ไหปีศาจ - บทที่ 342 ไม่เป็นไร
บทที่ 342 ไม่เป็นไร
บทที่ 342
ไม่เป็นไร
สิ่งที่ลั่วอู๋ต้องการทำมากที่สุดในตอนนี้คือการใช้นัยน์ตามายาของเขา เพื่อดูว่าทั้งหมดนี้เป็นภาพลวงตารึเปล่า
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เมื่อคืนพวกเขายังอยู่ในภาวะสงครามกันอยู่เลย แต่หลังจากที่ได้คุยกันคืนเดียวพวกเขาก็ดูจะสนิทกันมากเสียอย่างนั้น นี่มันยังไงกันแน่?
“เจ้า … ” ตอนนี้ลั่วอู๋ไม่รู้ว่าจะถามอะไรอีกฝ่ายไปดี
ฉูจงฉวนยักไหล่ “ก็แค่หญิงสาวคนหนึ่ง มีอะไรแปลกมากนักรึไง ?”
หัวใจของลั่วอู๋เต็มไปด้วยความแค้น
ดูใบหน้าอันน่าเกลียดของมันสิ ไอ้บ้าคนไหนกันที่ร้องไห้ขอความช่วยเหลือจากเขาเมื่อวานนี้?
หลินยูหลัน ก้มหัวลงอย่างเขินอาย
“ข้าได้คุยกับหลินยูหลันเมื่อวานนี้ และได้พบว่ามันไม่ได้มีปัญหาอะไรมากมายระหว่างเราเลย จริงๆแล้วหลินยูหลันก็ยังคงเป็นเด็กผู้หญิงอ่อนโยนคนเดิม นอกจากนี้นางยังสนับสนุนให้ข้าไล่ตามความฝันของตัวเองอีกด้วย นางแค่กลัวว่านางจะต้องเสียข้าไป” ฉูจงฉวนมองไปที่หลินยูหลันด้วยเสน่หา
หลินยูหลัน พยักหน้าอย่างจริงจัง “มันไม่สำคัญว่าพวกเราจะได้แต่งงานกันหรือไม่ ตราบใดที่ข้าสามารถอยู่กับเจ้าได้แค่นั้นก็เพียงพอ”
“ข้าจะไม่มีวันทำให้เจ้าผิดหวัง” ฉูจงฉวน กล่าวอย่างเคร่งขรึม
ลั่วอู๋มองไปที่ฉากความรักอันบานสะพรั่งของทั้งสอง แต่เขาก็ยังคงสับสนอยู่ดี
ความรู้สึกของฉูจงฉวนนั้นไม่สามารถคาดเดาได้จริง ๆ
“รอข้าสักครู่นะ” หลินยูหลัน ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออกแล้วจึงรีบหันหลังวิ่งกลับไปที่บ้านพัก
หลังจากหลินยูหลันเดินจากไปแล้ว ลั่วอู๋ก็มีโอกาสได้ถามคำถามเสียที
“ สถานการณ์ของพวกเจ้ามันเป็นยังไงกันแน่เนี่ย?”
ฉูจงฉวน ตอบอย่างเคร่งขรึม “เมื่อวานนี้ข้าได้รับฟังความคิดเห็นของเจ้า และเตรียมที่จะพูดคุยกับ หลินยูหลัน อย่างไรก็ตามโดยที่ข้ายังไม่ทันจะได้เริ่มอะไร ข้าก็โดนผงไป่เฉียนซังหลินเข้าอีกครั้ง”
“หา?” ใบหน้าของลั่วอู๋สับสน “อะไรกันเนี่ย ? เจ้าเป็นคน งี่เง่าขนาดโดนเล่นงานด้วยท่าเดิม ๆ สองครั้งเลยงั้นเหรอ”
“ข้ากำลังคัดกรองความรู้สึกของตัวเองอยู่ ข้าเลยไม่ได้สังเกตเห็น” ฉูจงฉวน กล่าวด้วยความลำบากใจ “จากนั้นข้าก็ถูกทำให้อ่อนแอลง ถูกบังคับให้สาบานต่อสวรรค์และปฐพี ให้กลายเป็นคู่สามีภรรยากัน”
“โกหกน่า แล้วต่อจากนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกัน?” ลั่วอู๋อดไม่ได้ที่จะถาม
“ข้าเองก็พร้อมที่จะมีเพื่อนร่วมห้องสักคนอยู่พอดี … ”
“ดี ฉูจงฉวน เจ้าไม่คิดจะบอกรายละเอียดทั้งหมดกับข้าหน่อยรึไง”
“เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ?” ฉูจงฉวน กลอกตาสีขาว “หลินยูหลัน กดข้าลงบนเตียงในตอนนั้นแล้วร้องไห้ด้วยความสับสน”
“ ร้องไห้งั้นเหรอ?”
