ไหปีศาจ - บทที่ 343 พรแห่งชีวิต
บทที่ 343 พรแห่งชีวิต
บทที่ 343
พรแห่งชีวิต
ในหมู่นักเรียนทั้งหมด ลั่วอู๋นั้นถือว่าร่ำรวยมาก
เนื่องจากเขาทำเงินได้มากมายจากการขายสมุนไพรวิญญาณอย่างหญ้าพระธาตุ แม้ว่าเขาจะใช้คะแนนไปเป็นจำนวนมากสำหรับหลาย ๆ อย่าง แต่เขาก็ยังมีคะแนนสะสมไว้มากกว่า 500,000 คะแนน
น่าเสียดายที่แม้เขาจะมีเงินมากแต่มันก็ยังไม่พอสำหรับการซื้อหินทะลวงมิติ
ลั่วอู๋รู้ดีว่าหินทะลวงมิตินั้นมีค่ามาก แต่เขาไม่คิดว่ามันจะแพงได้ถึงขนาดนี้ ขนาดสัตว์วิญญาณระดับทองขั้นสูงหายากยังมีราคาเพียง 40,000 ถึง 50,000 คะแนนเท่านั้นเอง
“ พอจะมีวัตถุพลังวิญญาณที่สามารถทำหน้าที่เหมือนกับหินทะลวงมิติบ้างไหม?” ลั่วอู๋ ถามในลักษณะที่แตกต่างออกไป
เจ้าของร้านพูดอย่างไร้ความปรานี “อะไรก็ตามที่มีผลแบบเดียวกันกับหินทะลวงมิติล้วนมีราคาสูงมาก เจ้าซื้อมันไม่ไหวหรอก”
ลั่วอู๋รู้สึกหมดหนทาง และก็ยอมรับว่าอีกฝ่ายพูดถูก
“พอจะมีอะไรที่มีราคาถูกกว่านี้ และมีคุณสมบัติเกี่ยวข้องกับการทะลวงมิติไหม?” ลั่วอู๋ถามอีกครั้ง
เจ้าของร้านหยิบวัตถุพลังวิญญาณออกมาหลายชิ้น
สมุนไพรวิญญาณระดับสูงที่มีพลังแห่งห้วงมิติ – หญ้าพระจันทร์สีเงิน มันถูกเรียกเช่นนี้ เพราะว่ามันเปล่งแสงสีเงินออกมาราวกับพระจันทร์ที่ส่องแสงสีเงิน
แสงสีเงินนี้ไม่ใช่แสงจันทร์ แต่เป็นแสงที่เกิดจากการรวมตัวของพลังแห่งห้วงมิติ
สมุนไพรวิญญาณระดับสูงชนิดนี้ค่อนข้างหายาก ลั่วอู๋ ไม่เคยหาซื้อมันได้จากโลกภายนอก จึงไม่เคยมีมันในครอบครอง ว่ากันว่ามันเป็นวัตถุดิบหลักในการปรับแต่งยารวบรวมพลังวิญญาณบางชนิด
ยูนิคอร์นแห่งถ้วยทอง
สัตว์วิญญาณระดับทองขั้นสูงประเภทนี้ไม่ได้หายาก มันมีรูปร่างคล้ายกับลาและความแข็งแรงก็ไม่ได้มากเท่าไหร่ แต่เนื่องจากมันมีพลังของห้วงมิติ มันจึงมักจะถูกล่า
สัตว์วิญญาณชนิดนี้มีความสามารถอันแข็งแกร่งอย่างทักษะทะลวงมิติ
ผ้าไหมห้วงมิติ
วัตถุพลังวิญญาณที่ไม่อาจทราบแหล่งกำเนิดเฉพาะเจาะจงได้ มันถูกนำมาโดยผู้มีอำนาจบางคน ในตอนที่พวกเขาหลบหนีเข้าไปในช่องว่างมิติ ผู้คนต่างเดากันว่าวัตถุนี้ถูกสร้างขึ้นโดยพลังวิญญาณในห้วงมิติ และเนื่องจากมันมีความบางเหมือนผ้าไหม มันจึงถูกเรียกว่าผ้าไหมห้วงมิติ ซึ่งมีผลในการช่วยเสริมสร้างความเสถียรให้กับประตูมิติหรือช่องว่างมิติ
ประตูมิติที่เพิ่งเปิดใหม่จำนวนมากจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ของความไม่แน่นอนในห้วงมิติ ดังนั้นจึงต้องการใช้ผ้าไหมห้วงมิตินี้เพื่อทำให้มันเสถียร
