ไหปีศาจ - บทที่ 201 เหวินเสี่ยว
เหวินเสี่ยว
“รับนี่ไปซะ”
พลังวิญญาณแสงหลากสีถูกรวบรวมสาดลงบนตัวแมลงกินวิญญาณระดับนางพญา พันธสัญญาควบคุมก่อขึ้นระหว่างแมลงกินวิญญาณระดับนางพญาและลั่วอู๋
สัตว์วิญญาณระดับทองนั้นไม่สามารถควบคุมด้วยแผ่นควบคุมสัตว์วิญญาณได้
ตามหลักการแล้ว หากต้องการจะควบคุมสัตว์วิญญาณที่อยู่ในระดับทอง จะต้องทำพันธสัญญากับสัตว์วิญญาณนั้นเสียก่อน ดังนั้นผู้ใช้พลังวิญญาณจึงต้องระมัดระวังอย่างยิ่งในการเลือกสัตว์วิญญาณ
อย่างไรก็ตาม ด้วยความสามารถ “พิชิต” ของไหปีศาจ ทำให้ลั่วอู๋สามารถควบคุมสัตว์วิญญาณได้ทุกชนิด ยิ่งใช้พลังวิญญาณมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมีพลังในการควบคุมมันมากขึ้นเท่านั้น
และด้วยระดับพลังวิญญาณของเขาในปัจจุบัน เขาสามารถควบคุมสัตว์วิญญาณระดับทองได้ 1 ตัว หรือสัตว์วิญญาณระดับเงินทั้ง 5 ตัวได้ในเวลาเดียวกัน
“ฮ่าฮ่า โชคยังดีที่ไม่มีแมลงกินวิญญาณตัวอื่นอยู่รอบ ๆ นางพญาตัวนี้ มิฉะนั้น การพิชิตมันคงจะไม่ใช่เรื่องง่ายแบบนี้แน่ ๆ” ลั่วอู๋หัวเราะ
ลั่วอู๋ออกจากโลกแห่งไหด้วยความพึงพอใจ
เมื่อเขามาถึงห้องโถงด้านหลังของสำนักงานโล่พิทักษ์ เขาก็พบว่าเสี่ยวชาและอาฟูได้มายืนรอรับเข้าพร้อมกับสมุดบัญชีในมือ
“นายน้อย ตั้งแต่เราเปิดธุรกิจมาหนึ่งเดือน เราทำกำไรสุทธิได้สูงถึง 1.2 ล้านหินวิญญาณ” เสี่ยวชาอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้
ลั่วอู๋พยักหน้า “อย่านิ่งนอนใจไป เพราะว่าฐานธุรกิจของเรานั้นยังไม่มั่นคง และเป็นเรื่องยากที่จะแข่งขันกับร้านค้ารายใหญ่ได้ พวกเราต้องหาบุคลากรนักเล่นแร่แปรธาตุและผู้ปรับแต่งมาให้ได้มากกว่านี้ ค้นหาแหล่งสินค้าที่มั่นคง และไปสั่งซื้อยารวบรวมพลังวิญญาณและสัตว์วิญญาณทุกชนิดที่หาได้มาเติมความหลากหลายของสินค้า ไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน”
“ขอรับ รับทราบขอรับ!” เสี่ยวชาและอาฟูพยักหน้า
ลั่วอู๋กล่าว “ระหว่างนี้ก็ไปซื้อสมุนไพรวิญญาณชนิดอื่นเพิ่มซะ และให้เลือกซื้อสมุนไพรวิญญาณระดับสูงราคาถูก ๆ ที่หาได้ทั่วไปมาให้ข้าด้วย”
สมุนไพรวิญญาณระดับสูงมักจะมีราคาแพงมากกว่า 1 ร้อยหินวิญญาณถึงหลักหมื่นหินวิญญาณ
เขาไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อสมุนไพรวิญญาณราคาแพงมากเกินไป เพราะถ้าเกิดว่ามันไม่สามารถเอามาใช้ทำอะไรได้ ลั่วอู๋ก็คงจะเสียใจอย่างมาก ดังนั้น ทางที่ดีคือต้องซื้อสมุนไพรวิญญาณระดับสูงทั่วไปที่มีราคาไม่แพงมากมา
จำนวนสัตว์วิญญาณระดับทอง ในสำนักโล่พิทักษ์เองก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตามที่นี่ก็ยังไม่มีสัตว์วิญญาณระดับเพชรเลย
สัตว์วิญญาณระดับเพชรนั้น แทบจะไม่มีความอ่อนแอ มันทั้งแข็งแกร่งและมีความฉลาด จึงยากเกินไปที่จะจับมันมาได้
โดยมูลค่าที่แท้จริงของสัตว์วิญญาณระดับเพชรแต่ละตัวนั้น เพียงพอที่จะไปเพื่อประมูลแลกสมบัติระดับชาติได้เลยทีเดียว
แม้แต่ร้านค้าที่มีชื่อเสียง เช่นศาลาไป่หยู่และคฤหาสน์ชวนเทียน ก็มีร้านค้าที่มีสัตว์วิญญาณระดับเพชรเพียงไม่กี่แห่ง
“ศาลาไป่หยู่ได้มาทำอะไรบ้างไหม เมื่อเร็ว ๆ นี้?” ลั่วอู๋ถาม
อาฟูตอบว่า “พวกเขาไม่ได้เคลื่อนไหวแต่อย่างใด แต่ธุรกิจของศาลาไป่หยู่เองก็ได้เริ่มทำการไปแล้ว และดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนัก”
นั่นเป็นเรื่องปกติ
จู่ ๆ คนจากสำนักโล่พิทักษ์ก็โผล่ออกมา โดยอาศัยสินค้าแปลก ๆ เพื่อใช้ในการขโมยธุรกิจและลูกค้าจำนวนมาก
แต่เมื่อมรสุมผ่านไป ธุรกิจของศาลาไป่หยู่ก็เริ่มที่จะมีแนวโน้มมั่นคง ร้านค้ามีชื่ออย่างศาลาไป่หยู่นั้น จะเป็นตัวเลือกแรกสำหรับคนส่วนใหญ่เสมอ
ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว “ศาลาไป่หยู่สาขานี้สงบจริง ๆ เจ้าของร้านคนนั้น ช่างเป็นคนยากที่จะรับมือ”
“นายน้อย ท่านจะทำอย่างไรต่อไปงั้นหรือขอรับ?”