“ใช่ นางไม่รู้ว่านางจะต้องทำยังไงต่อ แต่นางรู้สึกเพียงแค่ว่า นางควรทำอะไรสักอย่างแล้วนางก็ร้องไห้ด้วยความกังวล”
ฉูจงฉวนมีแววตาที่ดูสับสนแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่เคยเห็นหญิงสาวร้องไห้ได้เศร้าขนาดนี้มาก่อน มันเหมือนกับสายฝน ข้าเห็นแล้วก็เลยสงสาร”
“นางนอนลงบนอกของข้าแล้วร้องไห้เป็นเวลา 1 ชั่วโมงเต็ม น้ำตานางทำให้เสื้อผ้าของข้าเปียกไปทั้งตัว จากนั้นนางก็ซับน้ำตาแล้วแก้ผลของผลไป่เฉียนซังหลิน ยอมปล่อยข้าไป”
ในคืนนั้น
หญิงสาวมองไปยังชายหนุ่มที่นางรักขณะร้องไห้
ในที่สุดนางก็ได้เขากลับมา
แต่เขาไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป
ดังนั้นหญิงสาวจึงเช็ดน้ำตาให้สะอาดหันหน้าไปทางชายหนุ่มที่ทิ้งสีสันไว้มากมายในวัยเยาว์ของนาง และในที่สุดก็พร้อมที่จะปล่อยเขาไป “หายไปซะ หายไปพร้อมสัญญาหมั้นของเจ้าเลย ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้าอีกต่อไปแล้ว”
ฉูจงฉวน รู้สึกเจ็บปวดอย่างอธิบายไม่ถูก
หญิงสาวที่กำลังน้ำตาซึมต่อหน้าต่อตาของเขา ค่อยๆซ้อนทับกับหญิงสาวผู้มีชีวิตชีวาแสนน่ารักในความทรงจำของเขาที่กำลังถือสัญญาหมั้นหมาย
“ข้าอยากคุยกับเจ้า” ฉูจงฉวนกล่าว
ทั้งสองเริ่มพูดคุยกันอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกในรอบแปดปี
พวกเขาพูดคุยกันมากมายเกี่ยวกับอดีตปัจจุบันและอนาคต แม้ทั้งคู่จะเปลี่ยนไปมาก แต่ดูเหมือนว่าจิตใจของทั้งคู่นั้นยังคงเหมือนเดิม
ฉูจงฉวนเห็นถึงความนุ่มนวลในหัวใจของหลินยูหลัน และ หลินยูหลันก็เห็นความมั่นคงที่อยู่ในหัวใจของฉูจงฉวน
พวกเขาคุยกันตลอดทั้งคืน จากนั้นก็นอนลงทั้ง ๆ ที่ยังใส่เสื้อผ้าชุดเดิมอยู่
หลังจากตื่นขึ้นมาทั้งสองก็ไม่ได้เอ่ยถึงอดีตอีก ในสายตาของพวกเขามีเพียงแค่ความรู้สึกที่อาจจะไม่สามารถอธิบายออกมาได้อย่างชัดเจน
หลินยูหลัน เดินออกมาจากบ้านพักแล้วส่งสัญญาหมั้นหมายให้กับ ฉูจงฉวน “ครั้งต่อไปที่เจ้าส่งมันกลับคืนมาให้ข้า ถ้าเจ้ายังคิดจะวิ่งหนีอีก ข้าจะหักขาของเจ้าอีกครั้งจริงๆแน่”
“ อย่าพูดถึงมันอีกเลยน่า” ฉูจงฉวน ยิ้มอย่างเชื่องช้าและรับสัญญาหมั้นหมายไป
ลั่วอู๋เข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดแล้วในตอนนี้
พวกเขาทั้งคู่พร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่กันอีกครั้ง
เป็นการจบลงด้วยดี
เมื่อเห็นว่าฉูจงฉวนสามารถหาคู่ชีวิตได้แล้ว ลั่วอู๋เองก็มีความสุขมากเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “แบบนี้เจ้าคงไปศาลาเสี่ยวเฉียงไม่ได้อีกแล้วสินะ”
การแสดงออกของฉูจงฉวนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เขาขยิบตาให้ลั่วอู๋อย่างบ้าคลั่งและพยายามทำให้เขาหุบปากลง
“ ศาลาเสี่ยวเฉียง?” สีหน้าของหลินยูหลันไม่สู้ดีนัก
แม้ว่านางจะไม่ใช่คนในเมืองหลวงของจักรวรรดิ แต่นางก็เคยได้ยินชื่อเสียงเกี่ยวกับร้านขายบริการในซ่องแห่งนี้
ลั่วอู๋ตะลึง “เจ้าบอกว่าเจ้าคุยทุกเรื่องกับนางแล้วนี่”
“เรื่องนั้นข้ายังไม่ได้พูด” ฉูจงฉวนดูสิ้นหวัง
หลินยูหลันฟื้นคืนคุณสมบัติของนางในฐานะลูกสาวของโจรที่ใหญ่ที่สุดในโลก นางหยิบแส้ในมือขึ้นมาแล้วมองไปที่ ฉูจงฉวน อย่างระมัดระวัง “เจ้าเคยไปที่ศาลาเสี่ยวฉางรึเปล่า ?”
