ไหปีศาจ - บทที่ 301 เอ๋าเฉียนจุน ได้ลงมาจากภูเขาวิญญาณแล้ว
บทที่ 301 เอ๋าเฉียนจุน ได้ลงมาจากภูเขาวิญญาณแล้ว
บทที่ 301
เอ๋าเฉียนจุน ได้ลงมาจากภูเขาวิญญาณแล้ว
เหลือเวลาอีก 1 เดือนก่อนที่การแข่งขันชิงอันดับรายชื่อเฉียนหลงจะจบลง
แม้ในตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างสำนักเฉียนหลงและสำนักหม่าเฉินจะยังไม่ลงรอยกันเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็มีความสามัคคีกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
อันดับต้น ๆ ของรายชื่อยังคงถูกยึดครองโดยนักเรียนจากสำนักหม่าเฉิน
พวกเขาพยายามกันอย่างมากในการชิงอันดับ เพื่อที่ผู้อาวุโสของภูเขาแห้งแล้งอย่างท่านหม่าเฉิน ได้หลับตาลงอย่างสบายใจในวันที่เขาตาย
อย่างไรก็ตามผู้คนของสำนักหม่าเฉินก็เปิดโอกาสให้ผู้อื่นเช่นกัน เหล่าผู้ที่ครอบครอง 10 อันดับแรกเลือกที่จะไม่เข้ารวมการทดสอบต่อสู้จริงเพื่อชิงคะแนนต่อ พวกเขาไม่คิดจะกดคะแนนผู้อื่น
ตอนนี้สี่ในสิบอันดับแรกจึงเป็นของสำนักเฉียนหลง
ลั่วอู๋ มองไปที่อันดับรายชื่อเฉียนหลง โดยปัจจุบันหยู่เฮาอยู่ในอันดับแรกด้วยคะแนนสูงสุดที่ 117,000 คะแนน
ส่วนตัวลั่วอู๋ในตอนนี้มีคะแนนอยู่ราว ๆ เกือบจะถึง 108,000 คะแนน อยู่ในอันดับที่ 7 บ้าง 8 บ้าง
เก้าพันคะแนนนั้นฟังดูไม่ห่างกันมาก แต่ในความเป็นจริงแล้วการจะเพิ่มคะแนนให้มากกว่านี้มันยากมาก เพราะตอนนี้ทุกคนต่างก็เริ่มถึงขีดจำกัดกันแล้ว
เว้นแต่ลั่วอู๋มีวิธีใหม่ ๆ
ยกตัวอย่างเช่นผ่านการทดสอบ สาขาการปรับแต่งพลังวิญญาณในระดับ 8
หรือแบ่งปันความสามารถความรู้ของคนในกลุ่มเพื่อเพิ่มคะแนนรอบด้าน
แต่ลั่วอู๋ไม่คิดที่จะทำแบบนั้น
เขาคิดจะปล่อยให้หยู่เฮาได้อันดับ 1 ไป
อันดับต้น ๆ ของรายชื่อเฉียนหลงนั้นสำคัญกับเขามากเกินกว่าที่ลั่วอู๋จะชิงมันไป ส่วนในเรื่องเบาะแสเกี่ยวกับภูตไหนั้นนั้น ลั่วอู๋คิดว่าเขาน่าจะสามารถหาวิธีอื่นสืบเอาเองได้
คนอื่น ๆ ใน10 อันดับแรก ไม่ว่าจะเป็น ฉูจงฉวน เหว่ยเฉิงโฉว หรือเหวินเสี่ยว พวกเขาต่างก็มีคะแนนเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้ามาก และดูเหมือนว่าอันดับของพวกเขาคงจะไม่เพิ่มขึ้นไปมากกว่านี้อีกแล้ว
ส่วนอีก 5 อันดับที่เหลือ ก็ถือว่ามอบให้สำนักหม่าเฉินเป็นของขวัญไป
ตัวหยู่เฮาเองก็คงจะตระหนักถึงเรื่องนี้เช่นกัน เขาดูเริ่มผ่อนคลายลงมาก เพราะจากสถานการณ์ในตอนนี้ เขาน่าจะได้เป็นอันดับหนึ่งของรายชื่อเฉียนหลงอย่างแน่นอนแล้ว
ดังนั้นเขาจึงเพิ่มคะแนนตัวเองอย่างช้า ๆ
เวลาได้ผ่านไปเรื่อย ๆ
จนเหลืออีก 20 วัน
ครึ่งเดือน
10 วัน
5 วัน
การต่อสู้แย่งชิงอันดับรายชื่อเฉียนหลงกำลังจะจบลงในไม่ช้า
เหวินเสี่ยวยืนอยู่ที่ทางเข้าไปสู่สนามทดสอบ การรับรู้ ด้วยรอยยิ้มอันเรียบง่ายบนใบหน้าของเขา
ใครว่ากลยุทธ์ ไม่ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่ง?
