหปีศาจนั้นละเอียดไม่พอ เขาไม่แน่ใจว่ามันจะสามารถเปลี่ยนรูปร่างจากสภาพที่เป็นทรายสีเหลืองได้หรือไม่ และจะเป็นมนุษย์หรือไม่ หลังจากที่เปลี่ยนแล้วเขาก็ไม่ทราบเช่นกัน
ฉูจงฉวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วค่อยตัดสินใจ “ตามให้ทันก่อน แล้วค่อยว่ากันดีกว่า”
และแล้วพรรคพวกของลั่วอู๋ก็ได้เดินตามรอยเท้าของหยู่เฮาและตามทันเขาในที่สุด
……
……
บนซากของป่าฝนที่พังทลาย
ในถ้ำแห่งหนึ่งร่างขนาดใหญ่กำลังเปล่งวิญญาณอันชั่วร้ายที่แข็งแกร่ง แต่ก็เบากว่าในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ลิงยักษ์ที่น่ากลัวอาศัยอยู่ในถ้ำและดูเหมือนว่ากำลังงีบหลับ
ทันใดนั้นลิงยักษ์ก็ลืมตาตื่นขึ้น ตาสีแดงที่เหมือนกับลาวาและดวงตาของมันก็แว่บไปมาเหมือนฟ้าร้อง แรงกดดันของช่วงเวลานั้นดูเหมือนว่ากำลังจะฉีกท้องฟ้าออก
มันรู้สึกถึงลมหายใจอันคุ้นเคยจากนั้นก็มองออกไปในระยะไกล
สุดสายตามีม่านอากาศสีดำจาง ๆ อยู่
อากาศสีดำที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ลิงยักษ์สามารถมองเห็นได้ชัดเจน
“กรร!”
ลิงยักษ์คำรามขึ้นไปบนฟ้าด้วยความตื่นเต้น พื้นที่ทั้งหมดสั่นสะเทือนและสิ่งมีชีวิตที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้รอบ ๆ ก็เริ่มหนีไปด้วยความกลัว
พื้นที่ทั้งหมดราวกับว่ามีเต็มไปด้วยความตาย
นี่คือความแข็งแกร่งของสัตว์วิญญาณระดับเพชร
ที่ซึ่งมีม่านอากาศสีดำมีผีเสื้อปีกมายานับไม่ถ้วนกระพือปีก พวกมันปิดกั้นถ้ำด้วยร่างกายราวกับว่ากำลังปกป้องอะไรบางอย่าง
ราชาผีเสื้อปีกมายาตัวใหญ่กำลังอ่อนแอลงอยู่ในถ้ำ ความแข็งแกร่งดั้งเดิมของมันเริ่มอ่อนแอลงเรื่อย ๆ ราวกับว่ามันถูกกลืนกินโดยบางสิ่ง
แต่มันไม่ได้ตื่นตระหนก แต่แสดงความดีใจออกมา
ส่วนท้องของมันมีแสงสีแดงสว่างมากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่ามีสิ่งมีชีวิตบางอย่างกำลังจะถือกำเนิด
ในที่สุดลิงยักษ์ในซากของป่าฝนก็ตัดสินใจลุกขึ้นยืนปล่อยเปลวไฟสีดำอันน่ากลัวแล้วค่อย ๆ เดินไปยังทิศทางของม่านควันสีดำ