ไหปีศาจ - บทที่ 302 ก็ลองดูสิ
บทที่ 302 ก็ลองดูสิ
บทที่ 302
ก็ลองดูสิ
เอ๋าเฉียนจุนเดินจากไป
เขาขึ้นไปสู่อันดับหนึ่งของรายชื่อเฉียนหลงได้อย่างง่ายดาย ทำให้ผู้คนในสำนักเฉียนหลงทั้งหมดตกอยู่ในความโกลาหล และเขาก็ได้ดูถูกความแข็งแกร่งของทั้ง 2 ยอดฝีมือ
ด้วยความไม่สมเหตุสมผลนี้ เขาได้ประกาศต่อสาธารณชนว่าอัจฉริยะนั้นคืออะไร ความชั่วร้ายคืออะไร
เหวินเสี่ยวมองไปตรงหน้า
เขากำมือแน่น เล็บที่ฝั่งเข้าไปยังเนื้อ ทำให้เลือดไหลจนแทบจะหมดสติ
มันเกิดขึ้นได้อย่างไร
เขารู้สึกได้ว่า เขามีโอกาสที่จะสามารถเอาชนะหยู่เฮาได้ จากข้อได้เปรียบเพียงหนึ่งเดียวนั่นคือความอ่อนแอ
แต่เขาก็รู้ว่า เขานั้นไม่สามารถเหนือกว่าเอ๋าเฉียนจุนได้เลย
มันห่างชั้นกันเกินไป
ทำให้เขาตกอยู่ในความสิ้นหวัง
ดวงตาใส ๆ ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควัน เสียงอันน่าสะอิดสะเอียนดังอยู่ภายในใจ “ ให้ข้าช่วย ข้าสามารถช่วย เจ้าได้ ”
ภายใต้ความสิ้นหวังนี้ ในที่สุด เขาก็เริ่มเสียสติและสับสนไปหมด
“ ข้ายอมรับไม่ได้! ”
“ ข้ายอมรับไม่ได้! ”
หยู่เฮา ตะโกนขึ้นไปบนฟ้า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาต เขาสะบัดขวานที่อยู่ในมือ เกิดเป็นคลื่นพุ่งผ่านพื้นราวกับสายน้ำที่ไหลผ่าน กลายเป็นลมพายุอันน่ากลัวห่อหุ้มร่างกายของเขา
สามวันที่ผ่านมา
มันเป็นสามวันที่สั้นมาก
เขาครองตำแหน่งอยู่ในระดับสูงสุดเป็นเวลากว่า 3 เดือน โดยไม่มีใครสามารถทำให้ตำแหน่งของเขาสั่นคลอนได้ แต่ในช่วงเวลาสุดท้ายนั้น มันกลับเป็นเรื่องที่ง่ายมากที่จะสูญเสียตำแหน่งไป
เขาไม่ได้โกรธแม้แต่น้อย แต่เขาก็ไม่เต็มใจที่จะยอมรับมันได้
เขานึกถึงดวงตาอันอ่อนล้าของท่านหม่าเฉิน และความไม่เต็มใจของเขาดูเหมือนจะทะลักออกมาจากอก
“ หยู่เฮา! ใจเย็นก่อน ”
หยู่เสี่ยวฉางและผู้คนของสำนักหม่าเฉินต่างก็ส่งเสียง โห่ร้อง แต่กลับไม่มีใครกล้าจะเข้าใกล้เขา เพราะหยู่เฮาในตอนนี้นั้น เปรียบดั่งสัตว์ร้ายที่กำลังสูญเสียความรู้สึกไป
ดวงตาของหยู่เฮาแดงก่ำ เขาตะโกนออกมาในระหว่างการประเมินความแข็งแกร่ง
ระดับที่ 7 ผ่าน
อันดับที่ 1 คะแนนรวม 21,000 คะแนน
ด้วยเพราะความโกรธ ทำให้ความแข็งแกร่งของเขาปะทุออกมาอย่างไม่เคยมีมาก่อน จนถึงขั้นได้ทำลายขีดจำกัดของตัวเอง และผ่านการทดสอบในระดับที่เจ็ดได้สำเร็จ
” ยังไม่พอ! ยังไม่พอ! ”
หยู่เฮา ได้ทำลายโล่ป้องกันอีกครั้ง
การทดสอบการประเมินกำลังระเบิดออก
ระดับที่ 7 ผ่าน
อันดับที่ 1 คะแนนรวม 21,000 คะแนน
ผู้คนของสำนักหม่าเฉินต่างความประหลาดใจ มันเป็นเรื่องยากของหยู่เฮาที่จะสร้างปาฏิหาริย์
แต่มันก็น่าเสียดาย
นอกเหนือจากความแข็งแกร่งและการระเบิดพลังวิญญาณแล้ว หยู่เฮาไม่ได้คืบหน้าขึ้นเหมือนกับการทดสอบอื่น ๆ แม้แต่ในการประเมินการทดสอบการป้องกัน เขาก็ติดอยู่ในระดับที่ 6 ซึ่งเป็นระดับที่สามารถผ่านได้ง่ายดาย
การทดสอบนี้คิดมาอย่างยุติธรรมแล้ว
มันเป็นการทดสอบที่ทำให้นักเรียนได้เติบโต
คะแนนรวมทั้งหมดของการประเมินอยู่ที่ 125,000 คะแนน และคะแนนการประเมินก็เพิ่มขึ้นมาถึง 8000 คะแนน การยกระดับในครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก
