ไหปีศาจ - บทที่ 271 การต่อสู้เพื่ออันดับรายชื่อเฉียนหลง
บทที่ 271 การต่อสู้เพื่ออันดับรายชื่อเฉียนหลง
บทที่ 271 การต่อสู้เพื่ออันดับรายชื่อเฉียนหลง
จู่ ๆ รองประธานสำนักเฉียนหลงหลี่หวู่หยวนก็ปรากฏตัวขึ้นมา โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาปรากฏตัวขึ้นมาบนเวทีการประลองตั้งแต่เมื่อใด
เพียงแค่ยืนอยู่ที่นั่นอย่างสงบ พลังวิญญาณอันรุนแรงรอบตัวเขาก็แผ่ออกมา ราวกับว่าเขาเป็นผู้ปกครองพื้นดินแห่งนี้
เขายังคงยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไป พลางใช้คลื่นพลังวิญญาณป้องกันดาบที่ ลั่วอู๋แทงลงไปที่เอ๋าหยู่ “ยินดีด้วย เจ้าเป็นฝ่ายชนะ”
ความหมายของการกระทำนี้ชัดเจน เขาตักเตือนโดยการแสดงความยินดี
เมื่อคุณชนะคุณไม่จำเป็นต้องชนะ
“ข้ายังไม่ชนะซะหน่อย” ลั่วอู๋พูดอย่างไร้เดียงสา “เขายังมีโอกาสฟื้นคืนชีพได้อีกครั้ง ไม่แน่ว่าถ้าเขาฟื้นคืนชีพขึ้นมา ข้าอาจจะแพ้ก็ได้เพราะข้าสูญเสียพลังวิญญาณมากเกินไปในการต่อสู้”
คนดูต่างงงงวยไปตามกัน
รองประธานาได้เขามาหยุดการประลองเป็นการส่วนตัว
นั่นก็เพราะเอ๋าหยู่ นั้นไม่มีทางยอมรับความพ่ายแพ้ แม้ว่าจะถูกฆ่าเขาก็คงไม่คิดจะหยุดการประลอง
“ฮะฮะ ฮ่า” หลี่หวู่หยวนแนบตัวและพูดด้วยน้ำเสียงที่มีเพียงลั่วอู๋เท่านั้นที่ได้ยิน “ดาบเลือดเดือดในมือของเจ้าจะดูดซับแก่นวิญญาณและพลังวิญญาณในเลือดของเอ๋าหยู่ แม้ว่าเขาจะฟื้นคืนชีพขึ้นมา แต่เขาก็จะเป็นแค่ศพอันเปราะบาง เจ้ายังจะต้องเกรงกลัวอะไรด้วยเหรอ?”
ลั่วอู๋ประหลาดใจเล็กน้อย
ปรากฏว่ารองประธานรู้จักดาบเลือดเดือด
“นอกจากนี้ … ” เสียงของหลี่หวู่หยวนกระจายไปทั่วจนเหล่าผู้ที่รับชมได้ยิน “ทักษะระดับ A [การล่าถอยแห่งความมืด] ของภูตสงครามนั้นสามารถปัดเป่าผลของ [คืนชีพจากความตายจำลอง] ได้ ถ้าเจ้าลงดาบไป ข้าเกรงว่าเอ๋าหยู่จะตายจริง ๆ ”
ทุกคนเข้าใจได้ในทันทีว่านี่คือเหตุผลที่รองประธานต้องเข้ามาห้าม
เอ๋าหยู่ช่างน่าอนาถจริง ๆ
เขาเกือบจะถูกฆ่าตายโดยภูตสงคราม
ชัยชนะในครั้งนี้ทักษะและความแข็งแกร่งของภูตสงครามนั้นอาจจะเป็นปัจจัยหนึ่ง แต่ในการประลองครั้งนี้ทุกคนก็ได้เห็นเป็นที่ประจักษ์ว่า ลั่วอู๋นั้นแข็งแกร่งแค่ไหน จากการที่เขาสามารถเอาชนะเอ๋าหยู่ได้
ลั่วอู๋ไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณที่ยอดเยี่ยม แต่ประสิทธิภาพในการต่อสู้ของเขาเองก็แข็งแกร่งและอันตรายมากเช่นกัน อย่างน้อย ๆ ก็ไม่ด้อยไปกว่าความสามารถเหล่าผู้มีพรสวรรค์
“คงต้องพอแค่นี้ล่ะนะ” ลั่วอู๋คิดในใจ
อันที่จริงเขาไม่รู้ว่า การล่าถอยแห่งความมืดสามารถใช้ในบริบทนั้นได้
“งั้นก็จบการประลองเท่านี้แล้วกัน” ลั่วอู๋กล่าว เนื่องจากผู้ใหญ่ระดับท่านรองประธานออกมาแถลงไขถึงขนาดนี้ เขาจึงไม่มีโอกาสได้ทำอะไรต่อ
อย่างไรก็ตามการที่สามารถเอาชนะสองพี่น้องตระกูลเอ๋าได้ มันก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา
เอ๋าหยู่ถูกนำตัวไปรักษา แต่ก่อนจากไปเขายังมองจิกไปที่ลั่วอู๋ “ข้ายอมรับว่าเจ้าไม่ได้อ่อนแอ แต่เจ้าก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเอ๋าเฉียนจุนอยู่ดี ไม่มีใครสามารถเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนั้นได้ ไม่ว่าเจ้าจะพยายามต่อสู้เพื่อเลื่อนอันดับรายชื่อเฉียนหลงของเจ้าไปเท่าไหร่ ท้ายที่สุดตระกูลลั่วก็จะยังคงเป็นผู้แพ้! ”
“ปล่อยข้าเลยนะไอ้ขี้แพ้” ลั่วอู๋พูดอย่างไม่พอใจกลับไป
แม้เอ๋าหยู่จะไม่ถูกซ้ำเติมหรือด่าทอ แต่เขาก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้
เขาพ่ายแพ้ในการประลอง เขาจึงถูกหามไป
เมื่อลั่วอู๋ก้าวลงจากเวทีการประลอง สายตาของเขาก็กวาดมองไปที่ผู้ชม ลั่วอู๋ยิ้มอย่างมีความสุข “ข้าชนะแล้ว!”