นี่คือสิ่งที่เขาวางแผนมานาน
เขาใช้ข่าวลือและความเห็นอกเห็นใจของผู้คนในสำนักเฉียนหลง หยุดผู้คนในสำนักหม่าเฉิน ทำให้พวกเขาไม่คิดจะเพิ่มคะแนนกันต่อ และทำให้การอันดับรายชื่อเฉียนหลงไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ส่วนเขาจะกอบโกยโอกาสนี้ขึ้นสู่จุดสูงสุด ด้วยผลกระทบระลอกสุดท้ายของเขา
“ขอโทษนะ แม้ว่ามันจะชั่วร้าย แต่อันดับที่หนึ่งต้องเป็นของข้า” มีความรู้สึกผิดเล็กน้อยอยู่ในใจของเหวินเสี่ยว
ขณะเดียวกันนั้นเอง ที่ยอดเขาตรงจุดสูงสุดของสำนักเฉียนหลง ก็เต็มไปด้วยคลื่นพลังวิญญาณพุ่งสูงขึ้นไปบนชั้นเมฆ หมอกรวมตัวกันอย่างรุนแรง พลังมหาศาลถูกควบแน่นและผลักออกไป
ทั่วทั้งสำนักเฉียนหลงสั่นสะเทือน
เอ๋าเฉียนจุนได้ลงมาจากยอดเขาแล้ว
ลั่วอู๋ รีบเดินออกจากบ้านพักของเขาแล้วมองไปที่ยอดเขาวิญญาณในทันที
ร่างอันคลุมเครือกระโดดลงมาจากยอดเขาวิญญาณ ราวกับว่าเปลือกหอยที่ตกลงลงบนพื้น คลื่นพลังวิญญาณทั้งหมดถึงเป่ากระจัดกระจายออกไป เหลือเพียงแต่ร่างของเขาคนเดียวเท่านั้น
เอ๋าเฉียนจุนนั้นมีผมสีดำหนาและดวงตาที่ลึกเหมือนเส้นหมู่ดาวอันกว้างใหญ่ มีคลื่นพลังวิญญาณของธาตุลมและสายฟ้าวนเวียนอยู่รอบตัว ในอารมณ์บรรยากาศของผู้แข็งแกร่งที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง
ลมปราณอันรุนแรงถูกปล่อยออกมาโดยที่ไม่มีการสั่นไหวใด ๆ ราวกับว่ามันถูกประกาศออกไปให้ทุกคนในสำนักเฉียนหลงได้รู้พร้อมกัน
ว่าเขาอยู่ที่นี่แล้ว
ฝูงชนต่างหวาดผวา
เกรงว่าลมปราณนี้จะเป็นของผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทอง มิติ6
เขาฝึกฝนได้เร็วเกินไปแล้ว
“อันดับรายชื่อเฉียนหลงนี่มันยุ่งยากจริง ๆ เลย” เอ๋าเฉียนจุน ขมวดคิ้วเล็กน้อย เสียงของเขาดูหนาและทุ้มต่ำเปรียบได้กับสระน้ำลึก
ทันทีที่เอ๋าเฉียนจุน ก้าวเท้าออกไปข้างหน้า ทุกคนต่างก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวของเขา และต้องยอมหลีกทางให้โดยไม่มีใครกล้าขวาง
เขาไม่แม้แต่จะมองไปที่ลั่วอู๋ ในตอนที่เขาเดินผ่านข้างหน้าของลั่วอู๋ไป
ลั่วอู๋นั้นถูกเมินอย่างเห็นได้ชัด
ทายาทของตระกูลลั่วซึ่งเป็นคู่อริ ดูเหมือนจะไม่มีความสำคัญอะไรสำหรับเขาเลย
“เขาจะทำอะไร!” มีเสียงกระซิบและเสียงสนทนาแซ่งแซ่
“ ใครจะไปรู้เล่า แต่ข้าว่าต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่”
“เขาจะไปหาเรื่องคนของสำนักหม่าเฉินรึเปล่า ?”