“หลินยูหลัน ฟังที่ข้าอธิบายก่อนนะ … ”
“ถ้าเจ้าเคยไปที่นั่น ข้าจะหักขาของเจ้า!”
หลินยูหลันวิ่งไล่ฉูจงฉวน ด้วยแส้ยาวในมื่อ ขึ้นลงเขา
ผู้คนในสำนักเฉียนหลงไม่รู้สึกแปลกใจเลยเมื่อต้องเห็นเหตุการณ์นี้
ด้วยเหตุการณ์เมื่อวานนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ถือเป็นเรื่องปกติอย่างยิ่ง
ลั่วอู๋เกาหัวของเขา ข้าพูดอะไรผิดรึเปล่า?
……
……
หลังจากนั้นขาของฉูจงฉวนก็ยังไม่ได้ถูกหักแต่อย่างใด
ลั่วอู๋นั้นรู้เกี่ยวกับเรื่องและฉายาของฉูจงฉวน ในฐานะผู้มากด้วยเสน่ห์แห่งเขตหนานจุน แต่หลินยูหลันนั้นยังไม่ได้รู้ถึงเรื่องนี้
ที่น่าแปลกใจก็คือหลินยูหลันหลังจากที่ได้รู้ความจริง นางก็ยังยอมรับในการกระทำของฉูจงฉวนและอนุญาตให้เขาสามารถเข้าไปตามซ่องและร้านค้าบริการเหล่านั้นได้อีก ซึ่งทำให้ลั่วอู๋ ประหลาดใจมาก
เนื่องจากตลอดช่วงเวลาหลายปีมานี้ที่เขาได้ไปเที่ยวตามสถานบริการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหอราตรีนิรันดร์ หรือศาลาเสี่ยวฉาง เขาก็ไม่เคยปล่อยตัวให้เมามาก่อน
นอกจากนี้ยังปรากฏว่าสิ่งที่ฉูจงฉวนได้ทำนั้นมีเพียงแค่ดื่มประชันกับคนอื่น ๆ เล่นพิณและเล่นดนตรีเครื่องสาย
ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจของเขามีเพียงแค่หลินยูหลัน
ชายผู้โรแมนติกโปรยเสน่ห์ไปทั่วในสายตาของผู้คน แท้จริงแล้วคือคนที่รักเดียวใจเดียวที่สุด โดยที่ทุกคนคงจะคาดไม่ถึง
……
……
อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้นั้นคือการฝึกอบรมในมิติ
ลั่วอู๋เดินไปที่คฤหาสน์หวู่หยู่
“มีหินทะลวงมิติขายไหม” ลั่วอู๋ ถามเจ้าของร้านคฤหาสน์หวู่หยู่
หลังจากได้รับหินทะลวงมิติมาจากผู้บัญชาการหลินหลงและองค์จักรพรรดิ ลั่วอู๋ ก็สนใจในวัตถุวิญญาณลึกลับชิ้นนี้มาก
ตราบเท่าที่เขาทิ้งพิกัดเอาไว้ในหินทะลวงมิติ เขาก็จะสามารถใช้พลังวิญญาณในนั้นทำให้ทักษะการทะลวงมิติเกิดขึ้นและเดินทางไปสู่จุดหมายจากสถานที่อันห่างไกลได้ มันเป็นสุดยอดอุปกรณ์ช่วยชีวิต
โดยเฉพาะเมื่อเขาต้องเดินทางไปในสถานที่อันตราย หินทะลวงมิติก็จะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น
ผู้บัญชาการหลินหลงใช้ตัวเองเป็นพิกัด เพื่อที่ลั่วอู๋จะได้สามารถเรียกนางออกมาจากช่องมิติ มาช่วยตัวเขาในยามคับขันได้ ในขณะที่องค์จักรพรรดิตั้งพระราชวังเป็นพิกัดเพื่อที่ ลั่วอู๋ จะได้สามารถส่งตัวเองเดินทางหลบภัยไปยังพระราชวังได้ในทันที
“หินทะลวงมิติงั้นเหรอ มีสิ” เจ้าของร้านคฤหาสน์หวู่หยู่ มองไปที่ ลั่วอู๋ “หินทะลวงมิติมีราคาหนึ่งล้านคะแนน เจ้าต้องการซื้อมันสินะ”
เมื่อได้ยินราคา ลั่วอู๋ ก็อ้าปากค้าง “ไม่เป็นไร..”