“ท่านเก่งมากเจ้าค่ะนายน้อย” หลี่หยินเป็นแฟนคลับคนแรกของเขา
ฉูจงฉวนกลอกตาของเขาและบ่นพึมพำ “เจ้าชนะได้ จริง ๆ ด้วย ข้าขอแสดงความยินดีด้วย เจ้าได้กลายเป็นหนึ่งในเหล่านักเรียนที่มีความสามารถสูงที่สุดแล้ว”
มู่ฉิง, จางฉีฮง, หนิงปิงหลัน และเฉินหมิงหยู เหล่าผู้ที่คุ้นเคยกับลั่วอู๋ ต่างก็มาแสดงความยินดีด้วยเช่นกัน
หนานกงหยิงเอ๋อผู้ซึ่งมองดูลั่วอู๋มาโดยตลอด เริ่มมีอารมณ์ที่ซับซ้อนในดวงตาอันสวยงามของนาง นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะสามารถทำอะไรแบบนี้ได้
เหวินเสี่ยวมองไปที่ลั่วอู๋ พร้อมกับความสงสัยเล็กน้อยในดวงตาของเขา จากนั้นก็หันจากไป
ข่าวชัยชนะของลั่วอู๋กระจายไปทั่วสำนักเฉียนหลงในชั่วพริบตา
หลายคนที่ไม่ให้ความสนใจกับการประลองครั้งนี้ตกใจมาก สองพี่น้องตระกูลเอ๋าทั้งสองคนได้พ่ายแพ้ไปในการประลอง มันเป็นเรื่องที่น่าทึ่ง
ขณะเดียวกันที่สำนักย่อยการปรับแต่ง ลั่วซงชายชราผมขาวปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับแต่งได้มองขึ้นไปบนฟ้าและหัวเราะ “ฮ่าฮ่า ลั่วอู๋ชนะแล้ว สองพี่น้องตระกูลเอ๋า แพ้!”
ลั่วซงตื่นเต้นมากที่เขารีบเข้าไปในห้องลับหลายแห่งของสำนักย่อยการปรับแต่งและปลุกเหล่าผองเพื่อนวัยชราจากตระกูลลั่วขึ้นมา
“อะไรนะลูกหลานตระกูลลั่วของพวกเราชนะงั้นเหรอ ?”
“สองพี่น้องตระกูลเอ๋าผู้ยิ่งใหญ่ล้มเหลว?”
“อ่าฮ่าฮ่าฮ่า สะใจจริง ๆ”
ในห้องลับนั้นเต็มไปด้วยกลุ่มคนชราจากตระกูลลั่ว เสียงหัวเราะที่เปี่ยมไปด้วยความสุขดังขึ้น พวกเขารู้สึกโล่งใจมาก
เพราะพวกเขาไม่ได้ยินข่าวดีเช่นนี้มานานแล้ว
“ว่าแต่เขาจะมีวิธีจัดการกับอัจฉริยะระดับปีศาจของตระกูลเอ๋าไหมนะ ?”จู่ ๆ ผู้อาวุโสจากตระกูลลั่วคนหนึ่งก็พูดขึ้น
บรรยากาศเย็นลงทันที
ผู้อาวุโสอีกคนพูดอย่างไม่พอใจ “เจ้าบ้าเอ้ย เจ้าจะยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดทำไม นี่มันเป็นเวลาแห่งความสุขของพวกเรานะ”
“ ……”
หลังจากเงียบสักพัก ลั่วซงก็กล่าวขึ้น “ฝีมือในการปรับแต่งของเจ้าหนุ่มลั่วอู๋นั้นดีมาก ข้าว่าในไม่ช้าเขาก็คงจะไปถึงระดับปรมาจารย์และบางทีในการจัดอันดับของสำนักเฉียนหลง เขาอาจจะสามารถสู้กับอัจฉริยะระดับสัตว์ประหลาดคนนั้นไหวก็ได้”
“ก็หวังว่าละนะ … ” บรรดาผู้อาวุโสต่างถอนหายใจ
การจัดอันดับของสำนักเฉียนหลง ขึ้นอยู่กับการประเมินโดยรวม เพราะงั้นบางทีลั่วอู๋เองก็อาจจะพอมีลุ้นที่จะชนะ เอ๋าเฉียนจุนด้วยฝีมือการปรับแต่ง
ส่วนในด้านการต่อสู้นั้น ถ้าไม่เกิดขึ้นก็คงจะดีกว่า
……
……
บนเวทีประลอง
รองประธานหลี่หวู่หยวนได้ขึ้นไปยืนบนเวทีและกล่าวด้วยเสียงอันดังก้อง “จังหวะที่นักเรียนส่วนใหญ่มารวมกันที่นี่ ข้าจึงมีบางอย่างที่อยากจะมาแจ้งให้ทราบ”
“ศึกชิงอันดับของสำนักเฉียนหลงนั้นจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการในอีกครึ่งปี”
การประกาศของรองประธานนั้นค่อนข้างคลุมเครือ
แม้แต่อาจารย์หลายคนก็ยังตื่นเต้น
แต่นักเรียนส่วนใหญ่กลับสับสน
แน่นอนว่าทุกคนรู้เกี่ยวกับอันดับรายชื่อเฉียนหลง และรายชื่อการจัดอันดับนั้นจะขึ้นอยู่กับการประเมินความแข็งแกร่งที่โดยรวมของบุคคล แล้วศึกชิงอันดับคืออะไร?