“ก็เป็นไปได้นะ ตามดูเขากันก่อนเถอะ”
มีหลายคนเดินติดตาม เอ๋าเฉียนจุน เพื่อพยายามดูว่าเขาอยากทำอะไรกันแน่
แต่แล้วเอ๋าเฉียนจุน ก็หยุดลงเมื่อเขามาถึงสนามประลอง
มีคนกรีดร้องด้วยความสยดสยอง “ข..เขาต้องจะรับการทดสอบ!”
นับตั้งแต่มีการเริ่ม ต่อสู้แย่งชิงอันดับรายชื่อเฉียนหลง เอ๋าเฉียนจุน นั้นไม่ได้เข้าร่วมการทดสอบเพื่อหาคะแนนเลยแม้แต่ครั้งเดียว คะแนนรวมที่เขามีนั้นจึงมีแค่ 8000 คะแนนจากการสอบเข้าสำนักเฉียนหลงในตอนแรกเท่านั้น เขาเลยอยู่ที่อันดับต่ำที่สุดของอันดับรายชื่อเฉียนหลง
ทุกคนต่างก็คิดว่าเขาไม่สนใจการต่อสู้ชิงอันดับรายชื่อ
แต่ตอนนี้เขาได้มาถึงที่นี่แล้ว
ทั่วทั้งสำนักเฉียนหลงเดือดพล่านไปด้วยความตื่นเต้น แม้แต่ผู้คนจากสำนักหม่าเฉินเองก็ยังไม่สามารถนั่งนิ่งได้ พวกเขาทั้งหมดรีบกรูเข้ามาดูการทดสอบของอัจฉริยะระดับปีศาจในตำนานของสำนักเฉียนหลง
เอ๋าเฉียนจุน ได้ก้าวเข้าสู่การทดสอบ ความแข็งแกร่ง
ผ่านการทดสอบ ระดับเจ็ด!
อันดับ 1 ทำลาย สถิติเก่า ได้รับคะแนนเพิ่ม 3000 คะแนนรวม 21000 คะแนน
การทดสอบ การระเบิดพลัง
ผ่านการทดสอบ ระดับเจ็ด!
อันดับ 1 ทำลาย สถิติเก่า ได้รับคะแนนเพิ่ม 3000 คะแนนรวม 21000 คะแนน
การทดสอบ ความเร็ว
ผ่านการทดสอบ ระดับเจ็ด!
อันดับ 1 , คะแนนรวม 18000 คะแนน
……
……
การทดสอบ การรับรู้
ผ่านการทดสอบ ระดับเจ็ด!
อันดับ 1 , คะแนนรวม 15000 คะแนน
มีเพียงการทดสอบการป้องกันเท่านั้นที่เขาได้อันดับสอง เพราะอันดับหนึ่งนั้นเป็นของเหว่ยเฉิงโฉวที่เชี่ยวชาญด้านการป้องกัน ส่วนในการทดสอบอีกหกอย่างเขาได้อันดับหนึ่ง อีกทั้งเขายังได้ทำลายสถิติของทางสำนักเฉียนหลง ในการทดสอบด้านความแข็งแกร่งและการระเบิดพลัง
แต่ละคะแนนที่เอ๋าเฉียนจุนได้มาเปรียบเสมือนค้อนขนาดใหญ่ทุบลงไปในหัวใจของผู้คน
ในอันดับรายชื่อเฉียนหลง ชื่อของเอ๋าเฉียนจุน ได้พุ่งสูงขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุด
ลั่วอู๋ตกใจเมื่อเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ เรื่องไร้เหตุผลเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
การทดสอบเหล่านี้นั้นไม่ใช่อะไรที่ผ่านกันได้ง่าย ๆ และยังมีข้อให้สามารถผิดพลาดได้มากมาย แม้ว่าความสามารถจะเพียงพอ แต่ก็ต้องใช้ความพยายามหลายครั้งในการเข้าใจเพื่อผ่านมัน อย่างไรก็ตาม เอ๋าเฉียนจุน สามารถผ่านการทดสอบพวกนี้ทั้งหมดได้ในเวลาอันสั้น และเพียงครั้งเดียว
ชายคนนี้เป็นเครื่องจักรหรือยังไงกัน?