ลั่วอู๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตัดสินใจซื้อพวกมันมาอย่างล่ะหนึ่งในราคา 50000 แต้ม
หลังจากซื้อพวกมัน ลั่วอู๋ ก็กลับไปที่บ้านพักของเขา
เขาเข้าสู่มิติไหอีกครั้ง
หนังสือสัตว์วิญญาณที่อยู่ในจุดศูนย์กลางของมิติไหเต็มไปด้วยแสงแพรวพราว เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นเฉพาะในตอนที่มันได้ทำการบันทึกข้อมูลของสัตว์วิญญาณหายากตัวใหม่เท่านั้น
แต่ลั่วอู๋นั้นยังไม่ทันได้รับสัตว์วิญญาณหายากตัวใหม่เข้ามาเลยด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดว่ามีสัตว์วิญญาณหายากตัวใหม่เกิดขึ้นมาเองในมิติไห
ลั่วอู๋เงยหน้าขึ้น
ท้องฟ้าที่อยู่ไม่ไกลออกไป เต็มไปด้วยแสงสีเก้าสีมารวมตัวกันและพุ่งไปข้างหน้าราวกับมีสายรุ้งจำนวนนับไม่ถ้วนแขวนอยู่บนท้องฟ้า
“ มันคือเจ้านกโง่เองสินะ” ลั่วอู๋ยิ้ม
ตั้งแต่มีข้อตกลงที่จะช่วยเหลือกันและกันครั้งล่าสุด ลั่วอู๋ ก็ได้ริเริ่มช่วยเจ้านกหน้าโง่ให้แข็งแกร่งขึ้น เขาได้มอบยารวบรวมพลังวิญญาณและพัฒนามิติวิญญาณของมันด้วยพลังของไหปีศาจ
ในที่สุดนกโง่ก็ยกระดับมิติวิญญาณไปถึงระดับทองได้สำเร็จ
ตอนนี้มันดูมีความศักดิ์สิทธิ์และหล่อเหลายิ่งกว่าเดิม ขนนกที่อยู่ด้านหลังคอของมันเปล่งลมปราณแปลก ๆ ออกมา และร่างกายของมันก็กลายเป็นสีขาวล้วนแสดงถึงศักดิ์ศรีและความศักดิ์สิทธิ์ของมัน
“แกว๊ก!”
นกหน้าโง่กู่ร้อง
เสียงของมันเต็มไปด้วยศักดิ์ศรีของผู้ที่อยู่เหนือกว่าแฝงด้วยความรู้สึกแปลก ๆ ที่ไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน
เมื่อได้ยินเสียงนี้หนึ่งในสามของแร้งทรายและเหยี่ยวหยกขาวก็เริ่มโผบินไปพร้อมกับแสงสีขาวลึกลับ
“นั่นมันอะไรกัน!” ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจ
หนึ่งในสามของแร้งทรายและเหยี่ยวหยกขาวได้ทำการวิวัฒนาการตนเอง
สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่า สัตว์วิญญาณทั้งสองประเภทนี้เป็นเพียงสัตว์วิญญาณระดับทองแดง ซึ่งถูกจำกัดไว้โดยแก่นวิญญาณแต่กำเนิด ดังนั้นพวกมันจึงสามารถพัฒนามิติวิญญาณได้มากที่สุดเพียงแค่ระดับทองแดงมิติ 10เท่านั้น
ซึ่งพวกมันส่วนใหญ่ก็ได้ไปถึงระดับทองแดงมิติ 10 กันแล้ว
ตามหลักแล้วน่าจะมีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่จะสามารถวิวัฒนาการตนเองได้ อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกมันกำลังเริ่มวิวัฒนาการเป็นจำนวนมาก ทำไมกัน?