“อย่าตกใจไป ตราบใดที่เรายังพัฒนาอย่างช้า ๆ เราก็จะสามารถเหยียบศาลาไป่หยู่ไว้ใต้เท้าได้แน่นอน”
ลั่วอู๋สั่งคำสั่งบางอย่างเอาไว้ และเดินกลับไปที่ห้องของเขาอีกครั้ง
……
……
ณ ศาลาไป่หยู่
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หยางกู่หลงเจ้าของร้านศาลาไป่หยู่ค่อนข้างไม่มีความสุขอย่างมาก
มีคำสั่งมาจากตระกูลให้เขากู้ชื่อของตระกูลลั่วและจัดการเรื่องของลั่วอู๋ให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุด โดยการพาลั่วอู๋กลับมายังตระกูลลั่ว
แต่เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่มีทางกลับไปที่ตระกูลแน่
ลั่วอู๋อาศัยอยู่ในส่วนลึกของสำนักโล่พิทักษ์ และเขาไม่สามารถเข้าถึงได้เลย
แม้ในที่สุด เขาก็ได้ตามมาเจอกับอีกฝ่ายในพื้นที่เปิด ตอนที่ลั่วอู๋กำลังเข้าร่วมการสอบคัดเลือกของเฉียนหลง แต่ใครจะคิดว่าอีกฝ่ายใช้วิธีการแปลก ๆ บางอย่าง และหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากความเข้าใจผิดในครั้งก่อน จะอธิบายอย่างไรก็ไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน ศาลาไป่หยู่จึงส่งคนไปเป็นจำนวนมากเพื่อจับตาดูลั่วอู๋ แต่พวกเขาก็ถูกฆ่าไปจนหมด
“เดิมทีพวกท่านนั่นแหละที่ทำให้ลั่วอู๋ขุ่นเคือง ตอนนี้พอข้าพยายามจะฟื้นฟูความสัมพันธ์ ท่านก็ดันมาต้องการให้ข้าเก็บเป็นความลับ เพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าตระกูลต้องการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับลั่วอู๋เสียอีก” หยางกู่หลง เกือบจะทุบถ้วยชาของเขาจนแตกออก “นี่มันไม่ใช่เรื่องน่าอาย จนต้องปิดบังสักหน่อย!”