เขาไม่เคยทำพลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว!
คะแนนรวม บวกคะแนนคุณสมบัติเบื้องต้นคือ 137,000
ในอันดับรายชื่อเฉียนหลง ตอนนี้เอ๋าเฉียนจุนคืออันดับหนึ่ง
หยู่เฮา ที่อยู่ในอันดับสองนั้นห่างกันเพียงแค่ 20,000 คะแนน
คะแนนของเขาเป็นอะไรที่น่าตื่นตกใจมาก
เอ๋าเฉียนจุน เดินออกจากเวทีการทดสอบศิลปะการต่อสู้ และมองกวาดไปทั่วทั้งสนาม เพื่อค้นหาตัวของหยู่เฮาในฝูงชนอย่างแม่นยำ
“ทายาทแห่งหม่าเฉิน เจ้าเก่งมากในเรื่องของฝึกฝนวิชา ข้าต้องการคู่ต่อสู้ที่คู่ควรพอที่ข้าควรจะจริงจังด้วย และเจ้าผ่านคุณสมบัตินั้นไปได้อย่างฉิวเฉียด” เอ๋าเฉียนจุน กล่าวเบา ๆ
หยู่เฮาโกรธและโบกขวานยักษ์ในมือของเขา “ข้าขอท้าประลองเจ้าเดี๋ยวนี้”
เขารับไม่ได้กับคำสบประมาทดังกล่าว
“ไม่ล่ะ ตอนนี้เจ้ายังอ่อนแอเกินไป” เอ๋าเฉียนจุนหันศีรษะแล้วเดินจากไป ทิศทางที่เขาเดินไปคือยอดเขาวิญญาณที่เขาพักอาศัยและฝึกฝนเป็นประจำ
เห็นได้ชัดว่าเขากำลังจะกลับไปฝึกฝน
ฝูงชนทุกคนต่างกำลังจ้องมองไปที่เขา
นี่คืออัจฉริยะระดับปีศาจที่น่ากลัวที่สุดในประวัติศาสตร์ของสำนักเฉียนหลง
เขาทรงพลังมากจน ไม่มีใครสามารถต่อต้านได้
มือข้างที่ถือขวานอยู่ของหยู่เฮาสั่นเล็กน้อย ดวงตาของเขาระเบิดออกมาด้วยความโกรธ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนดูถูกแบบนี้
“หยุดก่อน!” จู่ๆลั่วอู๋ก็ลุกขึ้นยืน
เอ๋าเฉียนจุนมองไปที่ลั่วอู๋อย่างสงบ “เจ้ามีอะไรงั้นเหรอ?”
“ข้าชื่อว่าลั่วอู๋” การแสดงออกของลั่วอู๋จริงจังมาก ในระดับที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อน เขารู้สึกว่าต้องยืนหยัดเพื่อพูดประโยคนี้ให้อีกฝ่ายได้รู้
“แล้ว?”
ลั่วอู๋พูดไม่ออก เขาโกรธจนแทบจะกระอักเลือด
“ ทำไมเจ้าไม่ออกมาให้เร็วกว่านี้ ทำไมเจ้าถึงโผล่ออกมาในนาทีสุดท้ายเช่นนี้” ลั่วอู๋ถาม
ในตอนที่ผู้คนของสำนักเฉียนหลงต้องการให้เขาปรากฏตัว
เขากลับเอาแต่เก็บตัวอยู่บนนั้น
แต่เมื่อทุกคนตัดสินใจที่จะไม่ต่อสู้เพื่อแย่งชิงอันดับรายชื่อเฉียนหลง เขากลับปรากฏตัวขึ้นปล่อยให้ความหวังทั้งหมดของคนอื่นพังทลาย เขาดูไม่แยแสราวกับกำลังเล่นกับอารมณ์ของสาธารณชนไปพร้อมกับด้วยเสียงปรบมือ
ทำไมกัน?