ลั่วอู๋พยายามนึกถึงต้นเหตุอย่างรวดเร็ว
ตัวแปรที่สำคัญอาจเป็นเสียงกู่ร้องของนกหน้าโง่
ลั่วอู๋จึงรีบตรวจสอบข้อมูลของนกโง่
นกหน้าโง่นั้นมีทักษะเพิ่มขึ้นมาอีกสองอย่าง
ทักษะระดับ SS [พรแห่งชีวิต] ทักษะระดับ s [วิหกอมตะพุ่งถลา]
วิหกอมตะพุ่งถลาเป็นท่าไม้ตายที่จะทำให้มันดำดิ่งลงมาจากอากาศ ปลดปล่อยพลังของนกอมตะเข้าสังหารคู่ต่อสู้ในทันที
ส่วนพรแห่งชีวิต ทักษะนี้เป็นอะไรที่มีความมหัศจรรย์มากกว่ากันว่ามีเพียงสัตว์วิญญาณที่มีพลังแห่งศรัทธาเท่านั้นที่จะสามารถเชี่ยวชาญมันได้
มีสัตว์วิญญาณเพียงไม่กี่ชนิดนอกเหนือจากสัตว์วิญญาณระดับจักรพรรดิเท่านั้นที่จะสามารถควบคุมทักษะที่มีพลังแห่งศรัทธาได้
ทักษะนี้เป็นทักษะที่สามารถกระจายความแข็งแกร่งของตนเองไปยังพื้นปฐพีและมอบพรให้แก่ผู้ที่เชื่อและศรัทธาในตัวผู้ใช้ได้
อย่างไรก็ตามเนื้อหาที่อยู่ในพรนั้นไม่จำเป็นจะต้องเจาะจงเสมอไป
เห็นได้ชัดว่าคำอวยพรของนกโง่นั้นมีแต่ความรู้สึกเกี่ยวกับตัวมันเอง
การวิวัฒนาการนั้นมีหลายรูปแบบ สำหรับสัตว์วิญญาณแบบเดียวกัน อาจจะทำให้เกิดการวิวัฒนาการหลากหลายรูปแบบนับไม่ถ้วนขึ้นได้ แต่ครั้งนี้มันแตกต่างออกไป
แร้งทรายทั้งหมดได้รับการวิวัฒนาการมาเป็นแร้งหินผา ขนาดร่างกายของพวกมันเพิ่มขึ้นมาถึงสามเท่า ดวงตาของพวกเขาเองก็เฉียบคมขึ้น ปีกสีดำของพวกมันแข็งแกร่งเหมือนหิน และพวกมันแต่ล่ะตัวล้วนมีแรงกดดันอันมหาศาล
แร้งหินผาหลายร้อยตัวกระพือปีกบินไปท้องฟ้า ทำให้ทั้งท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยความมืดมิดมืดมน
ส่วนฝั่งเหยี่ยวหยกขาวก็ได้วิวัฒนาการมาเป็นเหยี่ยววายุสลาตัน ร่างสีขาวดั้งเดิมของพวกมันปรากฏลวดลายเส้นสีดำอันคมชัดหลายเส้นแสดงถึงความหยิ่งผยอง
มีสายลมแรงพัดอยู่รอบตัวพวกมัน เหยี่ยววายุสลาตันรวมตัวกันอย่างเรียบง่ายกลายเป็นพายุขนาดใหญ่
เนื่องจากพวกมันได้รับการรับรู้ในแก่นวิญญาณเหมือนกัน ดังนั้นทิศทางในการวิวัฒนาการของพวกมันจึงเหมือนกัน
นกหน้าโง่ส่งเสียงร้องอย่างพอใจเป็นเวลานาน
หลังจากนั้นฝูงนกจำนวนนับไม่ถ้วนก็มารุมล้อมมัน เหล่านกวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนล้อมรอบเจ้านกโง่เหมือนกับดวงดาว ทำให้มันดูมีเกียรติภูมิและศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมเสียอีก
เมื่อมองไปที่เหตุการณ์นี้ ลั่วอู๋ ก็อดไม่ได้ที่จะสรรเสริญมัน
เยี่ยมมาก
ดูเหมือนว่าความภาคภูมิใจที่อธิบายของมันจะไม่ได้มีแต่ข้อเสียเพียงอย่างเดียว
ความแข็งแรงของนกหน้าโง่ที่เพิ่มขึ้น ย่อมเป็นผลดีกับลั่วอู๋
นกหน้าโง่สัมผัสได้ถึงลมปราณของลั่วอู๋ จากนั้นมันก็กระพือปีกและพาเหล่าพี่น้องหนุ่มสาวจำนวนนับไม่ถ้วนบินลงมาอย่างภาคภูมิใจ
เมื่อหันหน้ามองไปทางเหล่านกที่บินวนมาดั่งกระแสน้ำเช่นกองทหารอันยิ่งใหญ่กำลังหันหน้าไปทางเมือง ลั่วอู๋ก็พูดเบา ๆ ว่า “ทำไมพวกเจ้าถึงยังอยากถูกทุบตีอีกล่ะ?”