คำบ่นก็ยังเป็นแค่คำบ่น และสิ่งที่เขาควรทำก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
เพราะนี้เป็นคำสั่งของหัวหน้าตระกูลคนใหม่จะให้ขัดก็คงไม่ได้
ขณะนั้นด้านหน้าของเขาได้มีชายหนุ่มที่มีรอยยิ้มอันอ่อนโยน และมีภูตขนาดเล็กอยู่ข้าง ๆ ของเขาเดินเข้ามา
ภูตปีกแสง
ภูตที่ถือกำเนิดจากแสงเหนือ
นางมีขนาดไม่เกินฝ่ามือ เหมือนเด็กน้อยไร้เดียงสาที่มีดวงตาสีดำส่องประกายและมีปีกสีขาวบริสุทธิ์คู่หนึ่ง ร่างกายของนางปกคลุมไปด้วยแสงสีขาว และลมหายใจนั้นนิ่งสงบ ทำให้ผู้คนรู้สึกที่พบเจอนั้นรู้สึกอบอุ่นและสบายใจ
สัตว์วิญญาณชนิดนี้ไม่มีความสามารถในการต่อสู้ แต่มีความสามารถในการรักษาที่น่าเกรงขาม มันเป็นพลังวิญญาณการรักษาที่แสนบริสุทธิ์
“น้องชายเหวิน ดูเหมือนว่าคราวนี้ข้าจะต้องพึ่งพาเจ้าเสียแล้ว” หยางกู่หลงกล่าวอย่างสุภาพ
ชายหนุ่มส่ายหัว “เจ้าของร้านหยาง ด้วยความยินดี ถ้าไม่ใช่เพราะคำแนะนำของศาลาไป่หยู่ ข้าก็คงไม่มีคุณสมบัติเพียงพอในการเข้าร่วมการสอบคัดเลือกของเฉียนหลงด้วยซ้ำ ตอนนี้ข้าจะได้ทำอะไรตอบแทนให้ท่านแล้ว ไว้ใจข้าได้เลย”
เด็กหนุ่มคนนั้นชื่อว่าเหวินเสี่ยวผู้มาจากทางตอนเหนืออันไกลโพ้น
เขามาที่ราชวงศ์มังกรเร้นกายเพื่อสร้างชื่อเสียงและแย่งชิงสิทธิ์ในการครองราชย์ แต่ก็มีบางอย่างเกิดระหว่างทางทำให้เกิดความล่าช้า ก่อนที่เขาจะสร้างชื่อให้กับตัวเอง เขาได้รับเชิญจากสำนักเฉียนหลง เพื่อเข้าร่วมการสอบคัดเลือก
ดังนั้น เขาจึงทำได้เพียงทำตามคำแนะนำเท่านั้น
หยางกู่หลงโล่งใจ แม้ว่าความสามารถในการต่อสู้ของเด็กหนุ่มคนนี้นั้นจะไม่ได้แข็งแกร่งมาก แต่ความสามารถในการป้องกันของเขานั้นอยู่ในระดับสูงสุด
“ข้าคงต้องวานเจ้าอย่างหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้น้องชายเหวิน เจ้าห้ามบอกใครโดยเด็ดขาดเว้นแต่เพียงลั่วอู๋ว่าข้าเป็นคนส่งเจ้าไป” หยางกู่หลงกล่าว
เหวินเสี่ยวพยักหน้า “ข้ารู้”
หลังจากนั้น ได้มีพลังวิญญาณสีขาวรวมตัวกันที่ปลายนิ้วของเหวินเสี่ยว จากนั้นเขาได้ชี้ไปที่หน้าผากของหยางกู่หลง
“เจ้าของร้านหยาง ท่านเหนื่อยมากแล้ว ให้ข้าได้ช่วยฟื้นฟูท่านเถอะ” เหวินเสี่ยวกล่าว
พลังวิญญาณสีขาวไหลเข้าสู่ร่างกายของหยางกู่หลง
หยางกู่หลงรู้สึกถึงพลังวิญญาณที่ไหลเข้าสู่ร่างกาย ความเหนื่อยล้าตลอดหลายวันได้จางหายไป หัวใจเขารู้สึกสดชื่น จนอดไม่ได้ที่จะสรรเสริญออกมา
ทักษะระดับ A [สื่อสารวิญญาณ]
เดิมทีทักษะนี้เป็นทักษะที่ใช้ในการสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตที่ไม่ได้พูดภาษาเดียวกัน แต่พลังวิญญาณที่มือของเหวินเสี่ยวนั้น แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของคลื่นพลังที่แตกต่างออกไป
การควบคุมพลังวิญญาณแบบนี้ มันช่างน่าทึ่งจริง ๆ
……
……
ณ หลุมฝังศพลึกลับ
ฉูจงฉวนเคลื่อนที่ไปมาระหว่างหลุมฝังศพอย่างสง่างาม
ที่นี่คือสถานที่ที่เขาพบภูตไฟเป็นครั้งแรก เขาได้กลับมาที่แห่งนี้อีกครั้ง ตอนนี้ ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นมาก แต่ความรู้สึกเกรงกลัวก็ยังคงสถิตอยู่ในใจของเขา ไม่สามารถลืมเลือนไปได้
“น่ากลัวชะมัด” ฉูจงฉวนสงบสติอารมณ์ของเขา และถามภูตไฟที่อยู่ข้างเขาด้วยเสียงต่ำ “เจ้าแน่ใจแล้วงั้นหรือว่าที่นี่มีบางอย่างที่จะช่วยให้เจ้าวิวัฒนาการได้?”
จุดสีแดงภายในภูตไฟค่อย ๆ รวมตัวกันกลายเป็นรูปร่างมนุษย์
จุดสีแดงสั่นไปมา ราวกับว่ากำลังพยักหน้า
“ดี งั้นข้าจะลองเสี่ยงเพื่อให้เจ้าวิวัฒนาการได้ก็แล้วกัน” ฉูจงฉวนมองออกไปไม่ไกลจากหลุมศพ มันถูกปกคลุมไปด้วยความมืดเหมือนดั่งเมฆหมอก
ผีจำนวนนับไม่ถ้วน ล่องลอยอยู่เหนือหลุมศพ
มีเสียงร้องโหยหวนมาจากผีพวกนั้น