น่าเสียดายที่ยังเขามีระยะห่างจากคะแนนของเอ๋าเฉียนจุนถึง 12,000 คะแนน
หยู่เฮานั้นอยู่ในสภาพที่ไร้เรี่ยวแรงจนทรุดลงกับพื้น ผู้คนที่อยู่รอบสายตาของเขาได้หายไป เขามองไปที่ขวานที่อยู่บนมือของเขาด้วยความมึนงง
ผู้คนในสำนักหม่าเฉินก็อยู่ในสภาพที่หม่นหมองเช่นเดียวกัน
พวกเขามองมาด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง
ผู้คนในสำนักเฉียนหลงก็อดทนไม่ได้เช่นกัน ถ้าเรื่องนี้มันเกิดไปเมื่อ 3 เดือนก่อนละก็ พวกเขาก็คงจะมีความสุขกับมันแน่นอน
ท้ายที่สุด เอ๋าเฉียนจุนก็ได้ช่วยสำนักเฉียนหลงเอาไว้ด้วยการโจมตีอันโหดเหี้ยม
แต่ว่าตอนนี้ พวกเขากำลังรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้คนจากสำนักหม่าเฉิน
มันเป็นเรื่องที่แย่มากที่พวกเขาต้องรอโอกาสหน้าในอีกในหกเดือนข้างหน้าแทน และยังถูกพรากอันดับสูงสุดไปด้วยวิธีที่น่าอับอายเช่นนี้ ในช่วงสามวันที่ผ่านมา
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาต่างก็กำลังพยายามอย่างหนักเพื่อท่านหม่าเฉินที่กำลังจะตาย
นอกจากนี้ ยังมีสิ่งที่สำคัญมากอีกอย่างหนึ่ง
ทุกคนนั้นเกลียดเอ๋าเฉียนจุน
เพราะเขานั้นเป็นคนที่หยิ่งยโสจนไม่สนใจให้เกียรติสำนักเฉียนหลงเลย เข้าทำร้ายนักเรียนคนอื่นอย่างไม่มีเหตุผล และแสดงท่าทีที่ไม่สมเกียรติเมื่อกำลังเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้
ช่างเป็นคนที่แข็งแกร่งมากจนน่ารำคาญ
” ผู้ชายคนนี้ช่างน่ารังเกียจเสียจริง ” หญิงสาวผู้ใช้พลังวิญญาณผู้หนึ่งกล่าว
“ ถ้าเขาไม่เต็มใจที่จะเข้ามาเพื่อร่วมการทดสอบก่อนละก็ มันก็คงไม่ใช่เรื่องน่าอับอายสำหรับคนในสำนักหม่าเฉินหรอก ”
” มันคงจะดีกว่านี้ถ้าให้เขาเป็นอันดับที่ 1 แทนที่หยู่เฮา แต่ถึงยังไงข้าก็ยังเกลียดเอ๋าเฉียนจุนมากกว่าอยู่ดี ” บางคนที่ได้รับบาดเจ็บจากเอ๋าเฉียนจุน กล่าวขึ้นมาด้วยความโกรธ
” ก็แค่นั้นเอง ”
ผู้คนในสำนักเฉียนหลงต่างพูดคุยกันด้วยเสียงที่แผ่วเบา และเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
แม้แต่เอ๋าหยู่เอง ผู้ที่เกิดในตระกูลเอ๋าก็ยังไม่เห็นด้วย เพราะหลังๆ มานี้ เขาก็ไม่ได้ชอบพี่ชายของเขามากนัก
ลั่วอู๋มองไปที่จุดสูงสุดของยอดเขาวิญญาณ ใบหน้าของเขาขุ่นมัวและดูน่ากลัว
เอ๋าเฉียนจุน ข้าจำเจ้าได้
ความกังวลปรากฏขึ้นบนดวงตาของหลี่หยิน นางพูดออกมาด้วยเสียงเบา ๆ “นายน้อย อย่าไปรบกวนเอ๋าเฉียนจุนเลยเจ้าค่ะ ท่านเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใจของหลี่หยินผู้นี่เสมอมา ”
ลั่วอู๋อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินคำนี้ และเขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมามาก
“ฮ่าฮ่า แน่อยู่แล้ว เพราะข้านั้นแข็งแกร่งมากที่สุด นอกจากนี้ ข้าจะไม่แพ้แน่ ข้ากำลังพยายามจัดการกับ เอ๋าเฉียนจุน ” ลั่วอู๋หัวเราะ
หลี่หยินแสดงสีหน้าแห่งความสุขออกมา
“ท่านจะใช้วิธีไหนเจ้าคะ? ” หลี่หยินถามด้วยความสงสัย
ลั่วอู๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ฉูจงฉวน ที่อยู่ด้านข้างของเขากำลังอยู่ในความสับสน “จริงรึเปล่า? เจ้ารู้วิธีเอาชนะเอ๋าเฉียนจุนได้งั้นหรือ?”