ร่างของนกหน้าโง่สั่นสะท้าน จากนั้นบางตัวก็ก้มศีรษะอันหยิ่งผยองลงอย่างระมัดระวัง
ลั่วอู๋หัวเราะเบา ๆ แล้วสัมผัสขนนกอันนุ่มนิ่มที่หลังคอของนกหน้าโง่ “เจ้าทำได้ดีมาก ข้าจะช่วยให้เจ้าแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก”
นกหน้าโง่พยักหน้าอย่างตื่นเต้นแล้วจึงบินจากไปพร้อมกับเหล่าพี่น้องตัวน้อยของมัน
เขาไม่อยากแม้แต่จะคิดถึงมันเลย ในเมื่อความแข็งแกร่งของพวกนกเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก นี่จะต้องเป็นปัญหาใหญ่สำหรับไป่ฉีและกองทหารผีของเขาแน่
แต่ลั่วอู๋ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ
เขาคิดซะว่าให้มันเป็นการฝึกซ้อมของเหล่าทหาร อย่างไรก็ตามนกวิญญาณก็ไม่สามารถเอาชนะกองทหารผีได้ง่าย ๆ และทางกองทหารผีเองก็ไม่สามารถทำร้ายเหล่านกวิญญาณได้ ดังนั้นมันคงจะไม่เกิดการสูญเสียใด ๆ ขึ้นเร็ว ๆ นี้แน่
ลั่วอู๋เดินตรงไปที่หอคอยสีขาว
วันนี้เขาได้ซื้อวัตถุพลังวิญญาณมาสามชนิดที่มีพลังแห่งห้วงมิติ แม้ว่าเขาจะยังไม่แน่ใจ แต่ลั่วอู๋ก็อยากจะลองเสี่ยงโชคดู ว่าเขาจะสามารถสังเคราะห์อะไรดี ๆ ออกมาได้รึเปล่า
หอคอยสีขาวถูกเปิดใช้งาน
ลั่วอู๋เริ่มหลับตา แต่ครู่ต่อมาเขาก็ต้องส่ายหัวด้วยความผิดหวัง
ไม่มีความรู้สึกใด ๆ เลย
เห็นได้ชัดว่าไม่มีสิ่งใดเลยที่เขาจะสามารถนำมาสังเคราะห์ร่วมกับสามสิ่งนี้ได้
“แย่มาก…”
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ลั่วอู๋รีบออกจากมิติไหอย่างรวดเร็ว
ข้างนอกประตูมีเสียงที่ดูไม่สบายใจของหลี่หยินดังเข้ามา “นายน้อยท่านพอจะมีเวลาว่างรึเปล่าเจ้าคะ ? ข้าไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนการเวลาการฝึกฝนของนายน้อย เพียงแต่เสี่ยวไป่นั้นดูเหมือนจะกำลังคุมคลั่งเจ้าค่ะ”
ลั่วอู๋เปิดประตูในทันที “มีอะไรงั้นเหรอ?”
“เสี่ยวไป่อยู่ที่สนามหน้าบ้านพักเจ้าค่ะ ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงอยากรีบเข้าไปในห้องของนายน้อย ข้าจึงอดไม่ได้ที่จะข่มมันและสั่งให้มันหยุดเจ้าค่ะ” หลี่หยินกล่าว
เสี่ยวไป่ นั้นเป็นราชากระต่ายแห่งแดนสาบสูญ
ปกติมันเชื่องมาก แต่วันนี้นางไม่รู้ว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับมัน ตาของมันกลายเป็นสีแดงและดูเหมือนว่ากำลังมีอาการโรคร้าย มันทำให้เสียงบดขยี้อันรุนแรงอยู่ตลอดเวลา และดมไปทั่วทุกที่ทำให้สนามหญ้าหน้าบ้านพักเละไม่เป็นระเบียบ