แต่ด้วยคำอธิบายของรองเจ้าสำนัก พวกเขาก็เริ่มเข้าใจว่าการต่อสู้ชิงอันดับคืออะไร
ในตอนที่ผ่านการทดสอบเข้าร่วมสำนักเฉียนหลง พวกเขาจะได้รับคะแนนจากการประเมินที่ครอบคลุม นั่นก็เพื่อให้สามารถเข้าร่วมการชิงอันดับในรายชื่อของสำนักเฉียนหลง
ยิ่งอันดับสูงเท่าไหร่รางวัลที่ได้ก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
ระยะเวลาของการต่อสู้นั้นยังไม่แน่นอน บางครั้งก็ไม่มีการจัดขึ้นเป็นเวลานานหลายสิบปีและบางครั้งก็จัดติดต่อกันหลายครั้งในช่วงปี
การต่อสู้ชิงอันดับครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อ 50 ปีที่แล้ว
ผู้ชนะจะสามารถส่งคำขอไปยังสำนักเฉียนหลง จากนั้นทางสำนักจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อตอบสนองคำขอของเขา
ครั้งหนึ่งเคยมีนักเรียนผู้เย่อหยิ่งคนหนึ่ง ผู้ที่ได้รับรางวัลเป็นที่หนึ่งในการชิงอันดับของสำนักเฉียนหลง ขอให้เจ้าสำนักรับเขามาเป็นศิษย์
จากนั้นเจ้าสำนักที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ซึ่งเป็นดั่งนักบุญอุปถัมภ์ของราชวงศ์มังกรเร้นกาย ก็ปรากฏตัวขึ้นในทันที
นักบุญอุปถัมภ์สอนเขาเป็นเวลาสามวัน แล้วหลังจากนั้นนักเรียนผู้เย่อหยิ่ง ก็ไม่กล้าที่จะขอไปเป็นศิษย์ของประธานอีกต่อไป
การสอนเพียงสามวันก็เพียงพอแล้วให้เขาเข้าใจอีกครึ่งชีวิต
เขาต้องมีคุณสมบัติพรสวรรค์ขนาดไหน ถึงเข้าเป็นศิษย์ของท่านประธานสำนักโดยตรงได้
“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ตอนนี้การต่อสู้ชิงอันดับได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว” หลี่หวู่หยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ทุกคนนั้นไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจ
เอาแบบนี้เลยเหรอ?
มันด่วนมาก มันกะทันหันเกินไป
อย่างไรก็ตามการประลองนี้จะกินเวลาไปนานถึงครึ่งปี ซึ่งทำให้พวกเขามีเวลาในการปรับตัวมาก แม้จะยังแข็งแกร่งไม่พอ แต่ก็มีเวลาให้พัฒนาอยู่มาก
“อีกเรื่องหนึ่ง ในอีกไม่นานสำนักเฉียนหลงจะนำกลุ่มนักเรียนใหม่เข้ามา ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะเข้ากันได้ดี พวกเขาเหล่านั้นจะเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งของพวกเจ้าในการต่อสู้เพื่อชิงอันดับรายชื่อสำนักเฉียนหลงแน่”
เรื่องนี้ทำให้หลายคนสงสัย
มีคนเข้าร่วมสำนักเฉียนหลงกลางคันได้ด้วยหรือ?
สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ลั่วอู๋หยิบเหรียญประจำตัวของเขาออกมา และก็พบว่าการอันดับรายชื่อของสำนักเฉียนหลง เริ่มได้มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลเบื้องต้นแล้ว ซึ่งก็ยังเป็นเอ๋าเฉียนจุนที่อยู่ในอันดับต้น ๆ ของรายชื่อ