“ ข้ากำลังยุ่งอยู่กับการฝึกฝน ถ้าไม่ใช่เพราะทางตระกูลร้องขอมา ข้าก็คงขี้เกียจเกินไปที่จะเข้าร่วม” เอ๋าเฉียนจุน พูดอย่างสบาย ๆ “ดูเหมือนว่า ข้าจะพอจำได้ว่าลูกหลานของตระกูลลั่ว คือสาเหตุที่ทำให้บรรพบุรุษของข้า ขอให้ข้าเข้าร่วมการชิงอันดับรายชื่อเฉียนหลง ลูกหลานของตระกูลลั่วคนนั้นคือเจ้างั้นเหรอ?”
“ใช่ ข้าเอง!” ลั่วอู๋โกรธจัด
“โอ้ สบายใจได้แล้วสินะ นี่ก็เท่ากับว่าข้าได้ทำในสิ่งที่ตระกูลขอให้ข้าทำแล้ว ดังนั้นต่อไปนี้ข้าคงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้อีกแล้ว”
ในที่สุดใบหน้าของ เอ๋าเฉียนจุน ก็แสดงให้เห็นถึงความสบายใจ
จากนั้นเขาก็ก้าวออกไปพร้อมกับแสงสีขาวสว่างวาบ
ลั่วอู๋คุ้นเคยกับพลังวิญญาณเช่นนี้เป็นอย่างดี มันคือทักษะ [ทะลวงมิติ] อีกฝ่ายคงใช้ทักษะนี้เพื่อเดินทางกลับไป
“หยุด ฟังข้าก่อน” น้ำเสียงของลั่วอู๋เต็มไปด้วยความเย็นชา
พลังวิญญาณของลั่วอู๋ปะทุเดือดขึ้นมาในทันที และภูตสงครามอันน่าสะพรึงกลัวก็พวยพุ่งออกมา พร้อมกับดาบระบำแห่งความตายที่ห่อหุ้มด้วยเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ ฟาดฟันใส่อีกฝ่าย
ความวุ่นวายเกิดขึ้นในบริเวณนั้น ทำให้พลังวิญญาณของทักษะทะลวงมิติถูกหยุดลง
เอ๋าเฉียนจุนหลบดาบของ ลั่วอู๋ แล้วมองไปที่แสงศักดิ์สิทธิ์บนร่างของ ลั่วอู๋ โดยคิดว่า “พลังของภูตสงครามสินะ”
“ข้าขอถามเจ้าว่าทำไม เจ้าถึงต้องการทำร้ายคนที่ไปเรียกเจ้าด้วย พวกเขาแค่ขอให้เจ้ารีบไปรับการทดสอบ ซึ่งก็สอดคล้องกับความคิดของตัวเจ้าเองอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ?” ลั่วอู๋มีน้ำเสียงอารมณ์เสีย
เอ๋าเฉียนจุน พูดเบา ๆ “เพราะมันเสียงดังเกินไป”
“ เพราะแบบนั้นเองเหรอ ?”
“ข้าไม่จำเป็นต้องถูกใครมาบอกว่าข้าต้องทำอะไร มันก็แค่นั้น” เอ๋าเฉียนจุน ดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย “พลังแห่งภูตสงครามเองก็มีคุณสมบัติที่จะทำให้ข้าจริงจังได้เช่นกัน เจ้าควรไปฝึกฝนมันให้ดีกว่านี้ หากเจ้าอ่อนแอเกินไปมันคงจะไร้ความหมายมาก”
มีความอ่อนแอในใจปรากฏขึ้นในใจของเหล่าผู้ที่มามุงดู
ขนาดคนที่แข็งแกร่งระดับ ลั่วอู๋ และหยู่เฮา พวกเขาก็ยังเป็นได้แค่ระดับคู่ต่อสู้ที่พอจะมีคุณสมบัติ ทำให้เขาจริงจังได้เท่านั้นเองงั้นเหรอ?
เอ๋าเฉียนจุนผู้นี้แข็งแกร่งถึงขนาดไหนกัน ?
ลั่วอู๋คำรามและกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เอ๋าเฉียนจุนก็ส่ายหัวแล้วกลายเป็นสายลมแรงพัดหายไปจากตรงนั้น