” อาจจะยังพอมีวิธีอยู่ ” ลั่วอู๋ไม่มั่นใจ
” เจ้าสามารถทำได้ถ้าเจ้ามีความสามารถมากพอ ” ฉูจงฉวนยังอยู่ในอารมณ์โกรธ ” ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นคนนอก และอันดับสูงสุดของรายชื่อมันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้า แต่เอ๋าเฉียนจุนช่างเป็นคนที่น่ารำคาญเสียจริง ”
ลั่วอู๋พยักหน้า
จากนั้น ลั่วอู๋ก็ได้เดินมาหาหยู่เฮา เขายังคงนั่งอยู่บนพื้น เขากำลังเหม่อมองขวานที่อยู่บนมือโดยไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
” หยู่เฮา เจ้าสบายดีหรือเปล่า? ” ลั่วอู๋ถาม
หยู่เฮาตื่นขึ้นเหมือนกับหลุดจากภวังค์ พร้อมกับแสดงรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวบนใบหน้า ” ข้าสบายดี แค่รู้สึกรำคาญนิดหน่อย ทั้ง ๆ ที่ข้าเป็นผู้สืบทอดของท่านหม่าเฉิน แต่ข้ากลับพ่ายแพ้อย่างง่ายดาย แม้ว่าจะไม่เกิดการต่อสู้อย่างจริงจัง ข้าได้รู้ว่าพลังของข้านั้นยังห่างไกลจากเอ๋าเฉียนจุน ”
” เขานั้นอยู่ในมิติวิญญาณที่สูงกว่า ถ้าเกิดว่าเราอยู่ในมิติวิญญาณเดียวกันกับเขาละก็ เขาอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเราก็ได้ ” ลั่วอู๋พูดอย่างสบายใจ
หยู่เฮา สงบสติลง “ เจ้าไม่จำเป็นต้องปลอบข้า ข้าแค่อยากจะอยู่เงียบ ๆ พวกเราคนจากอาณาจักรภูเขาแห้งแล้งจะไม่ยอมรับในความพ่ายแพ้ ถ้าครั้งนี้ข้าแพ้ ข้าก็จะหาทางเอาชนะในครั้งหน้า แต่มันก็น่าเสียดาย ที่ข้าไม่มีความสามารถมากเพียงพอที่จะขึ้นไปอยู่ในอันดับสูงสุดได้ ”
ท่ามกลางความกังวลและใจหายของผู้คนในสำนักหม่าเฉินเขาก็พูดขึ้นมา
“ นี่คือความคิดที่คนของสำนักหม่าเฉินควรจะมี ” ” พวกเราจากอาณาจักรภูเขาแห้งแล้งจะไม่มีวันยอมรับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้!” หยู่เฮาตะโกนออกมา
” อย่ายอมแพ้! ” คนอื่น ๆ เองก็พูดตามมาให้กำลังใจ
หยู่เฮามองพวกเขาด้วยความซาบซึ้ง
แม้ว่าพวกเขาจะพ่ายแพ้ แต่ความตั้งใจของพวกเขานั้นก็ไม่เคยหายไป
บางทีอาจจะเป็นเจตุจำนงอันแน่วแน่และความไม่ยอมแพ้ คือสิ่งที่หม่าเฉินต้องการเห็นมากที่สุด
“ มันเป็นเพียงแค่เพราะหายนะ ที่ทำให้พวกเราพ่ายแพ้ในครั้งนี้ ” หยู่เฮาพึมพำอยู่ในใจ ” มันคงจะดีกว่านี่ ถ้าคนที่ข้าแพ้คือเจ้า ”
เมื่อลั่วอู๋เห็นดวงตาของหยู่เฮานั้น ทำให้เขารู้สึกโล่งใจและจิตวิญญาณในการต่อสู้ของเขาลุกเป็นประกายขึ้นมา
เขาเกรงว่าหยู่เฮาจะรู้สึกผิดหวัง อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเขาจะคิดมากเกินไป คนที่อ่อนแอเช่นนั้นคงจะไม่ได้รับการยอมรับจากท่านหม่าเฉินเป็นแน่
“ในเมื่อเจ้าพูดแบบนั้นก็อย่าโกรธข้านะ ถ้าหากข้าจะชิงอันดับต้น ๆ ไป ” ลั่วอู๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม
หยู่เฮาส่ายหัว ” ข้าไม่โกรธเจ้าแน่นอน แต่เจ้าไม่ได้คิดจะชิงอันดับหนึ่งของรายชื่อใช่ไหม? ระยะห่างของคะแนนมันแตกต่างกันมากเกินไป ”
“ข้าว่าจะลองดู ไม่แน่มันอาจจะยังมีโอกาสก็ได้”
ลั่วอู๋หัวเราะออกมาอย่างมีเลศนัย